หาเรื่อง... มาคุย

หมวดหมู่ของบล็อก: 

        จากวันนั้น ที่เอาการบ้านเข้ามาส่ง โครงการ ฯ แม้คิดถึง สมช. อยู่มิวาย แต่ด้วยภารกิจที่ต้องรีบสะสาง ก่อนพเนจรลงใต้ ประการหนึ่ง กอปรด้วยหาสาระ ที่จะมาคุยด้วยแสนยาก จึงได้แค่วนเวียนอยู่นอกรั้วบ้าน ....

        อารัมภกถามาถึงตอนนี้ หลาย ๆ ท่านคงมีคำถามในใจขึ้นมาแล้วว่า ‘งั้นตอนนี้ ว่างงานล่ะซี’ หรือไม่ก็ ‘มีสาระอะไรมาเล่าขานกระนั้นหรือ’

               ก็ใคร่วิสัชนาตรง ๆ ว่า “ไม่ใช่ทั้งสองประการแหละ” ....

        เอาล่ะ ... ไม่ต้องถามต่อแล้วหละ ... บอกให้ซะเลยว่า หาเรื่องมา “เพราะคิดถึง ครับ” แต่ครั้นจะมามือเปล่า ก็กระไรอยู่ ... มีสิ่งติดไม้ ติดมือ มาก่อความรำคาญให้ผู้อ่านบ้าง ก็รู้สึกว่าจะสะใจพอสมควร ฮึ ๆ ๆ ๆ...

              เอ้า ... ไปดูกัน ว่าเอาอะไรมา ...????

        ด้วยว่า เช้านี้ ... (17 ก.ค. 2561) เข้าครัว ค้นหาสิ่งสนองสุขภาพ (แฮะ ๆ ๆ ... แก้ตัวไปงั้นแหละ ที่จริง สนองตัณหา ตะหาก) พลันตาเหลือบเห็น ...

 

 

 

 

                                   สิ่งนี้ .... ???

งาดำ ... ซึ่งตั้งใจคั่วไว้คลุกข้าว ปั้น กุ๊กกู้ หลอกตัวเอง

ตั้ง นานหละ ไม่หมด ซากก์ก์ ...ที 5555

 

 

 

 

 

 

         จักขุสัมผัส ปุ๊บ ... ‘สติ’ มาช้า ‘อวิชชา’ ถึงก่อน ... สัมภเวสี “หนมโคหัวรก ปักษ์ใต้” จึ่งจรมา แต่ทว่า ไม่สามารถอุบัติ ด้วยว่า หาม่าย (ไม่มี) มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย

        วิญญาณ จึ่งตีลังกากลางอากาศ ใส่เกลียวกี่รอบ ลืมนับ ... ใคร่จะปฏิสนธิเป็น “หนมโคกะทิ” แต่ก็อีกแหละ ‘เชื้อไม่สมบูรณ์’

        สุดท้าย ก็กระเสือก กระสน เกิด ภว ชาติ จนได้ ... แต่ไม่ทราบจะ ขนานนามว่ากระไร

             เอ้า ... ดูเอาเอง ... เรียกกันเอาเอง ... เรียกไร ได้เพ (ได้ทั้งนั้น)

 

 

 

 

 

 

     “งา” ...สิ่งเร้าเริ่มต้น ถูกนำมาบุบ จนใกล้ ๆ แหลก

ผสมกับน้ำตาล ซึ่งไม่ทราบว่าจะเรียกว่าน้ำตาลไรดี เพราะ

      ไม่ใช่ น้ำตาลปีบ และก็ไม่ใช่น้ำตาลปึก ... รู้แค่ว่า

เป็นน้ำตาลที่เคี่ยวจากน้ำจากงวงจั่น โตนด ตั้งไฟอ่อน ค่อนปานกลาง ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย ผัดให้เข้ากัน พอปั้นก้อนได้

     ปิดเตาพักให้เย็น รอปั้นเป็นไส้ ใครจะปั้นร้อน ๆ ก็ไม่ผิดกติกานะครับ

 

 

        ระหว่างรอ ไส้งา เย็น ... จัดการนำแป้งข้าวเหนียว มาใส่ภาชนะผสม (จะอะไรก็ได้ที่สะดวก แต่ข้าพเจ้าใช้โคม เล็ก ๆ = กะละมัง) เอาแป้งมันใส่ตามลง หีดหุ้ย (เล็กน้อย) ... คุ้ย (คน)ให้เข้ากัน

      เอาน้ำร้อน มาค่อย ๆ รินใส่ลง ทีละน้อย สลับกับการคนด้วย พาย หรือ ทัพพี (ใครไม่กลัวร้อน จะใช้มือคนโดยตรงก็ได้นะ) สังเกตดู ว่าแป้งชื้น ปั้นก้อนได้ ก็หยุดน้ำ แต่คนต่อ จนอุณหภูมิลดพอจะใช้มือได้ ก็ใช้มือ คลุก นวด จะถนัดกว่า ... นวดจนได้แป้งเนื้อเนียน จึงแบ่งแป้งเป็นก้อน ๆ เตรียมปั้นลูก พึงใจขนมลูกขนาดไหน ก็เอาตามนั้นแหละ

 

 

 

 

 

 

 

        แบ่งก้อน ๆ แล้ว เป็นฉะนี้ แล ...

   ทำแค่นี้แหละ ... ทำเยอะ กินเยอะ ... อ้วน !!!

 

 

 

 

 

 

 

 

       ไส้ ... พร้อม … !!

              แป้ง ... พร้อม ... !!

      แล้วจะช้าอยู่ใย แผ่แป้ง ... เอาไส้ วางใส่ ไว้กลางแป้ง ... ห่อ ... จีบ ... คลิง (คลึง) ต้องการกลม แค่ไหน ก็คลึงเอา

        ของข้าพเจ้า แค่นี้ก็ ถมถืด ... กลม ๆ ... เบี้ยว ๆ ก็เคี้ยว (หากยังมีฟัน) กลืน ... เช้าถัดไป ก็เอาออกอีกทาง ฮึ ๆ ๆ ๆ...

 

 

 

 

                      พัก “แป้งหุ้มไส้” ... ไว้พลางก่อน ถึงขั้นตอนต่อไป ทำให้สุก 

 

 

 

 

 

 

       ภาชนะที่จะใช้ต้ม ... ตั้งไฟ ... ใส่กะทิ (มากน้อยตามชอบ) ตามด้วย น้ำตาล (ชอบปึก ใส่ปึก ชอบทราย ใส่ทราย) ทุบขิง ใส่ เปิดเตา ไฟกลาง กระเดียดแรง คนจนน้ำตาล ละลายหมด และกะทิเดือดพล่าน เอาขนมที่ปั้นไว้ ใส่ลงไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    วางใจร่ม ๆ รอขนมลอยขึ้นมาจนหมด แล้วต่อเวลาให้ อีกสัก 2 – 3 อึดใจ ... ก็ปิดไฟซีคราบ บ์บ์บ์ ... เปิดไว้ เปลืองแก๊ส นะ

 

 

 

 

 

 

 

        แค่นี้ ก็ได้ขนมที่ไม่ทราบจะเรียกว่า ขนมอะไรดี (ก็มันผสมผสาน พันทาง มั่วไปหมด) ไว้กินแล้วครับ

  

 

 

 

 

 

       เอ้า ... มาทานด้วยกันไหมเอ่ย

 

 

 

 

 

 

 

        ว่างนัก มักเป็นฉะนี้แล ... ฟุ้งซ่าน ไปตามใจเพรียก ซึ่งแน่ ๆ ว่า ย่อมมีผลกระทบต่อผู้ใกล้เคียง ที่สัมผัส ซึ่งมีทั้งผู้ รำคาญเบื่อหน่าย ... เฉย ๆ ... และชื่นชอบ

        หากบันทึกนี้ ก่อความรำคาญ เบื่อหน่ายแก่ท่าน ก็ต้องขออภัยยิ่ง ที่รบกวน แต่ด้วยความรู้สึกผูกพัน เพรียกหา จึ่งเข้ามา ยาม เยือน จะได้ไม่ห่าง หาย เนิ่นเกินกาล

                หวัดดีครับ Laughing

ความเห็น

จัดว่าเด็ด! (นี่แค่เห็นภาพนะครับยังไม่ได้ชิม)

ไร่สุโขทัยนี้ดี ไร่นี้มีแต่ความสุข

ดีแล้วที่ไม่ชิม ...

      ชิมไปอาจต้องเหลียวมองรอบ ๆ ... พลางปรารภ ... "จะเทตรงไหนดีหว่า..." 5555

เยี่ยมยอด เลยค่ะคุณลุง .. หาของที่มีในครัว โดยไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่ม มีสิ่งใด ก็ใช้สิ่งนั้นทดแทน จากหนมโค หัวรก มาเป็น หนมโคกะทิ น่ากินทีเดียว .... ขอบคุณมากๆด้วยค่ะ ..... บัวว่า ซดน้ำ ด้วย เกลี้ยงชามแน่ (ถ้าได้ชิม)

       ทุกอย่าง ซื้อมาไว้นานแล้วแหละครับ แต่มัวถวิล & เสาะ ของถูก "รัดดวง" (ถูกใจ) อย่างอื่น มาเรื่อย ๆ จนบางอย่าง เช่นงาดำ ออกสาบ เล็ก ๆ แล้ว ...

        เอามาใช้ซะก็ดีกว่าปล่อยไว้ให้เสียของเปล่า