เด็กรุ่นใหม่จะเลือกทำอาชีพเกษตรกรรมหรืออุตสาหกรรม

หมวดหมู่ของบล็อก: 

      จากปากอาจารย์ผมเมื่อ  16  ปีที่แล้ว..ที่บอกว่าอีกไม่นานสิ้นค้าเกษตรจะเเพงขึ้น  ณ ปัจจุบันนี้ไม่เพียงแต่ในประเทศเท่านั้น   ปัญหานี้กลายเป็นระดับโลกไปแล้ว  แต่ในไทยเรายังไม่ตระหนัก...ของใช้ไม่มีใช้ยังอยู่ได้  ของกินนี่สิไม่มีกินใครอยู่ได้บ้าง   พื้นที่ทั่วโลกที่ทำการเกษตรได้มีอยู่ไม่มากอยู่แล้ว  หนำซ้ำยิ่งเหลือน้อยลง ทุกวัน ๆ  สวนทางกับประชากรที่เพิ่มขึ้น  แล้วอะไรมันจะเกิดวิเคราะห์ได้ไม่ยาก  ถ้าทางการส่งเสริมและตั้งใจปรับปรุงอย่างจริงจังโดยตั้งเป้าว่าไทยเราต้องเป็นศูนย์กลางอาหารโลกในอันดับต้น ๆ ให้ได้ผมว่าดีไม่น้อยเลยนะ.....ไม่ใช่ว่าอุตสาหกรรมไม่ดีนะ  ก็ทำควบคู่ไปได้แต่เน้นด้านเกษตรเป็นหลัก       สิ้นค้าเกษตรราคาตกต่ำที่เราเห็นประท้วงปิดถนนในไทยเราถ้าออกต่างประเทศได้เป็นราคาทีเดียวนะ   เพียงแต่จัดการควบคุมให้ดี  ผมว่าเกษตรกรทุกคนก็ทำได้อยู่แล้ว  แต่ที่เห็นหมกเม็ด  เก็บเกี่ยวยังไม่แก่จัดบ้างก็เพื่ออยู่รอด...ไม่เก็บก่อนก็ขายไม่ได้ราคา  ไม่มีกำไรแล้วเขากินอะไรล่ะ  ทุเรียน,มะม่วง ฯ ที่อาหรับลูกตั้งเท่าไหร่ญาติผมไปอยู่โน้นยังไม่กล้าซื้อกินเลย 


       ถ้าอาจารย์ให้นักเรียนบอกความใฝ่ฝันของแต่ละคนในชั้นเรียน...จะมีไหมที่บอกว่าอนาคตอยากทำการเกษตร 

ความเห็น

จริงๆแล้วเนี่ยจะให้แต่ทางการเข้ามามีบทบาทอย่างเดียวก็ไม่ได้อ่ะค่ะ บางครั้งเกษตรกรบางคน พ่อค้าแม่ขายหลายๆคนหวังแต่กำไรมากๆกันทั้งนั้น ไม่เคยนึกถึงปากท้องผู้บริโภคว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไร โดยเฉพาะการใช้สารเคมีต่างๆ เกษตรกรหลายท่านที่ไม่มีความรู้เลย บางคนตาสีตาสาเดินเข้าไปร้านขอถามหาซื้ออันนี้แต่คนขายหยิบอีกอย่างนึงให้ บอกว่าอันนี้ดีกว่าอันนั้น เกษตรกรยังขาดความรู้ที่ถูกต้อง ผู้บริโภคก็ไม่รู้ไม่เห็นเบื้องหลังว่าเขาปลูกอย่างไร ก็กินอย่างเดียว


ล่าสุด เพิ่งคุยกับเพื่อนที่เมืองไทย บอกว่า "พี่...ถ้าพี่มาเมืองไทยอย่าไปกินเงาะในสวนนี้นะ ให้ไปกินสวนโน้น" (เขามีหลายสวน) 


คนทางนี้ก็ถามว่า.... อ้าวทำไมล่ะ!!!! ทำไมสวนนี้กินไม่ได้ก็ของสวนเราหนิ!!! ปลายทางตอบมาว่า...ก็สวนนี้หนูฉีดยา ฉีดสารเร่งฮอร์โมน ให้ลูกมันใหญ่ๆ หนูจะส่งออกนอก!!!


แต่เท่าที่มีรายงานมาจาก คาร์โก้ที่สนามบิน ผลไม้ที่มาจากเมืองไทย มีการตรวจหาสารเคมีแล้วก่อนจะแพ๊คลงกล่อง และก่อนขึ้นเครื่อง แต่พอมาถึงสนามบินปลายทาง (โดยเฉพาะอเมกานะค่ะ) มีการเอาสินค้าไปตรวจไปสุ่มตรวจหาสารเคมีอีกรอบ ก็ปรากฏว่า "ไม่ผ่าน" เจอสารเคมี และยาฆ่าแมลง ต้องส่งกลับไปเมืองไทยเหมือนเดิม พอตีกลับไปเมืองไทย ก็เอาไปขายให้คนไทยกิน หรือไม่ก็เอาไปส่งโรงงานเงาะกระป๋อง จับยัดกระป๋องมาขายใหม่อีกรอบ เพราะเงาะกระป๋องเขาไม่ตรวจหนิ เออเอาเข้าไป..หาวิธีส่งออกนอกจนได้ซิท่า ไม่ยอมทิ้งเลย แล้วคนกินล่ะนึกเอาเอง.....


 

ตลกดีนะครับ ประเทศที่ไม่มีอะไรเลยมีแต่ทรายและน้ำมันกลับมากุมชะตา ชาวโลก


แต่ประเทศที่มีอาหาร ก็กลับยอมให้ประเทศเทศที่ไม่มีอาหาร มีแต่น้ำมันมากุมบังเหียน


 


เรามีของกิน เราก็มีน้ำมันจากพืช เราไม่เดือดร้อนเท่าไรเลย ที่ไม่มีน้ำมัน


แต่คนที่ไม่มีน้ำมัน แต่อาหารไม่มีน่าจะเดือดร้อนกว่านะครับ

Grow what you eat; eat what you grow.&

อืม...ตามที่บอกก็จริง   เราต้องจัดการใหม่ทำมีใบเหลืองใบเเดงสิ  มีการจัดการอย่างรัดกุมมันไม่น่าจะยากใหญ่ถ้าราคามันดีจริง   ราคาไม่ตกฮวบฮาบ   มีอาจารย์เกษตรท่านหนึ่งได้บอกว่า...ยาฆ่าเเมลงชนิดร้ายแรง  มีสารตกค้างสูงซึ่งหลายประเทศได้ยกเลิกนำเข้าไปแล้ว พี่ไทยเรายังอนุญาตินำเข้าอยู่เลย    และยังตัวแม่ปุ๋ยอีก...แม่ปุ๋ยทางจีนส่งผลกระทบต่อดินมากสุด   ประเทศเขาเองยังไม่ใช้...ไทยเรานำเขามโหราฬ

อยู่ที่ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดครับ ถ้าหันมารับประทานของที่ไม่สวยกัน ทั้งด้านรูปร่าง ผิวพรรณ คนผลิตก็ไม่ต้องลงทุนซื้อสารเคมีมาใช้ เดี๋ยวนี้เคมีมีบทบาทต่อคนและพืช

ในอนาคตไม่นาน ผู้ที่จะไม่เดือดร้อนคือผู้ที่อยู่อย่างพอเพียงปลูกพืชผักใว้กิน เงินจะมีค่าลดลง หรืออาหารขาดแคลนมีเงินก็หาซื้อไม่ได้เหมือนน้ำมันพืช

อ่าน