คืนนั้น ...ที่น้ำตกนกรำ !!!

หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้ไปมาแล้วค่ะ !!!


สิบโมงเช้าวันนี้  พี่หยอยมาหาที่บ้าน   เพราะเรามีนัดกันว่าจะขอติดตามพี่หยอยลงพื้นที่จริงล่วงหน้า  เหตุผลคือ   กลัวหลงค่ะ เพราะจะทำให้เสียเวลามาก  และเหตุผลต่อมาคือเนื่องจากถูกขู่ไว้เยอะ   และคนขู่อาจจะไม่อยากให้เราไปงานนี้ก็ได้  จึงได้ขู่ว่าการเดินป่าแบบนี้เราจะต้องเจอทากแน่ๆ   เราซึ่งเป็นคนกลัวทากขึ้นสมองอยู่แล้ว  จึงจะขอลงพื้นที่ชิมลางดูก่อนว่าทากชุมอย่างที่โดนขู่ไว้หรือเปล่า     แล้วเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้ง   คนเค้าขู่ไว้ว่าเดินป่าทางพัทลุง ทากเยอะมากกกก  !!


วันนี้ก็เลยเข้าอำเภอกงหราทางเขาชัยสนค่ะ  ระยะทางประมาณ  30  กิโลเมตรค่ะ   แต่ขากลับออกมาลองสำรวจเส้นทางแม่ขรีดู  ปรากฏว่า  เข้า ออก ทางแม่ขรีง่ายกว่าค่ะ  


เอาเป็นว่าเรื่องเส้นทางลองถามมาดูนะคะ   ถ้าท่านใดมาจากหาดใหญ่  สตูล  ปัตตานี   แนะนำให้เข้าแม่ขรีค่ะ  แต่ถ้ามาจากนคร   จะมาเจอหมวยเล็กที่สี่แยกเอเชียก่อน  แล้วตามมาทางเขาชัยสนก็ได้ค่ะ (กลัวพาหลงจัง !!!)    ส่วนใครที่มาจากตรัง  ก็เข้าได้สองทางค่ะ   ได้ทั้งทางลำสินธิ์  หรือเข้าทางนาท่อม  หรือจะมาเจอกันที่แยกเอเชีย   แล้วไปพร้อมกันก็ได้ค่ะ


จากที่เข้าไปวันนี้นะคะ   อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่าแดดที่แผดร้อนจนเกือบจะใหม้ค่ะ   แต่พอเราเลยเข้าป่ายางไปตรงธารน้ำตก   บรรยากาศก็เปลี่ยนทันทีค่ะ     สภาพป่าที่ยังอุดมสมบูรณ์มาก   หน่อไม้แต่ละหน่อเท่าเสาเรือนน่าจะได้     


และตรงนี้   คือลานที่เราจะร่วมกันเตรียม  ร่วมกันปรุง  ร่วมกันชิม "อาหารแต่แรก "ค่ะ


วันนี้เราโชคดีมาก   ที่  "มะสา"   มาเจอเราพอดี   ก็เลยชวนเเราเดินทวนสายน้ำขึ้นไปยังขนำของมะ  เพื่อทานอาหารเที่ยงเราจึงเดินทวนน้ำเล่น เย็นใจ  



น้ำเย็น จนอยากลงไปแช่ทั้งตัว แอ่งเหล่านี้เป็นแอ่งตื้นๆค่ะ   เพราะเป็นเส้นทางเดินของชาวบ้าน   ที่น้ำลึกต้องขึ้นไปบนหนานขานางค่ะ



ระหว่างทางเดิน  เจอเจ้านี้เยอะมากกกก   สำหรับคนแถวนั้น  อาจจะคุ้นตา  แต่สำหรับเรา  เป็นของแปลกเชียวค่ะ 



ตรงนี้แหละค่ะ  ที่เราจะแวะทานข้าวกัน



เจ้าของขนำกำลังทำยาสูบ   เห็นกรรมวิธีการหั่นเส้นยาแล้วก็ทึ่งในภูมิปัญญาค่ะ  วันนี้ไม่เล่านะคะ   ให้ไปดูเองค่ะ  หั่นได้ละเอียดมากก   และเท่ากันทุกเส้นด้วย   ใครชอบยาฉุน  ไม่ผิดหวังค่ะ    หมวยเล็กลองมาแล้ว......มึนๆไปหนึ่งนาที   จนพี่หยอยต้องหันเรียกดังๆ  จึงจะตื่นจากภวังค์  


เข้าครัวดีกว่า



ที่ว่าอยู่กินกันหม้อข้าวไม่ทันดำ  คงเอามาใช้ที่นี่ไม่ได้  เพราะดำเท่ากันทุกใบ



เผลอแป๊บเดียว   หม้อนี้เกือบสุกแล้ว



มาดูสิ  มันคืออะไร



ต้มหน่อไม้หม้อนี้   ก็เล่นเอาทึ่ง  ในระหว่างที่ฉันกำลังง่วนอยู่กับการมวนยา   พี่หยอยกำลังทำอะไรกับกระต่ายขูดมะพร้าวอยู่ก็ไม่รู้สิ   ส่วนน้องผู้ชายคนนึงก็หายไปหลังขนำ   กลับมาอีกทีมีอะไรขาวๆติดมือมาด้วย  อ้อ   หน่อไม้นั่นเอง  ส่วนมะ เดินไปอีกทางนึง  ได้ผักเขียวๆกลับมาสองสามอย่าง   จำได้ว่าชื่อผัก  'ยอดตาหมัด' ซึ่งฉันไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย   แต่ก็สงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับคุณตาที่ชื่อหมัดอย่างไรหรือเปล่า  แต่ไม่ได้ถาม    


แล้วก็เป็นอย่างนี้ 



อันนี้เป็นน้ำพริก   พี่หยอยช่วยมะปรุงอย่างแข็งขันอยู่บนขนำ 



มีขนมหวานด้วยนะอยู่ในนี้ไง  คลาสสิคมั้ยล่ะ  ร้านแอนทีคเห็นเข้าคงรีบมาเก็บเข้าพิพิธภันธ์เลยนะเนี่ยะ



ข้างในเป็นอย่างนี้ค่ะ  ลูกอะไรไม่รู้   ไปชิมเองนะคะ   บอกได้คำเดียวว่า ..ถั่วอัลมอลค์ชิดซ้ายไปเลย..!!!



เปียกค่ะ 


 


โสร่งที่มะเอามาให้เปลี่ยน   สวย  และใส่สบายจนฉันอยากขอกลับบ้านจัง  อิอิ



อันนี้ก็ไปปีนเก็บมาจากต้นค่ะ  



อิ่มแล้ว  เราก็ไปหาที่นอนกัน  ตาเริ่มปรือๆ  



ขากลับ  เดินมาทางป่ายาง   ไม่ต้องลุยน้ำแล้ว 



มาดูเขาทำเส้นขนมจีนสด  



นึกถึงแกงเขียวหวาน  



แค่เรียกน้ำย่อยค่ะ   วันนี้ยังไม่ได้เตรียมตัวมากนัก  เพราะไม่ได้ตั้งใจไปทานอาหาร  แต่จะสำรวจเส้นทางมากกว่า   เจ้าของพื้นที่ท่านเล่าให้ฟังว่า  เส้นทางที่เราจะขึ้นไปนี้  เดินแค่ 1 กิโลเท่านั้นเอง    และช่วงนี้ก็ยังไม่ชื้นขนาดที่จะเป็นบ้านของทากได้   จึงเป็นอันว่า  ใครที่กลัวทากก็หมดห่วงไปนะคะ   แต่สำหรับคนที่อยากเจอทาก   ไม่ยากค่ะ   ขึ้นไปอีกนิด  เขาเรียกว่า เขาเจ็ดร้อย  หรือเขาเจ็ดร้อยยอดไม่แน่ใจ  รับรองว่า  ได้ดึงทากกันเป็นที่สนุกแน่ 


สำหรับที่นอนยิ่งไม่ต้องห่วงใหญ่ค่ะ   ถ้ามีเปลยวนส่วนตัว  ก็ดีค่ะ  นอนคนเดียว  (แต่ก็น่ากลัวผีอยู่นะ)  แต่ถ้าใครไม่มีเปล   เขาจะเต้นท์อยู่ร่วมสามสิบหลังค่ะ   หรือได้ยินเขาพูดกันแว่วๆว่า   บนนั้นมี "หลา"  ก็น่าจะเป็นศาลานอนได้หลายคนค่ะ  แบบนี้ก็อุ่นใจดีนะคะ  สำหรับคนกลัวผี  ก็มานอนอยู่ด้วยกัน 


ส่วนฉัน  มีเปลยวนของพี่ชาย คิดว่าจะขโมยไปยืมใช้สักวันโดยไม่บอกว่าว่าเอาไปไหน  (เดี๋ยวบ่นยาว )   แต่อาจจะขอเค้่านอนเต้นท์   แต่ก็ดูสถานการณ์ก่อนค่ะ   แต่ว่าไม่น่าห่วงอะไรนะคะ   เพราะอยู่ใกล้ชุมชนค่ะ    และจากที่พูดคุยกันแล้ววันนี้   คาดว่าอาสาสมัครที่เป็นคนในพื้นที่จะขึ้นไปกับเราหลายคนเชียวค่ะ   เพราะพวกเค้าก็สนุกกับการได้ทำอะไรแปลกให้เราดู  


ขอเชิญใครที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ  รีบตัดสินใจนะคะ   เพราะไม่น่าลัวอย่างที่คิดค่ะ   ขนาดหมวยเล็กเป็นคนที่เรื่องมากที่สุด   ยังคิดว่าน่าจะอยู่ได้เลยค่ะ   แล้วเพื่อนๆขาลุยทั้งหลาย   จะรออะไรอยู่อีกค่ะ   


เรามาร่วมสร้างตำนาน  และเก็บประสบการณ์  คืนนั้น  ที่น้ำตกนกรำกันเถิดค่ะ   ...!!!


 


.... อ้อ้  ....สิงที่ห้ามลืมเด็ดขาด....ให้เตรียมชุดสำหรับเล่นน้ำตกไปด้วยนะคะ   เป็นกางเกงขาสั้นก็ได้ค่ะ  เพราะจากสภาพที่เห็น  คิดว่าคงไม่มีใครอดใจไม่เปียกได้หรอกค่ะ  !!!

ความเห็น

ลูกรีๆสีน้ำตาลในหม้อ คือ ลูกกะ หรือ ลูกประ ถึงหน้าของลูกไม้ชนิดนี้แล้วซินะ อย่าลืมเอามาฝากกันบ้างนะหมวยเล็ก


ลุงโรส หยอยคิดว่ามันเป็นของป่าที่ทรงพลังมาก อัลมอลชิดซ้ายอย่าง หมวยเล็กบอก เคยกินที่คีรีวงบ่อย แต่ลูกประเขาบรรทัด รสดีกว่าจริงๆ แล้วจะเก็บเผื่อฮะ มันกำลังแตกฝักฮะ

ลูกประ หรอย ไม่เคยเห็น แต่น่ากิน

เรียกลูกประค่ะลุงโรส 


ที่หนูว่ารู้จริง  เพราะลูกประออกเป็นฤดูค่ะ   หน้านี้เป็นหน้าลูกประพอดี   ต้นสูงมากต้องแหงนคอมองเชียวค่ะ   คล้ายๆต้นยางนา  เก็บลูกที่ตกโคนต้น   วันนี้หนูหิ้วกลับบ้านด้วย   คนที่บ้านมองแปลกๆ    แล้วก็ชิมคนละเม็ด    หลังจากนั้นก็เทียวไป เทียวมา จนหมดถุงค่ะ   เค้าบอกว่า มัน มันส์ดีค่ะ


วันนั้นหนูจะสะกิดให้ผุ้ใหญ่เค้าจิีกให้นะคะลุงโรส   ....แล้วจะส่งไปให้ทางไปรษณีย์ค่ะ   !!!

ชอบจริง ๆ ชีวิตแบบนี้น่าสนุกนะครับ..

 

เป็นชีวิตที่ไม่ใช่ว่าใครๆก็มีได้นะคะ


ต่อให้มีเงินก็เนรมิตรแบบนี้ไม่ได้ค่ะ  


แต่ด้วยบรรยากาศทางบ้านคุณศิษย์เอง   ลักษณะการกินอยู่ที่ขนำนาก็เป็นวิถีที่น่าอิจฉาอยู่ไม่ใช่น้อยนะคะ

 

5555 ดูย่ามน้องหมวยเล็กซิ  ขโมยของพี่เท่งมา เข้ากับหน้าตามั้ยค๊าๆๆๆๆๆ

พี่หยอยไม่หลบมุมกล้องให้หนูมั่งเลย   เต็มจอเลยพี่ !!!  อย่างนี้เค้าเรียกอวบระยะสุดท้าย  555


ตอนแรกที่พี่หยอยเห็นเราหยิบย่ามใบนี้มาสะพาน  พี่หยอยมองหน้าเราปลกๆ    แล้วก็หันไปมองหน้าพี่สาว   จนพี่สาวต้องแก้เกีี้ยวว่าเดี๋ยวนี้เราเป็นชาวป่าไปแล้ว 


ที่ไหนได้   พี่หยอยคงจะเห็นว่ามันขัดกับบุคลิคใช่ไหมคะ   ที่ซื้อใบนี้เพราะเคยอยากได้ตอนไปเที่ยวเขาค้อครั้งที่ผ่านมาค่ะ  ที่นั่นเค้่าขายใบละ  250  บาท   แต่ที่โอทอปพัทลุง  ราคา แค่ 145 บาท เองค่ะ  ซึ่งมันก็เหมือนกัน     แต่ทำไมราคาค่ต่างกันเยอะ  


ดีนะที่หนูไม่หยิบผ้าขะม้าที่โอทอปพัทลุงเอาแบบลายและสีเข้ากันมาโพกหัวด้วยสักผืน    ไม่งั้นก็คงได้กลมกลืนกับสหายบนเขาบรรทัด  จนซาไกแยกไม่ออกแน่:uhuhuh:

มีทริปเขาเจ็ดยอดเมื่อไหร่ขอไปด้วยเห็นรูปที่เพื่อนถ่ายมาบรรยากาศสู้ยอดดอยทางเหนือสบายแต่ต้องเดินไกลหน่อย

ลองทริปนี้ดูก่อนนะคะ    ถ้่าไม่โหดร้ายมากนัก   อาจจะขอใหพี่หยอยจัดเดินข้ามเขาค่ะ 


แต่ต้องมาให้ได้นะคะ   เพราะประทับใจจริงๆค่ะ

หน้า