พาไปดูทุ่งนาของอารีย์ค่ะ

หมวดหมู่ของบล็อก: 

          สวัสดีค่ะพี่น้องบ้านสวนพอเพียงทุกท่าน ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เขียนบล็อกเท่าไร วันหยุดก็หายไปเลย อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้พี่น้องหลายท่านประสบภาวะน้ำท่วม ทำให้จิตใจเราก็ว้าวุ่นตามไปด้วย ตัวอารีย์เองถึงจะไม่ได้ประสบอุทกภัยหนักหนาเหมือนหลาย ๆ ท่าน แต่ก็รู้สึกใจมันห่อเหี่ยวบอกไม่ถูกค่ะ ขอส่งกำลังใจให้พี่น้องทุกท่านด้วยนะคะ ขอให้สถานการณ์นี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว ขณะนี้พ่อน้องแพลนก็ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยอยู่ที่กรุงเทพ ไปร่วมกับคณะจิตอาสาจากหลาย ๆ ที่ คราวนี้ไป 7 วัน แต่ไม่รู้จะมีภาพมีให้ดูหรือเปล่า มาเข้าเรื่องกันก่อนดีกว่าค่ะเมื่อวานนี้ไปทุ่งนามา ตั้งแต่เป็นสมาชิกบ้านสวนมาก็คุยให้ฟังมาตลอดว่าตัวเองทำนา แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมาลงบล็อกให้ดูกัน วันนี้จะพาไปนาของอารีย์กันค่ะ ตามมาเลยค่ะ

นี่ถ่ายทุ่งนาติดภาพเขาคีริส หมู่บ้านที่อารีย์อยู่ก็ตรงเขานั่นแหละค่ะ แต่พยายามซูมให้เห็นเขา ชัดได้แค่นี้เอากล้องตัวเล็กไป พกง่ายหน่อย แต่ซูมได้ไม่ดีเท่าไร

ขับมอเตอร์ไซค์เอาของมาให้พ่อกับน้าชายที่นา มาถึงปลายนาแล้วค่ะ ถ่ายรูปย้อนไปทางต้นนาที่เข้ามาแต่แรก ถ้าพ่อไม่อยู่นาก็ไม่กล้ามาคนเดียว เพราะเดี๋ยวนี้นาญาติ ๆ คนอื่น เขาขายให้นายทุนจากปทุมธานี เอาไปทำเป็นสวนส้มกันหมด เหลืออยู่ของแม่ ป้า ลุง ทั้งหมดที่เหลือก็ 4 ราย ที่ยังไม่ขาย แล้วที่สวนส้มก็มีคนสวนที่มาจากที่อื่น (ที่เราฟังภาษาเขาไม่รู้เรื่องน่ะค่ะ) ก็ไม่ค่อยกล้าไปคนเดียว ภาพนี้เป็นถนนเข้านา ทำไว้ตรงกลางแถวนา ฝั่งซ้ายและฝั่งขวา เป็นนาของพ่อค่ะ อ้อ ขอทำความเข้าใจนิดนึงค่ะ ตอนนี้นายังไม่ใช่ของอารีย์เลยทีเดียวนะคะ พ่อกับแม่ยังทำอยู่ ยังไม่ได้มอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ ทั้งหมดนี้ 43 ไร่ เป็นสระน้ำ 1 ไร่ก็จะเหลือที่นาอยู่ 42 ไร่ ไว้แบ่งคนละครึ่งกับน้องสาวค่ะ ตอนนี้ยังเป็นนาของครอบครัวอยู่ค่ะ อิอิ Wink

ที่ปลายนานี้จะมีหนองน้ำเล็ก ๆ อยู่  พ่อเลยขุดให้มันลึกกว่าเดิม เพราะจะมีปลาอาศัยอยู่ เวลามานาก็มาทอดแห หรือนำเบ็ดมาตกปลาไปกินได้ 

พยายามจะถ่ายให้ดูทีละฝั่ง นี่ฝั่งขวามือ 

นี่ฝั่งซ้ายมือ ที่บ้านจะเรียกแปลงนาว่าแถวนา คือทำเป็นแถวยาวเลย แบ่งเป็นล็อก ๆ เรียกว่าบิ้งนา

ตอนนี้ข้าวกำลังเริ่มตั้งท้องออกรวง  ที่อื่นเขาเก็บเกี่ยวกันบ้างแล้ว แต่ที่นี่กำลังออกรวงค่ะ เป็นข้าวพันธุ์พิษณุโลก2 พันธุ์นี้สำหรับไว้ขาย เพราะตอนนี้ที่บ้านยังปลูกพืชเชิงเดี่ยวอยู่  คงต้องรอจนกว่าพ่อแม่จะยกกรรมสิทธิ์ให้ถึงจะเปลี่ยนแปลงไปทำอะไรตามใจฉันได้ Laughing สองคนกับแฟนคิดกันว่าอยากทำเกษตรผสมผสาน แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมหลาย ๆ อย่าง

ถ่ายย้อนมาต้นนา 

นี่ขับรถกลับบ้านแล้ว ถ่ายจากต้นนาไปปลายนา ที่เห็นต้นไม้มุมบนขวานั้นเป็นสระน้ำ  อีกสองแห่งยังไม่มีโอกาสไปถ่ายรูปมาให้ดู ตั้งแต่ท้องมาจนถึงบัดนี้ไม่ได้ไปลงนาเลยค่ะ  แต่อีกสองแห่งไม่ใช่นาครอบครัวเรา คือเช่าป้า 1 แห่ง 15 ไร่ อันนี้อารีย์กับแฟนเช่าทำเอง และอีก 1 แห่งป้าขายฝากกับแม่ไว้ค่ะ ประมาณ 15 ไร่เหมือนกัน

 

เลี้ยวขึ้นไปถ่ายสระน้ำมาให้ดูหน่อย รกมากค่ะ สระนี้อยู่ต้นนา (คือไปจากบ้านก็จะถึงก่อนจึงเรียกต้นนา) ไม่ค่อยได้มาทำอะไร ปลูกมะม่วงทิ้งไว้ขอบสระ ใครผ่านไปมาก็เก็บกินได้ตามสบาย โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่อยู่สวนส้มสะพายย่ามมาเก็บประจำ  ปล่อยปลาสวายไว้ โตกินได้แล้ว ปล่อยรวมเลยค่ะ ปลานิล ปลาไน และปลาดุกปลาช่อนตามธรรมชาติ ฝากเทวดาเลี้ยง เวลาไม่รู้จะหากับข้าวอะไรดีก็มาทอดแหจับปลาไปทำกินได้ คนอื่นก็จับไปกินบ้างแบ่งปันกันไป ต้นไม้อื่น ๆ ก็ขึ้นเองเช่นต้นยอป่า สมัยเป็นเด็กตอนเย็นต้องตักน้ำจากสระนี้ไว้ใส่โอ่งให้สำหรับใช้ที่ห้างนา (เถียงนา หรือขนำ) เด็ก ๆ และคนชราก็จะอาบน้ำที่กระต๊อบหรือห้างนา ส่วนพ่อกับแม่ก็จะมาตัุกจากสระนี้ลงมาอาบในนาออกจากสระมาพอประมาณ เพื่อไม่ให้น้ำไหลกลับลงสระ 

มองจากขอบสระย้อนมาทางที่เข้าไปนาจะเห็นหมู่ต้นไม้เยอะ ๆ นี้ จะเป็นที่โคก หรือที่ดินที่น้ำไม่ท่วมถึง สมัยก่อนทำนาปี ครอบครัวของพ่อแม่ และลุง ป้า จะย้ายครัวมาอยู่ที่นี่ประมาณ 4 ครอบครัว อยู่จนกว่าจะดำนา หรือเกี่ยวข้าวเสร็จนวดข้าวแล้วเก็บไปใส่ยุ้งที่บ้านใหญ่ ก็จะ้ย้ายครัวกลับ  ที่บ้านจะเรียกว่าโคกห้าง คือจะตั้งห้างนาไว้ที่นี่ถาวรเลย เป็นพื้นกระดาน ฝาใบตองของต้นควง มุงหญ้าคา ก่อนจะมาอยู่ก็จะมาซ่อมแซมห้างนาก่อน  แต่เดี๋ยวนี้มีถนนเข้านาไปสะดวกใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 20 นาทีก็ถึงแล้วค่ะ ก็เลยไม่ได้มาอยู่พวกลุงป้าก็รื้อบ้านกลับ ส่วนบ้านของอารีย์นั้น ไม่รื้อไว้มากินข้าวกลางวัน นอนพักก็ได้เวลามาทำนาฝนตกหนักก็ไม่ต้องกลัว แต่พอถึงฤดูแล้ง ไม่ทราบว่าไฟมาไหม้ห้างนาได้ยังไง เพราะก่อนกลับบ้านใหญ่พ่อก็ทำแนวกันไฟไว้แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นถูกขโมยพื้นบ้านซึ่งเป็นไม้กระดานไปแล้ว ไม่นานก็ถูกไฟไหม้ แต่เราก็ไม่ได้เอาเรื่องกับใคร สันนิษฐานว่าคงเป็นพวกติดยาเสพติดก็ได้


สองภาพนี้เป็นด้านซ้ายและขวาของต้นนาติดคลอง ปลูกข้าวหอมมะลิไว้กินเองในครัวเรือน เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่  

ต้นนาที่ถนนเข้าไปจะเป็นถนนตามคลองนี้ หลังแนวต้นสะเดานั้นเป็นสวนส้ม สมัยเป็นเด็กจะพากันมาจับปลาในคลองนี้


ตอนนี้น้ำเริ่มแห้งแล้ว

มีคลองปูนคู่กันอีก 1 เส้น เพื่อความสะดวกในการผันน้ำเข้านา

นี่เป็นนาของป้าที่อยู่ติดกันที่ยังไม่ได้ขายให้นายทุน  อ้อลืมเล่าไปว่าตอนนี้พื้นที่บางส่วนของนายทุนสวนส้มที่ีย้งไม่ได้ทำสวน ได้มีอาจารย์ท่านนึงแกลาออกจากตำแหน่งมาซื้อที่ต่อเพื่อปลูกข้าวหอมมะลิ โดยใช้สารชีวภาพ แกผลิตปุ๋ยชีวภาพใช้เองค่ะ  ที่นาแกก็จะอยู่้บริเวณเดียวกับนาของอารีย์นี่แหล่ะค่ะ  

ได้เวลากลับบ้านแล้วค่ะ ฝากน้องแพลนไว้กับป้าค่ะ  วันนี้ขอจบการพาทัวร์ทุ่งนาเพียงแค่นี้ก่อนค่ะ  ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับพื้นที่สีเขียวที่นำมาให้ชมเพื่อที่จะได้คลายความเคลียดกับสถานการณ์น้ำท่วมขณะนี้นะคะ ......พบกันใหม่บล็อกต่อไปค่ะ 

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม ขอบคุณบ้านสวนพอเพียงและพี่ผู้ใหญ่โสค่ะ 

***อารีย์  บ้านสวนพอเพียง***





ความเห็น

ตอนที่ถ่ายรูปมา เวลาประมาณบ่ายโมงค่ะ อากาศร้อนมากเลย แต่ถ้าช่วงเช้า หรือเย็น เด็นตามคันนากลับบ้านสดชื่นมากเลยค่ะ กลิ่นหอม ๆ ของต้นข้าวหายใจโล่งเลยค่ะ 

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

ท้อได้แต่อย่าถอยนะ สู้ๆ

ขอบคุณมากค่ะLaughing

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

แบบนี้ข้าวปลาอาหารเพียบเลยน้อง งามจริงๆครับ


ตอนนี้มีข้าวกับปลาแล้วค่ะ แต่พืชผักยังไม่พอกินเท่าไรค่ะ จะพยายามต่อไป อยากมีหลากหลายเหมือนบ้านพี่รุจบ้างจังเลยค่ะ

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

งามมาก เลยครับ เหน แล้วมีความสุข แทน

เวลาเดินที่ทุ่งนาแล้วมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกค่ะพี่ แล้วหนูกับน้องสาวจะเป็นเหมือนกันคือ เวลามีเรื่องอะไรไม่สบายใจ หรือสองคนพี่น้องถ้าใครเครียด จะชวนกันไปทุ่งนา ไปเดินดูนาดูข้าวสบายใจแล้วก็กลับ แต่ตอนนี้มีลูกน้อยกันทั้งพี่ทั้งน้องก็เลยไม่ค่อยได้ไปนากัน

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

เห็นนาข้าว แล้วสบายตาจังเลยคะ :embarrassed: :embarrassed:

น้องสาว สบายตา แล้วยังสบายใจ สูดอากาศได้เต็มปอดอีกด้วยนะจ๊ะ

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

ได้มองทุ่งกว้าง ๆแบบนี้ สบายใจมากเลยค่ะ

"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"

หน้า