360 องศา ที่มีแต่เรากับ...เขา
วันนี้แหละเป็นวันของเธอ ภูเขาลูกนั้นกำลังรอเธออยู่ ดังนั้นจงเร่งรีบไป
“Today is your day, your mountain is waiting. So get on your way.”
― Dr. Seuss
Dr. Seuss คือนามปากกาของ Theodor Seuss Geisel นักเขียนวรรณกรรมเด็กเรืองชื่อแห่งสหรัฐอเมริกา หนังสือของเขาบางเล่มมียอดขายกว่าหกร้อยล้านเล่ม และได้รับการแปลถึง 20 ภาษา อ้อยหวานรู้จัก Dr. Seuss จากการอ่านหนังสือก่อนนอนกับลูก เมื่อตอนที่ลูกๆ ยังเล็กๆ ส่วนใหญ่จะเขียนเป็นคำกลอน พ้องเสียงอ่านแล้วสนุก เขาวาดการ์ตูนในหนังสือของเขาเอง หนังสือทุกเล่มของเขาแอบแฝงไปด้วยคำสอนดีๆ แก่เด็กๆ สอนให้ใฝ่ฝัน และก้าวไปสู่ฝันอย่างมั่นใจ กล้าเผชิญกับความยากลำบาก และกล้าตัดสินใจ ภูเขาถูกนำมาเปรียบเปรยกับความยากลำบาก ในขณะเดียวกันภูเขาคือ ความท้าทาย และความใฝ่ฝันอันสูงสุด แต่ไม่เกินเอื้อม..
หลังจากชมวิว สังขละบุรี กันหนำใจ เราขนจักรยานขึ้นรถเมล์กันอีกครั้ง เดินทางออกจากสังขละบุรีกันแต่เช้า รถเมล์มุ่งหน้าสู่ตัวเมืองกาญจนบุรี แต่เราขอลงครึ่งทางที่แยกทับศิลา แล้วปั่นจักรยานย้อนขึ้นเหนือมุ่งไปหน้าไปให้ภูเขาโอบกอดที่เขื่อนศรีนครินทร์ การปั่นจักรยานครั้งนี้ต้องแบ่งเป็นสองช่วง เพราะกว่าจะได้ลงจากรถเมล์ และเริ่มปั่นกันก็ปาไปเกือบเที่ยง และเป็นเที่ยงที่แดดเปรี้ยงสุดๆ แม้ว่าวิวระหว่างทางจะงดงามเพียงใด ทั้งร่างกายและจิตใจของเราสองคนร้อนระอุไปกับอากาศรอบตัว ระยะทางกว่า 40 กิโลนั้นไม่มากมาย แต่อากาศร้อนที่ไม่เป็นใจกับการปั่นจักรยาน และเส้นทางขึ้นเขา ทำให้เรากังวลว่า วันนี้เราจะไปถึงที่หมายไหม? หรือจะมีที่พักระหว่างทางหรือไม่? สำหรับคนที่กำลังมองหาเส้นทางสวยๆ สำหรับปั่นจักรยาน ถนนสายทับศิลา-ช่องสะเดานี้สวยมากมาย แถมมีรถวิ่งน้อยด้วย
เสียดายจัง! ที่เราผ่านมาทางนี้ผิดเวลา หากเป็นช่วงเช้าเราคงจะเพลิดเพลินกับวิวสองข้างทางมากกว่านี้
กาญจนบุรีก็มีเจดีย์แขวนด้วยนะ
ผ่านปางช้างเลยได้แวะเก็บรูปลูกช้างไปฝากลูกสาวที่บ้าน เจ้าตัวเล็กที่ไม่ค่อยจะเล็กนี้ แต่ละตัวแสนรู้นัก
เราแวะหลบแดดและพักค้างคืนกันที่รีสอร์ทริมแม่น้ำแควใหญ่ที่เงียบสงบ รูปนี้ถ่ายในตอนเช้าของวันถัดมา บรรยากาศยามเช้านั้นงดงามนัก
เช้าวันถัดไปเหลือระยะทางเพียงสิบหกกิโลก็จะถึงจุดหมาย เราจึงไม่เร่งรีบนัก ปั่นช้าๆ กินลมชมวิวไปเรื่อยๆ ถนนบางช่วงจะแล่นเรียบแม่น้ำแควใหญ่แบบแนบสนิท โดยมีภูเขาสูงขนาบข้างไปตลอดแนว อ้อยหวานมองเห็นที่พักและแพริมน้ำอยู่หลายแห่ง
ดูไร่สตอเบอรี่นี้สิ ทุกต้นปลูกอยู่ในถุงพลาสติก แล้วนั่งอยู่บนหิ้งเด่นเป็นสง่า แปลกจัง! อย่างนี้เรียกว่าไร่ได้อีกหรือ มีบริการให้เก็บสตอเบอรี่สดจากต้นด้วย
เส้นทางขึ้นๆ ลงๆ จนมาถึงจุดนี้ ‘สะพานเจ้าเณร’ หลังจากข้ามสะพานไปแล้ว ก็มีแต่ขึ้นกับขึ้น เราแวะทานข้าวเช้ารอบสองกันที่ตลาด อ้อยหวานไม่แน่ใจว่าชื่อตลาดเอราวัณ หรือตลาดศรีสวัสดิ์ เพราะระยะทาง 500 เมตร ที่เข็นจักรยานขึ้นมานี้ กินแรงไปมากโข แต่พอออกจากตลาดก็ต้องร้องจ๊ากส์ เพราะทางที่ตรงดิ่งขึ้นเขาตรงหน้ามันชันกว่าเดิมอีก
กว่าจะมาถึงจุดนี้ก็หมดแรงข้าวแกงจากตลาดพอดี แต่วิวนั้นสวยคุ้มค่ากับการฟันฝ่าขึ้นมา เราพักค้างคืนที่บ้านพักของเขื่อนศรีนครินทร์ ที่มีบริการห้องพักมากมายในราคาที่พอเหมาะ แถมมีร้านอาหารที่เปิดบริการเช้า กลางวัน และเย็นอีกด้วย
รุ่งขึ้นเราปั่นจักรยานออกไปชมสันเขื่อน แต่ขอบอกเอาไว้ก่อนว่า สำหรับคนที่ไม่ได้พักที่บ้านพักของเขื่อนจะขึ้นไปชมสันเขื่อนได้ทางฝั่งตรงกันข้ามของแม่น้ำเท่านั้น (ถนนก่อนที่จะข้ามสะพาน)
วิวเหนือเขื่อน
360 องศา ที่มีแต่เรากับ ...เขา จริงแหละ!
เขื่อนศรีนครินทร์
เขื่อนศรีนครินทร์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เสมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมบนสันเขื่อนที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเขื่อนภูมิพล
เขื่อนศรีนครินทร์ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "เขื่อนเจ้าเณร" ตั้งอยู่บริเวณบ้านเจ้าเณร ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ เป็นเขื่อนประเภทแกนสันเขื่อนเป็นดินเหนียว ถมทับด้านบนด้วยหินเป็นก้อนๆ เขื่อนศรีนครินทร์ถือว่าเป็นเขื่อนประเภทหินถมแกนดินเหนียวที่ใหญ่ที่สุด และมีความจุมากที่สุดในประเทศไทย คือ 17,745 ล้านลูกบาศก์เมตร เกิดเป็นพื้นที่ในอ่างเก็บน้ำ 419 ตารางกิโลเมตร ตัวเขื่อนมีความสูงจากฐานราก 140 เมตร สันเขื่อนยาว 610 เมตร กว้าง 15 เมตร เป็นเขื่อนประเภทอเนกประสงค์แห่งแรกของโครงการพัฒนาลุ่มน้ำแม่กลอง ช่วยลดอุทกภัยในลุ่มแม่น้ำแม่กลอง เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลา ให้ประโยชน์ด้านการประมง และหลักๆ คือใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า โดยมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 5 เครื่อง ขนาดกำลังผลิตรวมทั้งสิ้น 720,000 กิโลวัตต์ ให้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยปีละ 1,250 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงและเขื่อนเจ้าพระยา และเป็นเขื่อนชนิดหินถมแกนดินเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย นักท่องเที่ยวสามารถแวะชมทัศนียภาพอันงดงามบนสันเขื่อนได้ตลอดทั้งปี
ขอบคุณข้อมูลจาก kanchanaburi.co
เส้นทางลงจากเขื่อนอีกด้านหนึ่งนั้นสวยยิ่งนัก รู้ทั้งรู้ว่าลงไปแล้ว เราก็ต้องข้ามสะพาน แล้วขึ้นเขากลับไปบ้านพักบนเขื่อนอีกรอบ แต่ทางสวยๆ อย่างนี้ใครจะห้ามใจไหว
อากาศที่แสนจะสดชื่น แสงอาทิตย์อ่อนๆ ของยามเช้า พรรณไม้เขียวขจีของป่าดงพงไพร ยินและยลหมู่นกร้องขับขาน เรียกว่าถูกโอบกอดโดยธรรมชาติอย่างแท้จริง
ในวันนั้นเราได้แวะไปชมน้ำตกเอราวัณอีกด้วย น้ำตกในช่วงที่แล้งน้ำไม่สวยเท่าที่ควร แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและคนไทยแวะมาชมกันมากมาย เพราะน้ำตกเอราวัณนี้เรืองชื่อนักในด้านความงาม
มีทั้งปลาน้อยใหญ่และนางเงือกเชื้อสายรัสเซียให้ชมด้วย
น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อำเภอศรีสวัสดิ์ อยู่ในแนวลำน้ำแควใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 600 ตารางกิโลเมตร อยู่บนทางหลวงหมายเลข 3199 ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับทางไปเขื่อนศรีนครินทร์
น้ำตกเอราวัณ เดิมชื่อ "น้ำตกสะด่องม่องลาย" ที่ได้มาจากต้นน้ำ ชื่อลำธารม่องไล่ และห้วยอมตะลา น้ำตกเอราวัณเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สายน้ำไหลลงมาจากยอดเขาสูง ผ่านโขดหินผา และป่าที่ปกคลุมด้วยแมกไม้นานาชนิด มารวมกันเป็นแอ่งน้ำเป็นช่วงๆ ทำให้เกิดเป็นชั้นของนำ้ตก ที่มีความสวยงามแตกต่างกันไป น้ำตกมีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น มีชื่อเรียกแต่ละชั้นคล้องจองกัน จากชั้นแรกถึงชั้นที่เจ็ดคือ "ไหลคืนรัง วังมัจฉา ผาน้ำตก อกนางผีเสื้อ เบื่อไม่ลง ดงพฤกษา ภูผาเอราวัณ" น้ำตกแต่ละชั้นมีระยะทางแตกต่างกันตั้งแต่ ชั้นต้นๆ เดินไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตร จนถึงชั้นบนสุด 1,520 เมตร ซึ่งต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการเดินผ่านป่าขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด เป็นหน้าผาทะลุเปิดโล่ง บางช่วงค่อนข้างลำบาก ชัน และลื่นบ้าง ชั้นบนสุดหลายคนบอกว่ารูปร่างผามองดูแล้วคล้ายกับหัวช้างสามเศียรเอราวัณ จนเป็นที่มาของชื่อน้ำตกเอราวัณนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก kanchanaburi.co
เราจอดจักรยานไว้ข้างล่างแล้วเดินขึ้นเขาไปจนถึงชั้นบนสุด ซึ่งมีระยะทาง 1,520 เมตร ขอบอกว่าเส้นทางสวยร่มรื่น ค่อนข้างสูงชัน และมีคนเยอะมากๆ
แผนที่การเดินทางของวันนั้น จุดที่พุ่งปรี้ดขึ้นไปคือ การเดินขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของน้ำตกเอราวัณ กว่าจะกลับถึงที่พักเล่นเอาเราสองคนสะบักสะบอม
อ้อยหวานกับคุณผู้ชายได้ปีนขึ้นภูเขาของเราแล้ว ทีนี้ก็เป็นตาของเพื่อนๆ บ้างละ
โปรดติดตามปั่นเที่ยวไทยกับอ้อยหวานในตอนต่อไป
อ่านปั่นเที่ยวไทยตอนที่แล้วได้ที่นี่
ปั่นจักรยานทัวร์ริ่ง มันปิ้ง ปิ้ง จริงๆ นะ
หอมกลิ่นไอฝน ยลความงามสีเขียว ณ.เชิงเขานครศรีธรรมราช
เยือนถิ่นตะนาวศรี ดินแดนแห่งขุนเขา ณ.สวนผึ้ง
อดีต..กับ..ปัจจุบัน ที่กาญจนบุรี
ท่ามกลางหินผาในซอกหลืบของขุนเขาตะนาวศรี
คืบก็ภูเขา ศอกก็ภูเขา ณ.ทองผาภูมิ
ต้องมนต์เสน่ห์ภูผา ณ.ทองผาภูมิ
ดื่มด่ำความงามของตะนาวศรี..ที่สังขละบุรี
ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข
ขอบคุณค่ะ
อ้อยหวาน
- บล็อกของ อ้อยหวาน
- อ่าน 8714 ครั้ง
ความเห็น
ริมสวนยาง
30 เมษายน, 2016 - 11:17
Permalink
Re: 360 องศา ที่มีแต่เรากับ...เขา
ได้พักรอบๆบึงบัว ด้วย งดงามยิ่งนักค่ะ....เจดีย์แขวน แปลกดีค่ะพี่อ้อย ....ได้ปั่นจักรยาน ช่วงเช้า ชมวิวทิวทัศน์ สมใจแล้ว นะคะ.....ปั่น ปั่น ปั่น...มาถึงน้ำตกเอราวัณ หายเหนื่อยเลยค่ะ น้ำตกสวยยยยย เอ๊ะ หายเหนื่อยเพราะน้ำตก หรือนางเงือก หนอคะ คุณผู้ชาย........รอติดตามชม ค่ะ พี่อ้อย
อ้อยหวาน
4 พฤษภาคม, 2016 - 09:53
Permalink
Re: 360 องศา ที่มีแต่เรากับ...เขา
นางเงือกคนนี้ใส่ส้นสูงมาเดินน้ำตกด้วยละบัวริม ส่วนคุณผู้ชายไม่กล้ามองมากกลัวโดนผลักตกน้ำ
Soonthorn Soon
3 พฤษภาคม, 2016 - 15:19
Permalink
Re: 360 องศา ที่มีแต่เรากับ...เขา
พี่อ้อย ครับ ช่างโชคดี เหลือเกิน ได้สำผัส ธรรมชาติ ที่สวยสดงดงาม ของเมืองไทย...ผมน่าจะชอบน้ำตก ด้วยคน ครับ
จงเตือนตน ด้วยตนเอง
อ้อยหวาน
4 พฤษภาคม, 2016 - 09:50
Permalink
Re: 360 องศา ที่มีแต่เรากับ...เขา
ชอบน้ำตกหรือนางเงือกกันแน่ วันที่พี่แวะไปมีตรึมเลย
blueman
5 พฤษภาคม, 2016 - 08:54
Permalink
Re: 360 องศา ที่มีแต่เรากับ...เขา
ตามพี่อ้อยหวานมาเที่ยวทุกบล็อกครับ ชอบน้ำตกเหมือนกันครับ
อ้อยหวาน
10 พฤษภาคม, 2016 - 03:52
Permalink
Re: 360 องศา ที่มีแต่เรากับ...เขา
มาอีกคนหนึ่งที่ชอบน้ำตกและนางเงือก ขอบคุณค่ะที่เป็นกำลังใจ