ดื่มด่ำความงามของตะนาวศรี..ที่สังขละบุรี
บ่อยครั้ง..การเรียนรู้ตัวเองคือการออกไปเรียนรู้โลก
การท่องโลกกว้าง แบกเป้เดินป่า ปั่นจักรยาน หรือแม้แต่การเข็นจักรยานขึ้นเขา.. ไม่ว่าเราจะไปสุดไกลแสนไกลเพียงใด ได้สัมผัสธรรมชาติ กลิ่นอายท้องถิ่น เก็บประสบการณ์จากวิถีชีวิต ธรรมเนียม ประเพณีของผู้คนที่แตกต่าง สุดท้ายสิ่งที่เราได้คือ การเรียนรู้ตัวเอง
เราเรียนรู้ว่าเราแข็งแรงไหม? อ้อยหวานหมายถึงทั้งร่างกายและจิตใจ
เดินหนึ่งกิโลก็บ่นไปตลอดทาง = มีแต่ปากที่แข็งแรงบ่นไม่หยุด
ยังไม่เคยลองปั่นจักรยานสักกิโลเดียวก็พูดยืนยันแล้วว่า ฉันทำไม่ได้ = จิตใจไม่แข็งแรง
การได้ออกไปเร่ร่อนคนเดียวในต่างถิ่น ไกลบ้าน แปลกผู้คน สัมผัสกับความไม่คุ้นเคย แตกต่างจากชีวิตประจำวันที่เคยๆ หมอนและที่นอนที่เคยนอนหลับสบาย และอาหารการกินที่ถูกปาก อย่างในศาสนาพุทธเรียกว่าการธุดงค์ ก็คือการออกไปค้นพบตัวเองนั่นเอง
จะท่องเที่ยวไปทำไม? หากไปกี่ร้อยกี่พันไมล์ ก็ได้มาแต่ของที่ระลึก
วันนี้อ้อยหวานมาเล่าเรื่องการเดินทางช้าๆ กับจักรยานต่อจากตอนที่แล้ว ต้องมนต์เสน่ห์ภูผา ณ.ทองผาภูมิ เป็นทริปปั่นจักรยานเที่ยวไทยตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ขณะนี้ก็ยังเล่าไม่จบ เพราะต้องคั่นด้วยบล็อก แอบดูจีน และถ้าไม่รีบเขียนให้จบ ก็จะต้องค้างคาไปอีกเนื่อนนาน เพราะมีโปรแกรมไปเรียนรู้ตัวเองในต่างถิ่นอีกในไม่กี่อาทิตย์ข้างหน้า ฉะนั้นอย่ารั้งรอไปเราไปเที่ยวกาญจนบุรีกันต่อ
จากทองผาภูมิอ้อยหวานและคุณผู้ชายที่บ้านก็จัดขนจักรยานขึ้นรถเมล์อย่างไม่มีข้อสงสัย เพราะถนนสายเดียวที่ไปยังสังขละบุรีนั้น ในความเห็นของเรา เป็นถนนที่ไม่ปลอดภัยสำหรับจักรยาน ถนนสาย 323 นี้เป็นเพียงถนนสายเล็กที่ไม่มีไหล่ทาง แต่รถวิ่งกันเพียบ ทั้งรถตู้ขนนักท่องเที่ยว รถเก๋ง รถเมล์ ไปจนถึงรถบรรทุก เพราะถนนจะไปสุดทางและข้ามไปยังชายแดนพม่า แต่ระหว่างทางอ้อยหวานยังเห็นนักปั่นจักรยานบนถนนอยู่หลายคน ก็ถนนสายนี้เป็นอีกสายหนึ่งที่นิยมกันในหมู่นักปั่นขาแข็งและใจมั่น ขอบอกว่าสวยสมกับคำล่ำลือจริงๆ ส่วนความโหดก็หนักหนาสาหัสไม่แพ้ความสวย แต่ความเสี่ยงนั้นสูงกว่าความสวยและความโหดมากมาย ขนาดนั่งบนรถเมล์ยังต้องลุ้นกันจนเหนื่อย ถึงสังขละบุรีเกือบหมดแรง ยังกะปั่นมาเองเลยละ เพราะต้องเอาใจช่วยลุ้นรถเมล์คันเก่าที่บรรทุกผู้คนและข้าวของมาเต็มคันรถ ให้ค่อยๆ คืบคลานไต่ขึ้นเขาโหดๆ หลายเนินเขา แล้วยังต้องคอยลุ้นเหล่ารถนักท่องเที่ยวช่างซิ่งและช่างแซงทั้งหลาย โค้งแล้วโค้งเล่า คุณๆ เหล่านั้นเยียบคันเล่งกันแบบไม่เกรงใจ ไม่รู้ว่าจะเร่งรีบไปวิมานไหน สงสัยนัก!
วิวจากบนรถเมล์ สวยสมกับคำล่ำลือจริงๆ
ที่พักของเราในสังขละบุรีอยู่ในทำเลเหมาะเจาะจริงๆ บนเนินเขาที่สามารถชมวิวโค้งน้ำสุดสวย และยังมีวิวสะพานมอญที่เป็นดาวจรัสแสงแห่งสังขละบุรี บริเวณนี้เป็นที่ที่แม่น้ำ 3 สายไหลมาบรรจบกันได้แก่ แม่น้ำซองกาเลีย แม่น้ำรันตี และแม่น้ำบีคลี่ เรียกได้ว่าได้ชมวิวกันอย่างจุใจจริงๆ ทานข้าวไปชมวิวไป แม้แต่ว่ายน้ำอยู่ในสระก็ยังได้ชมวิวสวยๆ
ได้ชมวิวงดงามตระการตาตลอดทุกช่วงเวลา ภาพนี้ถ่ายจากสระว่ายน้ำ ทิวเขาตะนาวศรีกับแม่น้ำคดโค้งนั้นสวยมากมาย
ประวัติความเป็นมาของเมืองสังขละบุรี
สังข ละบุรี มีคำขวัญว่า “เมืองสามหมอก ดินแดนสามวัฒนธรรม” คือมีทั้ง ไทย มอญ กะเหรี่ยง มีสะพานไม้อุตมานุสรณ์ เป็นสัญลักษณ์เด่น ที่ใครมาก็ต้องมาเยือน สะพานไม้ที่ยาวที่สุดอันดับ2ของโลกแห่งนี้ พร้อมกับสัมผัสวัฒนธรรมแบบคนมอญ ทาแป้งมอญ การเทินของไว้ที่หัว และภาษาที่เป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งมีแง่มุมทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกด้วย เจดีย์สามองค์
สังขละบุรี เป็นอำเภอที่ติดต่อกับชายแดนพม่า ห่างจากตัวเมืองกาญจนบุรี ประมาณ 215 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากอำเภอ ทองผาภูมิ 74 กิโลเมตร เมืองชายแดนแห่งนี้ รายล้อมด้วยธรรมชาติและขุนเขาอัน เขียวขจี มีแม่น้ำซองกาเลีย ไหลจากต้นกำเนิดในประเทศพม่า พาดผ่านอำเภอสังขละบุรีหล่อเลี้ยงผู้คนสองฟากฝั่งแม่น้ำ และเชื่อมสัมพันธ์ ชนชาติมอญทั้งสองประเทศ มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลจาก sangkla.sadoodta.com
สะพานมอญในยามเย็น
สะพานมอญ… สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
เดิมทีชาวบ้านเรียกกันว่า สะพานบาทเดียว สร้างด้วยแพไม้ไผ่ต่อติดกัน และบริเวณตรงกลาง เป็นแพเลื่อนเปิด-เปิด เวลามีคนเดินข้ามก็จะมีคนชักสะพานให้มาเชื่อมกัน และเก็บเงินคนละ 1 บาท ต่อมาหลวงพ่ออุตตมะเห็นว่า ชาวบ้านเดือดร้อนที่ต้องเสียเงินข้ามสะพานทุกวัน จึงมีความ คิดสร้างสะพานเชื่อมโดยใช้ไม้เนื้อดี ทั้งหมดแล้วเสร็จเมื่อประมาณปีพ.ศ.2530 ใช้ระยะเวลา ก่อสร้างประมาณ 8 เดือน โดยแรงงานชาวมอญและแรงศรัทธาจากชาวบ้าน โดยไม่ได้ใช้ เครื่องจักรเลย
ปัจจุบันมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สะพานอุตตมานุสรณ์ มีความยาวถึง 438 เมตร นับได้ว่าเป็น สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย สร้างข้ามลำน้ำซองกาเลีย สำหรับให้ประชาชนฝั่งตัว อ.สังขละบุรีและฝั่งหมู่บ้านชาวมอญเดินข้ามสัญจรไปมา โดยปัจจุบันได้รับการปรับปรุงซ่อม แซมเป็นรุ่นที่ 4 แล้ว
บริเวณสะพานแห่งนี้เป็นจุดชมวิวทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ์ที่สวยงามมาก สามารถมองเห็น ลำห้วยสายต่างๆ คือ ซองกาเลีย บีคลี่ และรันตีที่ไหลมารวมกันเป็นสามประสบ
ขอบคุณข้อมูลจาก สามประสบรีสอร์ท
อีกมุมหนึ่ง และต่างเสี้ยวเวลา
แสงยามเย็นที่อ่อนโยน ช่วงนี้เรือหางยาววิ่งกันขวักไขว่ เพราะเป็นช่วงที่จะออกไปชมอาทิตย์อัสดงพ้นเหลี่ยมเขากัน
ใครใคร่ชมวิว..ก็ชมไป ใครใคร่เล่นน้ำก็เล่นน้ำไป แต่ไม่ได้กระโดดจากบนสะพาน ไม่รู้ว่าน้ำในแม่น้ำตื้นไปหรือเปล่า น้ำในเขื่อนนั้นมีน้อย เพราะภัยแล้งที่เมืองไทยได้ประสบกัน
สะพานมอญยามเช้า
ช่างสมกับชื่อเมืองสามหมอกเสียจริงๆ
โดดเดี๋ยว แต่ไม่เดียวดาย
เธออีกคนหนึ่งที่กำลังเรียนรู้ตัวเองด้วยการออกไปเรียนรู้โลก เดินทางคนเดียวจากบ้านที่อยู่ไกลแสนไกลหลายพันไมล์ ในท้องถิ่นที่แปลกตา ต่างภาษาและวัฒนธรรม นี่คือสิ่งที่เด็กไทยไม่ค่อยจะมีกัน เพราะเราถูกสั่งสอนให้หวาดกลัวโลก มองการเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวเป็นสิ่งแปลกประหลาด ไปไหนต้องมีเพื่อนไปด้วย ทำให้ไม่กล้าเผชิญกับโลกโดยลำพัง
แต่..เราจะมีเพื่อนไปด้วยทุกแห่งหนหรอกหรือ? สุดท้ายก็ต้องเดินทางคนเดียวกันทั้งนั้น
ดินแดนสามวัฒนธรรม
แต่ในรูปส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวไทยปลอมตัวเป็นสาวมอญทั้งนั้น
ดาราแห่งสังขละบุรี
เราเอาจักรยานออกไปกันแต่เช้า ปั่นเที่ยวชมสถานที่กันเล็กๆ น้อยๆ พอได้ออกกำลัง
เจดีย์พุทธคยาที่หลวงพ่ออุตมะจำลองมาจากประเทศอินเดีย
วัดวังก์วิเวการาม
“เมืองสามหมอก ดินแดนสามวัฒนธรรม”
โปรดติดตามปั่นเที่ยวไทยกับอ้อยหวานในตอนต่อไป
อ่านปั่นเที่ยวไทยตอนที่แล้วได้ที่นี่
ปั่นจักรยานทัวร์ริ่ง มันปิ้ง ปิ้ง จริงๆ นะ
หอมกลิ่นไอฝน ยลความงามสีเขียว ณ.เชิงเขานครศรีธรรมราช
เยือนถิ่นตะนาวศรี ดินแดนแห่งขุนเขา ณ.สวนผึ้ง
อดีต..กับ..ปัจจุบัน ที่กาญจนบุรี
ท่ามกลางหินผาในซอกหลืบของขุนเขาตะนาวศรี
คืบก็ภูเขา ศอกก็ภูเขา ณ.ทองผาภูมิ
ต้องมนต์เสน่ห์ภูผา ณ.ทองผาภูมิ
ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข
ขอบคุณค่ะ
อ้อยหวาน
- บล็อกของ อ้อยหวาน
- อ่าน 9066 ครั้ง
ความเห็น
oddzy
24 เมษายน, 2016 - 21:09
Permalink
Re: ดื่มด่ำความงามของตะนาวศรี..ที่สังขละบุรี
เหมือนได้ไปเที่ยวด้วยเลยค่ะแต่ละภาพ สุดยอดเลย สวยๆทั้งนั้น ได้ยินชื่อมานานแต่ยังไม่มีโอกาสได้ไปเลย สักวันต้องไปให้ได้ค่ะ
ริมสวนยาง
25 เมษายน, 2016 - 17:07
Permalink
Re: ดื่มด่ำความงามของตะนาวศรี..ที่สังขละบุรี
เมืองไทย นี่ สวยจริงๆ ค่ะพี่อ้อย...สังขละบุรี....(ฝันไว้ ว่าจะได้ไปยล) บรรยากาศยามเช้า ...ภาพแม่น้ำคดเคี้ยว วัฒนธรรมที่งดงาม...สวยไม่แพ้ใคร ขอบคุณมากๆค่ะ (รอชม ตอนต่อไป นะคะ)
เสิน
28 เมษายน, 2016 - 16:20
Permalink
Re: ดื่มด่ำความงามของตะนาวศรี..ที่สังขละบุรี
เหมือนจะเป็นสถานที่๑ ที่หน่วยงานของผมมีโครงการจะไปเยือนในปลายปีนี้
..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..
panida korat
5 พฤษภาคม, 2016 - 12:09
Permalink
Re: ดื่มด่ำความงามของตะนาวศรี..ที่สังขละบุรี
เพลิดเพลินเหมือนได้ไปเที่ยวเองเลยค่ะ สังขละบุรี ฉันจะไปเยือนเทอแน่ๆ ขอบคุณมากๆนะคะ