กลุ่มขายยางพารา

หมวดหมู่ของบล็อก: 

สวัสดีค่ะสมาชิกบ้านสวนฯทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณสำหรับคำอวยพรวันเกิด เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคมที่ผ่านมา เอี้ยงมีเรื่องอยากจะรบกวนถามสมาชิกทุกท่านค่ะ คือในหมู่บ้านของเอี้ยงได้มีการตั้งกลุ่มขายยางพาราขึ้นมาเพื่อให้สมาชิกที่เข้าร่วมกลุ่มได้ประโยชน์มากที่สุดในการขายยางแต่ละรอบ(สัปห์ดาเว้นสัปห์ดา) เพราะว่าในหมู่บ้านของเอี้ยงพึ่งจะมีการปลูกยางเปิดกรีดรุ่นแรกเมื่อปีที่แล้ว แล้วเอี้ยงก็มีโอกาสเข้าไปฟังผลการดำเนินงานของปีที่แล้วที่เขาทำกันมา โดยได้รับการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ กสย. ในส่วนนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกที่จะเข้ามาขายยางในกลุ่ม เช่นการจัดหาสถานที่ในการขายยาง ติดต่อพ่อค้าที่จะมาซื้อยาง จัดจ้างคนยกยาง และดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการซื้อขายยาง ซึ่งคนที่เคยไปขายยางก้อนก็คงจะเข้าใจ  คณะกรรมการมีทั้งหมด ๑๑ คน แต่ละคนก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบงานต่างๆ โดยสมาชิกที่จะเข้าไปขายยางในกลุ่มจะต้องถูกหักค่าบริการ ๑% จากยอดขายทั้งหมด และกรรมการจะได้ค่าตอบแทนคนละ ๒๐๐ บ/รอบ และคนยกยางได้ ๑๒๐/ตัน และยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก เช่น ค่าเช่าสถานที่ ค่าตาชั่ง ค่าโทรศัพท์ ค่าเก้าอี้ ค่ากับข้าว ค่าปากกา ค่าอะไรต่อมิอะไรอีกมากมายเล็ก ๆน้อยๆ แล้วเงินที่เหลือในแต่ละปีคลาดกันว่าเอาไว้เป็นทุนในการบริหารงานต่อไป เนื่องจากตั้งกลุ่มมาได้ไม่นานอะไรอะไรยังไม่เข้าที่เข้าทางซักเท่าไหร่ถ้าเหลือมากก็จะแบ่งให้สมาชิกเมื่อหลังปิดหน้ายางของแต่ละปี ทุกคนคิดว่าเป็นไงบ้างค่ะ รายละเอียดคล่าวๆ แต่เอี้ยงไม่ได้ขายยางกับกลุ่มค่ะ เพราะเอี้ยงคิดว่ามันไม่ค่อยจะเข้าท่าสักเท่าไหร่ก็เลยอยากขอความคิดเห็นจากพี่น้องบ้านสวนฯน่ะค่ะ

ความเห็น

ค่าใช้จ่ายต้องมี แต่ว่า...........................

การรวมกลุ่มกันขาย ก็ดีอย่างครับมีอำนาจต่อรองกับโรงงานบ้างแต่ก็ไม่แน่เสมอไป ลองเปรียบเทียบดูว่าเราไปขายกับพ่อค้ากับการรวมกลุ่มกันอย่างไหนได้ราคาดีกว่า  อันที่จริงค่าใช้จ่ายจิปาถะที่ว่าควรได้รับการสนัสนุน จากอปท.บ้าง(อบตหรือเทศบาล) หรือดึงเงินจากโครงการ sml มาช่วยบ้างก็จะช่วยให้กลุ่มแข้มแข็งมากขึ้น


    กลุ่มจะไปรอดหรือไม่ความเห็นส่วนตัวผมว่า ผู้นำและคณะกรรมการเป็นตัวสำคัญที่สุด ว่าแท้จริงแล้วเขามีจิตอาสา หรือหวังอย่างอื่นในกิจกรรมที่ทำ


   ในหมู่บ้านผมเป็นหมู่บ้านที่ทำสวนยางมาตั้งแต่บรรพบุรุษ  สุดท้ายกลุ่มก็ล้มเลิกไป ปัจจุบันมีพ่อค้ามีรับซื้อมากว่า 10 ราย ข้อดีก็คือมีการแข่งขันด้านราคา และนำหนัก ผมยังสรุปไม่ได้ว่ารวมกลุ่ม กับไม่รวม อย่างไหนเกษตรกรได้ผลประโยชน์มากกว่า เพราะที่ขายไปๆๆ ก็มีแต่พ่อค้าเท่านั้นที่กำหนดราคา หาใช่เกษตรกรแบบเราๆ


 เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ข้อมูลอาจไม่ถูกต้อง

:bye: :bye: :confused: :confused: :crying2: :uhuhuh: :sweating: :sweating:

***ปล่อยเค้า...ไป....555+++ Laughing Laughing Yell

เนื่องจากมันมีหลายค่าเกินไป ครับการรวมกลุ่มต้องมีการเสียสละผลประโยชน์ส่วนตน เพื่อผลของประโยชน์ของส่วนรวม กระดิกตัวนิดเดียวก็เป็นเงินเป็นทองไปเสียหมด ทางที่ถูกต้อง ต้องตัดค่าใช้จ่ายลงให้มากที่สุด กลุ่มจึงจะอยู่รอด ทุกคนต้องเสียสละเวลา แรงการ กำลังทรัพย์แห่งตน เพื่อบรรลุผลของการตั้งกลุ่ม ฯ ความสามัคคีคือกาวที่จะประสานคนในกลุ่มเป็นเยื่อใย มัดโยงเข้าหากันไว้ ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้คือไฟที่จะล้างผลาญกิจกรรมกลุ่ม.....

***ที่บ้านผม (ต.คูหา อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา) มีการตั้งกลุ่มโรงรมควันยางพารา เจ้าหน้าที่ สกย. นำรูปแบบนี้มาให้ เพียง 3 ปี เจ๊งครับ ร่วมกันรับประทานเรียบ เหลือแต่ตัวเลข ตัวเงินหายจ้อย พังไม่เป็นท่า)....เสียเวลา เสียเงิน เสียรู้ เจ็บใจ จังหู้ ครับ...

 

*** จะบอกให้...ฟัง*****

สหกรณ์ หมู่บ้าน ที่บ้านผมเจ๊ง เพราะแบบนี้แหละ ครับ การทำงานแบบนี้ มันต้องมีจิตอาสา ยึดผลประโยชน์ส่วนรวมมาก่อน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เข้ามาทำแล้วคิดถึงแต่เรื่อง เงิน ที่จะเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างเดียว นับวันรอได้เลยครับ มีแต่ เจ๊งกับเจ๊ง

เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"