อร่อย “เจ” อีกที .... ทำ “หมี่กึง”

หมวดหมู่ของบล็อก: 

        ช่วงนี้ ... ยังคงอยู่ในห้วงเทศกาล เจ

     จึงคิดเอาเอง แบบตื้นเขิน ว่าการนำเสนอบันทึก สิ่งที่เกี่ยวกับ อาหารเจ เมนูเจ หรือ แม้วิธีการเตรียมวัสดุ สำหรับเข้า เมนูเจ น่าจะให้ประโยชน์ กับท่าน ผู้อธิษฐานเจ บ้างตามควร

     ท่านจะใช่ ผู้ที่ อธิษฐานเจ หรือไม่ ก็ตาม ... หากผ่านแผง ซุ้ม หรือร้าน จำหน่ายอาหารเจ จะเห็นป้ายบอกราคาอาหารชนิดต่าง ๆ ที่ผลักให้เราถอยออกเดินห่าง ๆ ... ด้วยว่า ล้วนค่อนข้างสูงทั้งสิ้น

         โดยเฉพาะ “ของเทียม” !

     ยินดั่งนี้ ... ท่านคงตริค้านในใจซีนะ ว่า ... ‘มีด้วยรึ ของเทียม แพงกว่าของแท้’ ...

     หากต้องการคำตอบ ... ท่านก็ไปที่ แผง ซุ้ม หรือ ร้านขายอาหารเจ แล้ว ถามหา ของเหล่านี้ ...

        ไส้เจ ... หมู่แดงเจ ... เป็ดเจ ... ปลาเค็มเจ ... ฯลฯ ... ซึ่งเหล่านั้น ล้วนเป็นของที่เขาบอกว่า ของเทียม เลียนแบบ อาหาร “ชอ” ... แล้วท่านจะกระจ่าง

     ของเทียม ๆ ที่นำมาประกอบอาหารเจ เกือบทั้งหมด ทำมาจากสิ่งที่ ข้าพเจ้านำเสนอ ในวันนี้  ซึ่งท่านสามารถทำมันขึ้นมาได้เอง และก็ง่าย ๆ ซะด้วย

     สิ่งนั้น เรียกว่า “หมี่กึง” ... เนื่องจาก บล็อกนี้ ประสงค์นำเสนอ แค่ วิธีการผลิต ... มิได้มุ่งรู้ด้านโภชนาการ จึงมาร่วมทำความรู้จักเพียงว่า ...

     หมี่กึง ... เป็นโปรตีน หรือส่วนกากใย ของแป้งสาลี ต่างจากโปรตีนจากถั่วเหลือง ... มีการะบวนการผลิตดังนี้

 

 

 

     

     หาแป้งสาลี จะโดยวิธีใดก็ได้ แต่ควรเป็นชนิดที่ใช้ทำขนมปัง ... แต่ข้าพเจ้า หามาโดยวิธีซื้อ

    ได้มาแล้ว ... เทใส่ ภาชนะที่มี ตามชอบ แต่ควรกว้างสักหน่อยจะสะดวกใช้

 

 

 

 

 

 

    คว้าแก้ว ที่มีในบ้าน ซึ่ง ข้าพเจ้าใช้แก้วนี้ ... ไม่น่าเรียกแก้วเนาะ

    ช่างเหอะ ... เอาเป็นว่า ถ้วยเซรามิค มีหูใบใหญ่ น่ะ

    ลายข้างแก้ว จะลายอะไร ช่างมัน

 

 

 

 

 

 

 

 

     ใส่น้ำให้เต็มแก้วนั้น จะด้วยวิธีตัก หรือ เทใส่ก็ได้

    แล้ว เทใส่ลงในแป้งที่นอนรออยู่ในอ่าง อย่างไม่ต้องยั้ง

 

 

 

 

 

 

 

 

    ใช้ พาย (พายทำขนมนะ ไม่ใช่พายเรือ) ตะล่อม คนให้เข้ากัน

    หากถนัดมือ จะใช้มือก็ไม่ผิดกติกา ... แต่อย่านวด ... แม้จะชอบนวดก็เหอะ

    แป้งจะเริ่มเป็นลิ่มเล็ก ๆ เพื่อบอกเราว่า เขาเริ่มรู้จักกัน คนจนรู้สึกว่าทั่ว

 

 

 

 

 

 

 

     เอาน้ำมาเติมอีกแก้ว ... ใช้แก้วเดิมนั้นแหละครับ เป็น 2 แก้ว ละนะ

     คน คลุก อย่างตอนแรก ลิ่มแป้ง ปรากฏใหญ่ขึ้น ดูว่าทั่วดี

 

 

 

 

 

 

 

 

    เติมน้ำอีกครึ่งแก้ว ... รวมเป็นสองแก้วครึ่ง ละนะ

    ใช้วิธี คลุกเคล้าอย่างเดิม ... ตอนนี้ ข้าพเจ้า ใช้มือ เพราะจะช่วยคลุกเคล้า พลิก กลับได้ทั่วกว่าใช้พาย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     แต่ไม่นวด ครับ ... จนได้แป้ง คล้าย ๆ Dough ปาท่องโก๋

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     ตะล่อมกอง กวาดรอบภาชนะ สะอาด หาฝามาปิดครอบแป้ง กันการระเหยน้ำไว้

 

 

 

 

 

   

 

 

 

 ไปทำอะไร ต่อมิอะไร ซะประมาณ 2 ชั่วโมง ...

         กลับมา ยกถาดเปิดดู

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     นำไปล้างน้ำสะอาด โดยใส่น้ำให้ท่วมแป้ง

    ใช้มือช้อน พลิก กลับ แป้ง พร้อมดึงแผ่ อย่างเบามือ อย่าให้แป้งขาดจากกัน

     ช้อน ดึงแผ่ พลิก ... ช้อน ดึงแผ่ พลิก ... ช้อน ดึงแผ่ พลิก ... ๆ ๆ ๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

     จนเห็นน้ำที่ล้าง ข้นเป็นน้ำแป้ง ...ช้อนก้อนแป้งใส่ภาชนะ ที่น้ำรั่วผ่านได้

 

 

 

 

 

 

     ส่วนน้ำล้างแป้ง ในภาชนะ หากจะนำไปทำแป้ง “ตังหมิ่น” ที่ใช้ห่อ “ฮะเก๋า” .. ก็เทรวมไว้ในภาชนะอื่น

      หากจะทิ้ง ... ไม่ควรเทลงท่อระบายน้ำ เพราะอาจเป็นเหตุให้ท่อตันได้

     ล้างไปกี่ครั้ง หรือจนหมดความขยัน ก็ได้ ... แต่ไม่ควรน้อย กว่า 5 – 6 ครั้ง ... การล้างตั้งแต่ ครั้งที่ 4 เป็นต้นไป เราสามารถ ขยำ ขยี้ บี้ บีบ แป้ง แรง ๆ ได้เลย

     สังเกตดู น้ำที่ล้างออกมาระยะหลัง ๆ จะขุ่นน้อยลง หากขี้เกียจ ดูขุ่นประมาณ น้ำซาวข้าว ก็พอไหว ครับ

 

 

 

 

 

 

          ล้างแล้ว เหลือแค่เนี๊ยะ ...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

    และรูปลักษณ์ เนื้อแป้ง ก็ เป็น ใย ๆ เส้น ๆ ... เงียะ ...

 

 

 

 

 

 

     โรย เกลือป่นลงไป สัก 2 ช้อนกาแฟ ... หากต้องการ กลิ่น รส เพิ่ม จะตามด้วย น้ำตาล ซีอิ้วขาว ก็ไม่ผิดกติกา

            หากต้องการสีสัน ... ก็ ซีอิ้วดำ ครับ

     ได้มาแล้ว จะเอาไปหลอกตัวเองว่า เป็นอะไร ก็สุดแต่ ... แล้วเอาลงต้มจนสุก ตักแช่น้ำเย็นสะอาด

 

นี่ ... ป้าเขา สมมติ เป็นไส้ ... เป็นลูกชิ้น ... เป็นเนื้อเป็ด ...

และยังมีเตรียมไว้หลอกเป็น หมูแดงด้วยแน่ะ

 

เอาครับ บล็อกนี้ยาวเป็นพิเศษ ... ต้องขออภัยที่รบกวน

ท่านที่สนใจ และไม่อยากซื้อหา แพง ๆ ... ก็ลองทำดูนะครับ

หวัดดีครับ

 

ความเห็น

คุณลุงเก่งจัง ดูเหมือนทำยากค่ะ น่าจะยากตรงขั้นตอนล้างแป้งออกจากหมี่กึง จังหวะไม่ดีคงล้างจนหายไปหมดเหลือโปรตีนติดมือนิดเดียว คุณป้าก็น่าจะหลอกเก่งนะคะ หมี่กึงจะแปลงเป็นไส้ เป็นหมูแดงอีกสารพัดหลอกคุณลุงอีกที

     ทำไม่ยากครับ ... ทำไป เรียนรู้ไป ครั้ง สองครั้ง ก็รู้ทัน ครับ

        ลุงทำครั้งแรกสุด ไม่ได้อะไรเหลือ เททิ้งไปกะน้ำที่ล้าง หมด ... ครั้งที่ สอง กรองด้วยกระชอน เหลือบ้างประมาณ ข้อมือ ... ก็เพราะตอนผสมนวดจนแป้งเนียน

       แล้วในขั้นตอนการล้าง น้ำแรก ... น้ำ 2 และ 3 ออกแรง ขยำ บีบ บี้ แรงไป

     อย่างไรก็ดี แม้ทำเป็นแล้ว gluten ก็จะเหลือประมาณ 500 - 600 กรัม เท่านั้นแหละ

     คงด้วยเหตุนี้ แป้งหมี่กึงจึงขายแพง

 

เหมือน   ต้องยอมรับนะ  ว่า  อาหารเจ  แพง  ไม่ธรรมดา   ที่บ้าน  กินอาหารเน้นผักทั้งปี  ก็เลยไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเจ

   เจใจ ไม่ติดกะรูปแบบ ... ย่อมเย็น ... ไม่เดือดร้อนหรอกครับ ...

     ทำเล่น ๆ สังหารเวลา ดีกว่าอยู่เปล่า ... เอาผลพลอยได้มาใช้ประโยชน์น่ะครับป้า ... ไม่ได้ เครียดครัด แต่ประการใด

นับถือ นับถือค่ะในความพยายาม ความละเอียด ใจร่มๆ ทุกขั้นทุกตอนขนาดอ่านยังเหนื่อยเลยค่ะ 

   ทำเล่น ๆ ... ให้สมาธิดี ... และก็เพลินด้วย

     เอามาบอกเล่ากัน ... เผื่อมีท่านผู้ใดอยากทำบ้าง ... ทั้งเห็นว่ามีประโยชน์หลายสถานอยู่ครับ

ขอบคุณมากสำหรับวิธีการทำ ว่างๆจะพยายามทำดู

   ด้วยความยินดี ครับ

      ไม่ยากครับ ไม่ยาก ... ขอเพียงใจ ร่ม ๆ หน่อย

กินเจนี่ไม่ง่ายเลยค่ะ
ชื่นชมวิธีการสังหารเวลา

   ครับ ค่อนข้างยุ่งยาก แต่ไม่ถึงกะเป็นปัญหา ...

     ดีครับ ถ้ารู้จักมองโอกาส ... จะได้ฝึกรู้ทันใจตนเองไปด้วย