บันทึกความคืบหน้าส่งคุณ 2s “สู่อีกหนึ่งก้าวของปุ๋ยหมักตื่นตัวที่ได้ทำ”

หมวดหมู่ของบล็อก: 

บันทึกความคืบหน้าส่งคุณ 2s “สู่อีกหนึ่งก้าวของปุ๋ยหมักตื่นตัวที่ได้ทำ”

สืบเนื่องจากบล็อก บันทึกส่งคุณ 2s พร้อมคำถามว่า “ใช่จุดเริ่มต้นของการทำปุ๋ยหมักตื่นตัวได้หรือไม่”

http://www.bansuanporpeang.com/blog/บันทึกความคืบหน้าส่งคุณ-2s-“สู่อีกหนึ่งก้าวของปุ๋ยหมักตื่นตัวที่ได้ทำ”

     ทำให้ในวันที่ได้เมล็ดพันธุ์ซึ่งมีค่าและความหมายมากจากเพื่อน สมช.บ้านสวนฯแห่งนี้ จึงเป็นโอกาสอย่างดี ...ใช้สูตรดินเพาะเมล็ดพันธุ์ด้วยการนำปุ๋ยหมักตื่นตัวหนึ่งส่วน ดินดีหนึ่งส่วน และทรายหนึ่งส่วน ในการเพาะเมล็ดพืช ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ น้ำไม่ท่วมแฉะ แต่มีข้อจำกัดหลายวันเข้าส่วนล่างจะแห้งมาก

ใช้ถ้วยเพาะของคุณประเทืองฝังลงในดินเลย โดยที่ดินที่ฝังนี้เป็นดินในสูตรที่ทำเองจากบล็อก “คืนชีวิตให้ใบไม้ที่ร่วง” http://www.bansuanporpeang.com/node/5878

(ดินจากใบไม้ที่เข้าใจมาคือเหมาะปลูกกับไม้ประดับ) โดยผสมทรายหนึ่งส่วน สัดส่วนนี้ยังทำให้เนื้อดินที่ใช้เพาะข้างล่างแห้งเร็ว เพราะที่บ้านลมแรงโกรกหน้าดินจนแห้ง ....จึงใช้ปุ๋ยหมักตื่นตัวกลบหน้าดินไว้ และคอยตรวจดูความชื้นในเนื้อดินไม่ให้มีมากไป

ผลเป็นที่น่าพอใจ ดินดี แดดดี น้ำดี และลมก็โกรกกำลังดี

...วันนี้เมล็ดพืชงอกแล้ว

...นี่เป็นตัวอย่างของต้นน้อยๆของลาเวนเดอร์ที่เพาะได้จากเมล็ด โผล่พ้นดินมาเมื่อสิบสองวันก่อน หนึ่งในจำนวนนั้น เริ่มให้ใบจริงสองใบ และดูแข็งแรงทีเดียว

อีกหนึ่งตัวอย่าง ถั่วขอ ที่ปกติจะโตไวทันใจ ...ได้ปุ๋ยหมักตื่นตัวแล้ว...ใบสดและแข็งแรง พร้อมให้ดอก

ถั่วฝักยาว และผักชีไทย ในพื้นที่เล็กๆมุมหนึ่ง ใช้ปุ๋ยหมักอย่างเดียวไม่ผสมดิน

แรดิช ที่เพาะจากเมล็ด รอวันโตในดินผสมปุ๋ยหมักตื่นตัว(ครั้งต่อไปต้องลดทรายลงจากที่ผสม และหน้าดินก็โรยด้วยปุ๋ยหมักตื่นตัว)

หลายวันก่อนโรยโคนต้นแตงหูฉลามอายุกว่าห้าเดือนไว้ ช่วยเก็บความชื้นได้ด้วยเป็นอย่างดี..

(ภาพนี้ยังไม่ได้รดน้ำ ...เก็บต้นแตงไว้ในขวด ครอบด้วยเข่งอีกทีตั้งแต่ยังต้นงอกโผล่พ้นดิน ด้วยความหวงมาก ...เลยป้องกันทุกภยันตราย)

....นี่เป็นกองปุ๋ยหมักตื่นตัวคุณ 2s ตามวิธีการที่ได้เรียนรู้-เข้าใจ และมีคุณ 2s คอยชี้แนะทางหน้าเว็บฯเป็นระยะ...กองนี้เป็นกองที่สองชึ่งวันนี้เริ่มกลับกองครั้งแรก

รอบนี้ตอนที่กลับกองปุ๋ยข้างในระอุทีเดียว ระอุมากกว่ากองแรกที่เคยทำอย่างเห็นได้ชัด

 รอบนี้ยังคงทำอย่างประยุกต์กับวัสดุที่มี โดยใช้ฟางหนึ่งส่วน ใบไม้สดหนึ่งส่วน(ที่ทำอยู่ใบไม้สดยังน้อยอยู่) มูลวัวแห้ง กากกาแฟ ประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ของกอง  คุมความชื้นด้วยการรดน้ำไว้ให้มีความชื้นประมาณห้าสิบเปอร์เซ็นต์  ...วันนี้ขอรายงานความคืบหน้าบางส่วนในการใช้งานปุ๋ยหมักกองแรก ...ว่าใช้เพลินเลยค่ะ เหลือเป็นปุ๋ยพี่เลี้ยงให้กองที่สองไว้สามสิบเปอร์เซ็นต์(จากเดิมตั้งใจไว้ว่าจะเป็นปุ๋ยพี่เลี้ยงสักเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์) 

ขอเรียนว่า การทำปุ๋ยหมักตื่นตัวรอบนี้ ง่ายกว่ากองแรกมากๆ จากเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆที่คุณ 2s บอกแทรกมาให้เป็นระยะ อย่างเช่นการไม่ต้องสับหรือตัดฟางในกองต่อไป(กองแรกยังต้องสับหรือตัดฟางอยู่) การกลับกองก็ง่ายขึ้นเมื่อเริ่มรู้วิธีการ ...ต้องลงมือทำ ก็ได้เรียนรู้จริงๆ ... ว่าไม่ยาก เหลือแต่เพียงมีความตั้งใจทำอย่างต่อเนื่อง....

ขอขอบพระคุณคุณ 2s ที่กรุณาติดตามให้คำแนะนำมาโดยตลอดอย่างตั้งใจเต็มๆที่จะให้ผู้สนใจปลูกผักกินเอง ได้มีผักสดๆ กรอบๆ และปลอดภัย กินในครัวเรือน

  

ความเห็น

บางที ถีงเวลาจะเปลี่ยนชื่อแล้วก็ได้เพราะ ความพอเพียงจะดีที่สุด และเหมาะสมในสังคมไทยจริงๆ

ปุ๋ยหมักที่ทำเอง และดีที่สุด คือ ปุ๋ยหมักตื่นตัว ย่อมมีนัยยะเดียวกัน ปุ๋ยหมักพอเพียง

มีเมล็ดพันธุ์หลายๆชนิด ที่พอจะแบ่งปันทดสอบกับสูตรเพาะ โดยใช้ปุ๋ยหมัก 3ส่วน ทรายหยาบ 1ส่วน ทดลองเมล็ดที่มีขนาดต่างๆกัน เวลากลบ หรือหยอดเมล็ด จะใช้ความลึก 3เท่าของขนาดเมล็ด

การใช้ปุ๋ยหมักโรยกลบหน้าไม่ต้องผสมอะไร เพื่อให้ธาตุอาหาร และรักษาความชื้นเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง ทำทุกๆ 2-3อาทิตย์ สำหรับ พืชครู หรือพืชพิเศษ จะเข้าใจความดีเด่น ของปุ๋ยหมักตื่นตัว ว่า มีประสิทธิภาพขนาดไหน เสียดายแต่ว่า ไม่สามารถพัฒนาเป็นการค้าได้

 

พืชที่ เพลี้ยอ่อนชอบลง เช่นถั่ว พริก เมื่อใบจริงเริ่มมากขึ้น ให้ทะยอยแต่งใบล่างออก ระยะ ประมาณ 50-80 ซม. และควรจะฉีดน้ำฝอยแรงช่วย จะควบคุมเพลี้ยได้กว่า 95%

 

ช่วงนี้มีเรื่องมากมายจะต้องแก้ไข หนักมากๆ แต่ถ้า จิตสงบ มีสมาธิ เกิดปัญญา ก็อาจจะแก้ไขได้บ้างครับ ได้แต่หวัง ปฏิหาริย์ 

แม่ครู แม่พระอุบล เป็นตัวอย่าง ที่ดี น่าชื่นชมมาก หาได้น้อยมากในสังคมไทยเรา บางทีอาจจะเป็นทางที่จะเลือกเดินบ้าง เพียงแต่คงจะไม่มีเวลาปลูกผัก ไม้ประดับมากเช่นท่าน แต่จะทำปุ๋ยหมักตื่นตัวให้เป็นวิทยาทานให้คนที่รัก ผัก รักพืช ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด หว้งว่า จะทำได้อย่างดียิ่ง ถ้ามีพลังกลับมาอีกครั้ง

เพื่อพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ การทำปุ๋ยหมักตื่นตัว และสวนผักปลอดภัย

 

 

 คุณ 2s ได้ฟังอีกชื่อของปุ๋ยหมักตื่นตัวก็นิยมในทันทีเลยค่ะ เห็นด้วยค่ะ ว่าแม้เพียงชื่อก็เหมาะสมในสังคมไทยจริงๆ


เป็นปุ๋ยที่ทำด้วยมือตัวเราเอง มีสติรู้ว่าต้องจัดการอย่างไรต่อกับปุ๋ยนี้ในเวลาไหน และทำเท่าใดน่าจะพอกับกำลังความสามารถแม้น้อยแต่มีประโยชน์คุณค่า และรู้ใจตัวเราเองว่าแค่ไหนจึงพอ  


ต้องขอขอบคุณมากเลยค่ะ กับน้ำใจที่แบ่งปันให้ เรื่องเมล็ดพันธุ์นี้ ครั้งหนึ่งซึ่งค่อนข้างนานอยู่ เคยคิดว่า(ขออนุญาตใช้คำว่าซื้อนะคะ ปกติเมล็ดพันธุ์ส่วนหนึ่งที่ปลูกในบ้านจะซื้อมาค่ะ) อยากจะขอซื้อจากคุณ 2s จากที่ว่าทราบว่าคุณ 2s มีประสบการณ์ด้านการทำงานเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์และเมล็ดพันธุ์ที่มีน่าจะเป็นเมล็ดพันธุ์ที่เลี่ยงการตัดแต่งพันธุกรรม(ที่เข้าใจคือเมื่อเก็บเมล็ดพันธุ์เองจากพืชที่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรม จะไม่สามารถนำมาเพาะปลูกได้เท่าที่ควร ต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ในครั้งใหม่ต่อๆไป) เลยคิดต่อว่าหากปลูกพืชใดและสามารถใช้พันธุ์เดิมๆที่เคยปลูกได้ก็จะลดเรื่องค่าใช้จ่ายในการซื้อหาเมล็ดพันธุ์  แต่ความคิดที่จะขอซื้อนี้เคยคิดและก็ล้มเลิกความคิดไปน่ะค่ะ ด้วยมีความเห็นว่า ตนเองปลูกเล็กน้อย หากรบกวนในการจัดหา จัดส่ง และหากว่าเป็นการจัดจำหน่ายก็น้อยเกินไป ที่คุณ 2s จะต้องหมดเวลากับการจัดการเหล่านี้  เลยหยุดพักความคิดนั้น ขอเรียนว่าในวันนี้เมื่อได้ทราบว่าคุณ 2s มีความมุ่งหมายแบ่งปันให้ ทำให้รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก หากว่าจะไม่ทำให้ต้องเดือดร้อนหรือลำบากมากนักค่ะ อีกประการหนึ่งอยากเรียนที่จะสนับสนุนในเรื่องค่าจัดส่งและค่าเมล็ดพันธุ์บ้างแม้ว่าจะเล็กน้อย แต่ทุกบาททุกสตางค์ในส่วนของกสิกรล้วนแต่มีความหมายมาก กว่าจะได้มาเหน็ดเหนื่อยด้วย ล้วนแต่ใช้น้ำพักน้ำแรง และทุกชีวิตก็ยังจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย  ดังนั้น ในเวลานี้ความคิดที่ว่าเคยล้มเลิกที่จะขอรับเมล็ดพันธุ์โดยขออนุญาตสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้วย(ขออนุญาตอีกครั้งที่ใช้คำนี้) ผุดกลับมาใหม่ด้วยความยินดียิ่งเชียวล่ะค่ะ ...ขออย่าได้ถือว่าปฏิเสธน้ำใจเลยนะคะ ส่วนตัวเองนั้นมีความเห็นตามนี้ หากว่าคุณ 2s เห็นเป็นประการใดก็ตาม ก็ต้องเรียนว่ารู้สึกซาบซึ้งใจมากๆ ที่กรุณามอบน้ำใจนี้ให้ในการทดสอบปุ๋ยหมักตื่นตัวพร้อมวิธีการที่จะใช้พิสูจน์กับปุ๋ยหมักนี้  ตลอดจนประโยชน์ต่ดพืชที่ปลูก


อีกเรื่องที่มีความเห็นเพิ่ม คือ หากจะว่าไปแล้วแม้ว่าไม่สามารถจะทำปุ๋ยหมักนี้เป็นการค้าได้ ปุ๋ยหมักนี้ก็ยิ่งควรค่าแก่การเรียกว่าปุ๋ยหมักพอเพียงนะคะ เป็นการเตือนใจให้รู้ว่าควรทำและลงมือทำเพื่อไปสู่ความพอเพียงในครัวเรือน


 


 ในเรื่องของชีวิตที่ว่าช่วงนี้คุณ 2s “ มีเรื่องมากมายจะต้องแก้ไข หนักมากๆ แต่ถ้า จิตสงบ มีสมาธิ เกิดปัญญา ก็อาจจะแก้ไขได้บ้างได้แต่หวัง ปาฏิหาริย์” เรียนว่าคำที่คุณ 2s เคยกล่าวไว้ว่า ช่วยแผ่เมตตาให้ เป็นคำที่เมื่อได้อ่านแล้ว รู้สึกอนุโมทนาและดีมากๆในช่วงเวลาที่ทุกข์ใจ ...ขออนุญาตเรียนว่าแม้ด้วยประสบการณ์ที่ยังอ่อนด้อยในทางธรรม แต่เมื่อได้ทราบเรื่องเช่นนี้แล้ว เรียนว่าเมื่อทำได้จะแผ่เมตตาด้วยค่ะ เพื่อให้ปาฏิหาริย์นั้นได้เกิดขึ้นบ้าง ในเวลาเดียวกันภาวะสุขภาพที่ประกอบให้พร้อมแก้ปัญหาก็เป็นเรื่องที่สำคัญ การมีภาวะสุขภาพที่แข็งแรง ได้พักผ่อนที่เพียงพอ ได้สารอาหารที่เป็นประโยชน์เพียงพอ ทำให้ปัจจัยประกอบในการคิดอ่านสมบูรณ์ขึ้นด้วย  และเห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ กับตัวอย่างหากเข้าใจไม่ผิด คุณ 2s หมายถึง คุณครูป้าเล็ก อุบล ...ขอเอาใจช่วยให้ก้าวข้ามเรื่องราวมากมายที่ต้องแก้ไขที่นับว่าหนักมากๆนี้ และกลับมามีพลังในการทำสิ่งดีงามในสังคมไทยได้อย่างเข้มแข็งค่ะ


 


 

พี่สายพิณ น่าสนใจมาก ๆ เลย ก้อยกำลังหาดินมาเพาะต้นไม้เพิ่ม ดินที่ซื้อไม่ค่อยมีคุณภาพ อันที่ดีก็หาซื้อไม่ได้ วันนี้ยังกะเจอพ่อค้าหลอก ขายกระสอบละยี่สิบจับดูก็รู้ว่าเป็นกากเปลือกมะพร้าวผสมดินเหนียวก้อน เลยถามว่ามีแบบดินไผ่ไหม เค้าบอกมีอยู่หลังร้านราคาเท่ากัน เลยต่อหกกระสอบร้อย เค้าก็ให้ คุณผู้ชายกะลังถอยรถมารับ ปรากฎว่า ก้อยเปลี่ยนใจเพราะเอามือบีบดินเกือบห้านาทีไม่แตกเลยอะ แข็งประมาณหินดินอะไรนี่


เห็นเรื่องนี้ต้องทำบ้างแล้ว คงช่วยให้ใช้ดินน้อยลง เผอิญได้กากกาแฟมาด้วยนะคะ

...2553 ปีที่ 1 ที่เริ่มเดินตามรอยพ่อ...

คุณก้อย ...ได้เจอกัน ประจวบเหมาะจริงๆค่ะ ปกติเวลาซื้อดินมา ลุงคนขายว่าจะมีการผสมปุ๋ยขี้วัว ดิน ขุยมะพร้าว พอเทปลูกต้นไม้รดน้ำนานเข้าๆๆปรากฏว่าดินแน่นแข็ง สงสัยว่าจะเป็นแบบเดียวกับที่คุณก้อยว่า


เวลาปลูกต้นไม้ก็หมดแรงไปซะเรื่อยเลยค่ะ นานๆสักครั้งจะได้ดินขุยไผ่ที่เป็นดินขุยไผ่จริงๆ(คือได้ต้นไผ่จากเมล็ดที่มีในดินขุยไผ่ ตั้งแต่ซื้อดินมามีเพียงครั้งเดียวที่ได้ต้นไผ่มารวมสามต้น) คุณก้อยได้กากกาแฟมาแล้ว ทดลองเริ่มทำเลยนะคะ พอทำแล้วนำไปใช้กับต้นไม้จะรู้เลยค่ะ ว่าถูกใจมากๆ ดินนุ่ม มีชีวิต รดน้ำไม่ต้องมากก็ชุ่มฉ่ำ พอเข้าหน้าแล้งน่าจะได้ลดปัญหาเรื่องต้นไม้ขาดน้ำ เพราะที่สังเกตเห็นว่าช่วยเก็บความชื้นใต้ดินไว้ได้อย่างดีเลยค่ะ ...ยังคิดอยู่ว่าทำไว้หนึ่งกองน้อยไป แต่ช่วงนี้เห็นทีต้องอย่างนี้ไปก่อน เนื่องด้วยข้อจำกัดทางสถานที่และวัสดุ(ช่วงนี้ใบไม้สดน้อย แต่ถ้าคุณก้อยมีเศษหญ้ายิ่งดีได้ย่อยง่ายด้วยค่ะ)


 


ดีครับทำใช้เองไม่ต้องเปลืองเงินซื้อปุ๋ยคอกมาใช้  เก่งครับ ปุ๋ยหมักตื่นตัวเนี้ยมีส่วนผสมอะไรบ้างครับแล้วชื่อตั้งเองหรือครับ

คุณหนุ่มชาวสวน ขอบคุณนะคะ ที่แวะมาให้กำลังใจกัน ...ชื่อปุ๋ยหมักตื่นตัวนี้เรียกตามที่คุณ 2s เรียกไว้ค่ะ ที่ทำอยู่ก็มีส่วนผสมของปุ๋ยมูลสัตว์(ปุ๋ยขี้วัวถุงละประมาณสิบสามบาท) กากกาแฟ(จากร้านที่ขายกาแฟสดไม่คิดเงิน) ฟางข้าว(ฟ่อนละหกสิบบาทแต่จ่ายแปดสิบบาทเพื่อช่วยค่าน้ำมันรถที่ต้องขนส่งมาไกลจากต่างจังหวัดเข้า กทม. หนึ่งฟ่อนที่ทำอยู่จะได้ประมาณเกือบสองกอง)และใบไม้สด(ในช่วงที่ตัดเล็มกิ่งไม้ใบไม้) ที่ว่านี้เป็นรายจ่ายการทำปุ๋ยหมักนะคะ เทียบแล้ว น่าดีใจว่าทำให้ดินมีชีวิตมาก มีสัตว์เล็กสัตว์น้อยมาอยู่อาศัยพรวนดินให้อีกต่างหาก ในวิธีการทำปุ๋ยหมักตื่นตัว สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้จากบล็อกคุณ 2s (2s's blog) ซึ่งมีหลายบล็อกที่กล่าวถึงปุ๋ยหมักตื่นตัว ในบล็อกล่าสุดที่เปิดโอกาสให้ถามตอบเรื่องราวปัญหาปุ๋ยหมักตื่นตัว (บล็อกในวันที่ 25 January 2011 ต้องขออภัยที่ไม่สามารถคัดลอกเว็บมาลงเนื่องจากคัดลอกแล้ว เป็นตัวอักษรยาวมากๆเกินสามบรรทัดค่ะ)  


ส่วนที่ทำเองนั้นโดยประมาณใช้ฟางหนึ่งส่วน ใบไม้สดหนึ่งส่วน ปุ๋ยขี้วัวกับกากกาแฟอีกสิบเปอร์เซ็นต์ของกอง (ให้กองมีความกว้างประมาณหนึ่งเมตร สูงไม่น้อยกว่าเก้าสิบเซนติเมตร เพื่อให้เกิดการหมักที่สมบูรณ์)รดน้ำให้มีความชื้นสักห้าสิบเปอร์เซ็นต์ จากนั้นเอาพลาสติกคลุมกอง จากนั้นกลับกองปุ๋ยทุกสามวัน รวมจำนวนครั้งที่สิบห้าครั้ง(ประมาณสี่สิบห้าวัน) แต่ล่าสุดกลับกองประมาณสิบสองครั้ง แล้วเอามาใช้งาน


อย่างไรก็ตามอยากเรียนคุณลูกชาวสวนได้แวะเข้าไปที่บล็อกคุณ 2s (2s's blog) และหากมีโอกาสได้สอบถามจากคุณคุณ 2s จะได้ความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งส่วนตัวเองเพิ่งได้ทดลองทำ อีกประการหนึ่งแล้วคุณคุณ 2s มีประสบการณ์การปลูกพืชผักและการทำปุ๋ยหมักตื่นตัวนี้มาด้วยระยะเวลานานเป็นหลายปี คุณหนุ่มชาวสวนเองจะได้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเหมาะสมมากขึ้นด้วย ขอขอบคุณมากอีกครั้งกับกำลังใจและคำถามที่สอบถามค่ะ

ดีครับ ทำไช้เองปลอดสารเคมี

คุณจุ้ย ขอบคุณมากนะคะ มาเป็นกำลังใจกัน...ใช่ค่ะ ปลอดภัย ไร้สารเคมี(หวังว่าฟางข้าวที่มีอยู่จะไม่มีสารเคมีติดมาด้วย) อ้อ อยากแถมว่า เลี่ยงการหาหมอในอนาคตเพราะมีสุขภาพดีด้วยน่ะค่ะ

เก่งจังเลยค่ะ ทำออกมาได้ดีมากเลยค่ะ อ๊อดเองก็ทำไปสองกอง เหนื่อยตอนกลับกองปุ๋ยจังเลย แต่เห็นผลงานตอนผักงามๆก็ชื่นใจ หายเหนื่อย นึกถึงตอนกลับปุ๋ยแล้ว กลายเป็นคนขี้เหนียวไปเลยค่ะ ไม่อยากแบ่งผักให้ใครกินเลย เพราะกว่าจะได้ผักงามๆมาแต่ละต้น "มันเหนื่อย" ไส่ปุ๋ย รดน้ำ พรวนดิน ถอนหญ้า ดูแลเอาใจไส่ทุกวัน คนที่กินฟรีไม่เคยรู้ค่าของเราเลย นอกจากคนที่เคยปลูกกินเองมาก่อน และคนที่เคยมาหาเราที่บ้านเท่านั้นที่จะรู้ว่าเราเหนื่อย บางคนไม่มีแม้แต่คำขอบคุณ เฮ้อคนเราหนอ...


คุณสายพิน เก่งมากค่ะ นับถือในความพยายามเลยค่ะ อ๊อดน่ะชักถอดใจแล้วค่ะ กลับกองปุ๋ยที ปวดเมื่อยไปสามวัน ตอนนี้ทำได้แค่ เอาไปกองๆไว้ เอาดินทับเป็นชั่นสลับกันไป เอาถุงพลาสติกมาคลุม เอาอะไรทับไว้ไม่ให้โดนฝน พอ แล้วแต่มันจะเปื่อยตอนใหน แบบว่า เอาไว้ใช้อีกทีปีหน้าเลย ของอ๊อดน่ะ"ปุ๋ยหมักลืมตัว" 

คุณอ๊อต ขอขอบคุณค่ะ ที่ให้กำลังใจ ...แวะไปบล็อกคุณอ๊อตเมื่อสักครู่เห็นสวนที่มีต้นไม้มากมายคุณอ๊อต พลอยเห็นภาพที่คุณอ๊อตกลับกองปุ๋ยว่าเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน สวนคุณอ๊อตต้นไม้เยอะน่าจะพื้นที่มาก เศษใบไม้ที่จะทำกองปุ๋ยต้องเยอะกว่ากันหลายเท่ามากทีเดียว ส่วนตัวเองไม่เยอะมากหรอกค่ะ ความเห็นส่วนตัวยังว่าน่าจะสมสัดส่วนกับบ้านทาวน์เฮาส์ ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมคุณอ๊อตด้วย


ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้เศษใบไม้เยอะมาก(หลังตัดสางกิ่งมะม่วงและกิ่งมะเฟืองไป ใบไม้หายไปเยอะเหมือนกัน) ก็รวบรวมใส่ถุงและเอาดินกลบ เปิดปากถุงไว้บ้างคอยรดน้ำ ผ่านไปสักระยะหนึ่งน่าจะสักสี่ห้าหรือหกเดือนโดยประมาณ ก็จะได้ดินอีกถุงจากเศษใบไม้ (ซึ่งหากจำไม่ผิดคุณ 2s เคยบอกไว้ว่าเหมาะกับการปลูกไม้ประดับ) ใส่ถุงไว้อย่างนี้ก็เหมาะกับการป้องกันไม่ให้บรรดาสัตว์เลื้อยคลานมาหลบพักอาศัยค่ะ


เรื่องเหนื่อยกับการรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย เห็นด้วยเลย นี่ขนาดตัวเองทำไม่เยอะนะคะ คุณอ๊อตเองเยอะมาก เคยมีท่านหนึ่งแนะนำว่าอย่าไปหมดเวลากับการปลูกผัก แต่ให้ปลูกไม้ผล หรือไม้ยืนต้นแล้วกินยอดไม้แทน จะให้ความแข็งแรงกับร่างกายมากกว่า รวมทั้งแนะนำเรื่องเมล็ดถั่วอายุยาว เช่น มะค่าแต้ มะค่าโมง นำมาเพาะให้งอก แล้วปรุงสุกกินวันละสองถึงสามเมล็ด(มากไปจะท้องอืด) ซึ่งเห็นด้วยค่ะ ทุกวันนี้นำเมล็ดมะค่าเพาะงอกมาปรุงสุกกินเป็นอาหารด้วย ทุ่นเวลาในการปลูกผักด้วยส่วนหนึ่ง 


ที่ยังทำปุ๋ยหมักนี้และพยายามจะปลูกผักไว้กินด้วย เพื่อเรียนรู้และปรับตัวไปด้วย คุ้นเคยกับการกินผักอย่างนี้มานาน(ที่จริงมากินผักเอาเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้ว)คงต้องใช้เวลาปรับเปลี่ยนไปจนลงตัวกับการมีพืชผักที่ผลิตได้เองเป็นส่วนใหญ่

หน้า