สำรวจต้นไม้ข้างบ้าน

หมวดหมู่ของบล็อก: 

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีโอกาส ได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัด(ชุมพร) สาเหตุเนื่องจากแม่โทรมาบอกว่า "คุณยายเสียแล้ว" กำลังนั่งกินข้าวเช้าที่โรงงานอยู่ วางจานข้าวทิ้งทันทีเลย กินไม่ลงแล้ว โทรหาภรรยา โทรหาคุณน้า ที่อยู่ใกล้ ๆ กัน กับพี่ชายอีกคนที่ปทุมฯ สรุปว่าจะออกเดินทางกันไปเลย เพื่อให้ไปทันอาบน้ำศพ ออกจากศรีราชา 11 โมง ถึงปทุมฯ บ่ายโมง ออกจากปทุม บ่ายโมงกว่า ถึงบ้านชุมพร 2 ทุ่มพอดี ญาติ ๆ มากันหมดแล้วรอแค่ชุดผมอีกชุดเดียว ....นี่คือวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป...ได้แต่ถามตัวเอง ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เรากำลังวิ่งตามอะไรอยู่ แทนที่จะได้ดูแล คุณย่า คุณยาย ตอนปั้นปลายชีวิต กลับทำได้แค่ไปรดน้ำศพ ตอนนี้ก็ยังเหลือคุณย่าอีกคน ที่ไม่สบายอยู่ยิ่งพอทราบข่าวคุณยาย คุณย่าท่านก็เศร้าหนักไปอีก อยากกลับไปอยู่ดูแล แต่ก็ทำไม่ได้ พิมพ์ไปมันก็รู้สึกจุก ๆ ในอกยังงัยก็ไม่รู้ ..... ถ้าผมไม่เปลี่ยนความคิด ถ้าผมยังอยู่แบบนี้ ต่อไป ลูกหลาน ผมก็ต้องเป็นแบบนี้ ผมต้องเปลี่ยนความคิด และต้องเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต ต้องปลูกฝังให้เด็กรุ่นหลัง ได้รู้จักและอยู่กับความพอเพียง ให้ได้....นั่น...คือที่มาของการสำรวจต้นไม้ข้างบ้านครั้งนี้ แต่ได้แค่ข้าง ๆ บ้าน จริง ๆ ไม่ได้เข้าไปในสวนเลย เพราะยุ่งๆ กับงานมากกว่า ..... มาดูกันครับ บ้านสวนของ (พ่อกับแม่) ผม...

ต้นสูง ๆ ที่อยู่ระหว่างต้นมะพร้าว นั่นคือ "ต้นลูกหยี" ครับ ปลูกมา 20 ปีได้แล้วมั้ง แต่ไม่เคยมีลูกให้เห็นเลย

ค้างบวบ กับค้าง ถั่ว ใช้ต้นแค กับ พรหมสามหน้า ทำค้าง

มีให้เก็บกินอยู่ตลอดไม่ได้ขาด..

พรหมสามหน้าชัด ๆ ผมได้จากกระบี่ ประมาณ 8-9 ปีแล้วเมื่อครั้งยังทำงานอยู่กรมโยธาฯ

ห่อผ้าสีดา นี่ก็ขนมาจากกระบี่เหมือนกัน

สวนหย่อมหน้าบ้าน มีทั้ง กินได้ และกินไม่ได้

อีกมุม ....

กออะไร ไม่รู้ครับ มีอยู่นานแล้ว ไม่รู้จักชื่อ..

หน้าบ้าน ต้นสูง ๆ คือต้น "ธัมมัง" ส่วนที่เป็นพุ่มติดกัน "ลิ้นจี่" ไม่เคยมีลูกให้เห็นเหมือนกัน หลายปีแล้ว ปล่อยไว้อย่างนั้นให้ร่ม ๆ ไม่อยากโค่นทิ้ง..

สวนข้างบ้าน รก มีทุกอย่าง อยู่รวม ๆ กัน ทั้งไม้ผล และ ไม้ใช้งาน ทุเรียน สัปปะรด ลองกอง กล้วย พญาคชราช จันกะพ้อ ฯลฯ

ผักเหลียง มีอยู่รอบ ๆ บ้าน ..บางกอใหญ่มาก เก็บยอดได้เฉพาะด้านนอก ๆ ด้านในเข้าไม่ถึง แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู

ผักกูดข้างบ้าน พอได้เก็บกินอยู่เรื่อย ๆ พ่อเอาจากริมแม่น้ำมาปลูกไว้ นานแล้ว พ่อบอกว่าต่อไปจะมาหาตามริมแม่น้ำ ลำคลองคงไม่มีให้กินแล้วเพราะทุกสวนใช้กันแต่ยาฆ่าหญ้า จริงอย่างที่พ่อบอก ครับ เดี๋ยวนี้ ผมจะไปหาผักกูดตามริมคลองกินไม่ได้แล้วเพราะไม่มี

ข่าเหลือง หลายปีก่อนนิยมปลูกกันมาก มีเท่าไหร่ขายได้หมดที่บ้านก็เหมือนกัน ปลูกไว้ทั่วทั้งสวนเลย แต่ตอนนี้ขายไม่ค่อยได้แล้ว นาน ๆ จะมีออเดอร์จากโรงงานเครื่องแกงมาสักครั้ง ครั้งละ 100-200 กิโลกรัม...

เห็นมั้ยครับ ต้นอะไร ...

ที่ใบใหญ่ ๆ นะครับ "พญาคชราช"(ปอจง) พ่อเว้นต้นขนาดนี้ ไว้เต็มไปหมด สาเหตุเพราะได้ดูรายการทีวีรายการหนึ่งบอกว่า คุณสมบัติพอ ๆ กับ ไม้สัก ก็เลยเว้นไว้เยอะเลย แต่ผมมาหาข้อมูลทางอินเตอร์เนตดูแล้ว เป็นแค่ไม่เนื้ออ่อนชนิดนึง ไม่เหมาะกับการทำไม้โครงสร้าง ก็เลยบอกไปว่าให้ฟันทิ้งเสียบ้าง ไม่ต้องเว้นไว้เยอะ เอาไว้แค่ริม ๆ สวนก็พอ ที่ในสวนก็มีอยู่ต้นนึง พ่อเว้นไว้ ตั้งแต่ผมยังจำความไม่ได้ บอกว่าจะเอาไว้ให้ผมสร้างบ้าน ตอนนี้ ก็ 2 คนโอบได้มั้ง คงจะได้ใช้จริง ๆ ....ส่วนต้นที่เห็นอยู่ด้านหลังคือ จันกะพ้อ เดี๋ยวมีรูปชัด ๆ ให้ดูครับ ..

ต้นอะไรไม่รู้ครับ เห็นมีอยู่ 2-3 ต้น ใบคล้าย ๆ ต้นพิกุล แต่ไม่แน่ใจ ...

นี่ครับ จันกะพ้อ ผมได้เมล็ดมาประมาณ 10 ปีแล้วที่ อ.เคียนซา จ. สุราษฯ เมื่อครั้งยังทำงานอยู่กรมโยธาเช่นกัน ไปเห็นชาวบ้านเพาะไว้ และเอาไม้มาเลื่อยทำวงกบหน้าต่าง ผมคิดว่า ถ้าไม้เอามาทำวงกบได้ก็ต้องเป็นไม้เนื้อแข็ง แน่ ๆ ก็เลยสอบถามดู ได้ความว่าเวลาออกดอกหอมไปไกลรัศมี ไปไกลเป็นครึ่งกิโลเมตร ก็เลยไปเก็บเมล็ด แล้วส่งไปรษณีย์ มาให้พ่อ ตอนนี้มี 100 กว่าต้น พ่อเอาปลูกปนไปกับทุเรียน มังคุดเลย ตอนนี้บางต้นก็เป็นดอก ออกลูกบ้างแล้ว ต้นเล็ก ๆ งอกเต็มไปหมด ...จะเห็นว่ากิ่งด้านล่างไม่มีเลย ที่บ้าน ถ้าเป็นไม้ที่หวังไว้ใช้งานในอนาคต พ่อจะปีนขึ้นตัดกิ่ง ออกเหลือแต่ยอดลำต้นตั้งตรง ทั้งหมด เพื่อจะให้ได้ไม้สวย ๆ แต่ตอนนี้พ่อปีนไม่ค่อยไหวแล้ว ถ้าได้กลับไปอยู่บ้าน ผมก็คงทำต่อ .... พูดถึงเรื่องตัดกิ่งต้นไม้ นึกถึงต้นพญาคชราชต้้นใหญ่ที่พ่อเว้นไว้ หลังจากจำความได้ ต้นก็ใหญ่มากแล้ว ปีนไม่ไหว พ่อยังอุตส่าห์เอาเชือกปาขึ้นไปแล้วไต่ขึ้นไปกับเชืือกขึ้นไปตัดกิ่งออก เพื่อหวังว่าข้างหน้า "ลูก" จะได้มีไม้ไว้สร้างบ้าน ...ตอนเด็ก ๆ ผมมักจะถามพ่อเสมอ ๆ "พ่อ ทำไมพ่อต้องเว้นต้นไม้ไว้เยอะ ๆ ในสวนด้วย มันไม่รกหรือ" พ่อตอบว่า "เว้นไว้ให้ลูกได้ใช้" ตอนนั้นไม่เข้าใจพ่อหรอกครับ พ่อเผลอ ผมแอบฟันทิ้งด้วย ไม่อยากให้สวนรก แต่ตอนนี้ "เข้าใจแล้วครับ"

ชัด ๆ ครับ จันกะพ้อ ...

ข้างหลังบ้าน ทุเรียน ขนุน และทางขวามือ ต้นสูง ๆ เป็นไม้ใช้งาน ชื่อภาษาทางการไม่รู้ แต่พ่อเรียก "ไม้แก่" เป็นไม้เนื้อแข็ง เคยเอาทำเสาฝังดินไว้เป็น 10 ปี ปลวกไม่กิน พ่อก็คิดว่าน่าจะเป็นไม้ดีชนิดนึง ก็เลยปลูกไว้ มีทั้งหลังบ้าน หน้าบ้าน ข้างบ้าน ....ก็คงไม่แคล้ว "ลูก" ได้ใช้งานอีก ...

ต้นนี้อยู่ข้างบ่อน้ำ หน้าบ้าน อยู่คล้ายต้นตาเป็ดตาไก่ แต่ไม่ใช่ ยอดจิ้มน้ำพริกอร่อย ออกเปรี้ยว ๆ มัน ๆ พ่อเรียก "ต้นคราม" ภาษาทางการไม่รู้เหมือนกันครับ

ชมพู่มะเหมี่ยว อยู่ข้าง ๆ บ่อน้ำ

ทั้งต้นมีอยู่ 2 ลูก แต่ดอกเพิ่งออกเต็มต้น ...

เดินมาเรื่อย ๆ มากองขยะเข้า แต่เป็นขยะที่ย่อยสลายได้ พ่อจะเอามากองรวม ๆ ไว้ตรงนี้ เดี๋ยวก็คงเน่ากลายเป็นปุ๋ยไปเอง

ให้ทายว่าต้นอะไร ....

นี่คือต้นใหญ่ ๆ เก็บยอดกินได้ เฉลยเลยแล้วกันครับ "เล็บกระรอก" บ้านผมเรียก "เล็บรอก" กินกับแกงเผ็ดฟักทองเข้ากั๊น เข้ากัน....

ดูยอดเค้าชัด ๆ ครับ ...

ให้ทายอีกแล้ว ที่เห็ใบถูกฉีกไปนะครับ ผมไม่แน่ใจก็เลยฉีกมาชิมดู อ๋อ ใช่เลย....

นี่ครับ เฉลย ...ที่เป็นพุ่มหลังต้นมะพร้าว "กานพลู"ครับ...

ทเรียน "ชะนีควาย" ข้างบ้าน เมื่อก่อนขายได้ เดี๋ยวนี้ขายไม่ได้แล้ว คนไม่นิยมกิน ..กินกันแต่หมอนทอง ต้องปล่อยให้สุกคาต้นแล้วหล่นเหมือนทุเรียนบ้าน แล้วเอามาขายรวมไปกับทุเรียนบ้าน

"ก้านยาว" ที่บ้านมีอยู่ต้นเดียว บางปีก็เป็น บางปีก็ไม่เป็น ไม่ขายครับ เอาไว้กิน .... ส่วนหมอนทอง ข้างบ้านไม่มี อยู่ในสวน ไม่ได้เข้าไปก็เลยไม่มีรูปมาให้เห็น ...

ทุเรียนบ้านครับ พ่อกับน้องไปเก็บมา แม่ค้ามารับซื้อถึงบ้าน กิโลกรัมละ 6 บาท บางต้นก็เนื้อดี หวานอร่อย แต่บางต้นก็มีแต่เมล็ด เนื้อนิดเดียว ไม่ได้เข้าในสวนก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปต้นมาให้ดู ต้นสูงมาก คงจำบล๊อกของ คุณแอน กันได้นะครับ บางต้นอายุเกือบ 100 ปีแล้ว สูงมาก ๆ ครับ ถ้าไปอยู่ใต้โคนแล้วโดนหล่นใส่หัว รับรองได้สลบอยู่ใต้ทุเรียนนั่นแหละครับ ....ทุเรียนบ้านถ้านำมากวน จะอร่อยกว่า ทุเรียนพันธุ์ครับ ยิ่งชะนี นี่ไม่ต้องพูดถึงเลย กวนยังงัยก็ไม่อร่อย แต่หมอนทองพอไหว .... แต่ทั้งหมดก็จะสู้ทุเรียนบ้านเพียว ๆ กวนไม่ได้ครับ อร่อยกว่ากันเยอะ ...

การแกะทุเรียนบ้าน จะไม่เหมือนกับการแกะ ทุเรียนพันธุ์ เอามีดแข็ง ๆ หน่อย แซะลงไปที่ท้ายลูก ...แบบนี้

แล้วฉีกออกตามร่องพู แบบนี้ ....ต้นนี้ เนื้อเยอะ เนื้อไม่เละ สุกหล่นลงมาแล้วก็ยังเหมือนทุเรียนห่าม ๆ หวาน มัน อร่อย ....คิดว่าถ้าจะปลูกทุเรียนบ้านเพิ่ม จะเอา(ยอด)ต้นนี้แหละมาขยายพันธุ์ (ถ้าใช้เมล็ดกลายพันธุ์ ไม่เหมือนต้นเดิมแน่นอน) เพราะลูกไม่โตมาก เนื้อก็ดี เผื่อต่อไปอาจจะ มีทุเรียนเป็นพันธุ์ ของตัวเองกะเค้าบ้าง ....ผมว่าจริง ๆ แล้ว ชะนี ก้านยาว ฯ ที่กิน ๆ กันอยู่แรกเริ่มเดิมที ก็คงมาจากทุเรียนบ้านนี่แหละ ต้นไหนเนื้อดี ก็เอาขยายพันธ์พันธุ์ต่อ จนมีชื่อเสียง ใครจะไปรู้ ต่อไปข้างหน้า ทุเรียนบ้านต้นนี้ของผม อาจจะเป็นต้นกำเนิดของ ทุเรียนพันธุ์ พันธุ์นึงก็ได้ .....

ไม่ได้เขียนบล๊อกเสียนาน ...จัดยาวเลยหวังว่าคงไม่เบื่อกันนะครับ ....ขอขอบคุณเวป ที่ทำให้ผมได้มีพื้นที่การเขียน บล๊อกนี้ ขอให้พี่น้องชาวบ้านสวนมีความสุขกันถ้วนหน้า ทั่วทุกคนนะครับ

เจอกันบล๊อกหน้าครับ



ความเห็น

ขอแสดงความสียใจด้วยครับ คุณยายท่านไปสบายแล้วครับ

ตอนเป็นเด็ก....มีแรง มีเวลา แต่ไม่มีเงิน กลางคน.....มีเงิน มีแรง แต่ไม่มีเวลา ปั้นปลาย.....มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง

ขอบคุณครับ ครูตี๋

เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"

ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ  กับการจากไปของคุณยายครับ

อ่าน

ขอบคุณครับ

เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"

และดีใจที่คิดได้เรื่องต้นไม้ในสวน

ขอบคุณครับ ... เมื่อก่อนไม่เข้าใจจริง ๆ ครับ ...แต่ตอนนี้ อยากปลูกเพิ่มด้วยครับ อยากทำเป็นสวนผลไม้ในป่า....อยากทำสวนยางในป่าผลไม้ ....

เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"

ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ

"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"

ขอบคุณครับ พี่แดง ...

เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"

เสียใจด้วยค่ะสำหรับเรื่องคุณยาย   ตอนนี้คงต้องทำดีกับคนที่อยู่ให้มาก ๆ แล้วล่ะ  เพราะไม่รู้ว่าพวกท่านจะอยุ่กับเราอีกนานแค่ไหน.....ถ้าบ้านพี่อยู่ใกล้ ๆ จะไปเหมาทุเรียนมากินให้อ้วนไปเลย

มีความสุขกับการที่ได้ให้มากกว่าการที่ได้รับ

ขอบคุณครับ พี่กุ้ง ...

เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"

หน้า