ของหวานเป็นอาหารประเภทหนึ่งที่คนส่วนใหญ่นิยมรับประทาน มีรสหวานและสามารถทำจากส่วนผสมที่แตกต่างกัน ของหวานแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ของหวานแบบอบและแบบไม่อบ อันแรกประกอบด้วยเค้ก พาย ทาร์ต และครัมเบิ้ล ส่วนอันหลังประกอบด้วยไอศกรีม เชอร์เบท เจลาโต้ พานาคอตต้า มูส
ขนมอบคือขนมที่ปรุงในเตาอบขนม ทำได้โดยใช้ส่วนผสมหลายประเภท เช่น แป้ง น้ำตาล ไข่ และเครื่องเทศ ขนมอบมักจะทำให้หวานด้วยน้ำผึ้ง น้ำเชื่อมเมเปิ้ล หรือน้ำตาลทรายแดง นอกจากนี้ยังสามารถปรุงรสด้วยผลไม้หรือส่วนผสมจากธรรมชาติอื่นๆ เช่น สารสกัดวานิลลาและอบเชย
ของหวานแบบไม่อบคือของหวานที่มีการอบเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย และโดยทั่วไปจะเสิร์ฟแบบแช่เย็น สามารถทำได้ด้วยส่วนผสมที่หลากหลาย เช่น ผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากนม และน้ำเชื่อม ของหวานแบบไม่อบมักเสิร์ฟในรูปของไอศกรีมหรือเชอร์เบท ของหวานแบบไม่อบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ ชีสเค้ก ไอศกรีมแซนด์วิช และโยเกิร์ตแช่แข็ง
ข้อดีและข้อเสียของการกินขนม
ในฐานะที่เป็นสังคมเราได้พัฒนาความรักในขนมหวาน เนื่องจากอาหารแปรรูปมีมากขึ้นในท้องตลาด จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะบริโภคน้ำตาลมากกว่าที่เราต้องการ สิ่งนี้นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของโรคอ้วนและโรคเบาหวาน
อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารที่มีรสหวานยังคงมีประโยชน์อยู่บ้าง เหล่านี้รวมถึง:
- การปล่อยสารเซโรโทนินในสมอง ซึ่งช่วยลดภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และความเครียดได้
- สารเอ็นโดรฟินซึ่งช่วยเพิ่มระดับอารมณ์และความสุข
- ความสามารถในการสร้างความทรงจำใหม่กับผู้อื่นซึ่งช่วยเสริมสร้างความผูกพันทางสังคม
จากการศึกษาพบว่าผู้ที่รับประทานของหวานและขนมหวานมีแนวโน้มที่จะมีดัชนีมวลกาย (BMI) สูงกว่าผู้ที่ไม่รับประทาน การศึกษายังพบว่าความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานจะสูงขึ้นในผู้ที่รับประทานของหวานและของหวาน นั่นหมายความว่าการกินของหวานอาจไม่ดีต่อสุขภาพอย่างที่เราคิด
