เชื้อไมโคไรซ่า กับยางพารา

หมวดหมู่ของบล็อก: 

อันที่จริงผมไม่มีต้นยางพาราสักต้น  แต่ได้เรียนรู้เรื่องใหม่จากการแวะเวียนไปเยี่ยมกรมวิชาการเกษตรหลายครั้ง  ครั้งนี้เกิดจากความต้องการหาซื้อเชื้อไรโซเบียมเพื่อมาผสมกับถั่วที่จะปลูก 

เพื่อนๆ ส่วนใหญ่คงทราบกันอยู่แล้วถึงประโยชน์ของเชื้อกลุ่มไรโซเบียมที่ทำให้พืชตระกูลที่มีปมที่ราก (ส่วนใหญ่จะเป็นถั่ว) โดยเซลล์ของไรโซเบียมให้เริ่มผลิตเอนไซม์ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสาร lipooligosaccharide โดยการควบคุมของ nod gene ทำให้รากพืชเริ่มโค้งงอ ไรโซเบียมเข้าสู่เนื้อเยื่อ ของรากในส่วนของ cortex โดยการสร้าง infection thread แทรกตัวเข้าไปในรากพืช แบ่งตัว เพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็วภายในผนังหุ้มเซลล์ ในขณะเดียวกันเซลล์พืชจะได้รับการกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวในเนื้อเยื่อชั้นในเพื่อรับ Rhizobium เกิดเป็นปม ภายในปม Rhizobium จะมีรูปร่างเปลี่ยนไปจากเดิม เรียกว่า bacteroid เริ่มผลิต enzyme nitrogenase ที่มีความสำคัญต่อการตรึง ไนโตรเจน

สรุปสั้นๆ (เดี๋ยวน้องศิษฐ์จะหาว่าวิชาการเกินไป) เชื้อไรโซเบียมจะช่วยเร่งการเกิดปมที่รากของพืชตระกูลถั่วทำให้ตรึงไนโตรเจนจากอากาศได้มากขึ้น  แต่การซื้อจะต้องระบุชนิดของถั่วที่จะปลูกเนื่องจากยังมีพันธุ์ของเชื้อตระกูลไรโซเบียมแตกต่างกันตามชนิดของถั่วที่จะปลูก ผมซื้อของถั่วเหลืองมาในราคา 60 บาท  แต่เนื่องจากคนส่วนใหญ่รู้จักเชื้อไรโซเบียมกันอยู่แล้วจึงขอข้ามไปพูดถึงเชื้อไมโคไรซ่าที่จำหน่ายในกองปฐพีวิทยาเหมือนกันแต่มีคนรู้จักน้ิอยกว่า และขยายพันธุ์ยากกว่า (ต้องสั่งจองล่วงหน้าเป็นเดือนๆ เลยครับ)

เชื้อไมโครไรซ่า เป็นเชื้อรากลุ่มหนึ่งที่อยู่ในดิน อาศัยอยู่ตามรากพืช โดยไม่ทำอันตรายกับพืช ทั้งนี้พืชและเชื้อราต่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน ได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน เซลล์ของรากพืชและเชื้อราสามารถถ่ายทอดอาหารซึ่งกันและกันได้ ช่วยให้รากเพิ่มเนื้อที่ในการดูดธาตุอาหารจากดินเมื่อมีไมโคไรซ่าเกิดขึ้นที่ราก ซึ่งเนื้อที่ที่เกิดขึ้นนี้ เกิดจากเส้นใยที่เจริญอยู่รอบ ๆ ราก ทำให้สามารถดูดน้ำและธาตุอาหารได้มากกว่ารากที่ไม่มีไมโคไรซ่า เส้นใยที่พันอยู่กับรากพืชจะไชชอนเข้าไปในดิน ช่วยดูดธาตุอาหารโดยเฉพาะธาตุฟอสฟอรัส และช่วยป้องกันมิให้ธาตุฟอสฟอรัสที่ละลายออกมาถูกตรึงโดยปฏิกิริยาทางเคมีของดินด้วย นอกจากนี้ยังช่วยให้ได้รับธาตุอาหารอื่น ๆ เช่น แคลเซียม เหล็ก และสังกะสี ไมโคไรซ่าที่มีความสำคัญทางเกษตรกรรม และมีการศึกษาค้นคว้าวิจัยเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในทางการเกษตรมี 2 พวกคือ

1. เอ็กโตไมโคไรซ่า จะพบในพืชพวกไม้ยืนต้น ไม้ปลูกป่า เช่น สน เป็นต้น

2. วี-เอไมโคไรซ่า ซึ่งอยู่ในพวกเอ็นโดไมโคไรซ่า และจะพบในยางพารา ผัก และไม้ประดับบางชนิด

สำหรับไมโคไรซ่าที่มีบทบาทต่อการเจริญเติบโต และช่วยเพิ่มผลผลิตพืชเศรษฐฏิจในประเทศไทยคือ วี-เอไมโคไรซ่า ซึ่งมีผู้นำมาใช้อย่างกว้างขวางกับพืชเศรษฐกิจหลายชนิด เช่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง ถั่วต่าง ๆ มะม่วง ลำไย ทุเรียน สับปะรด และมะเขือเทศ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายแทนการใช้ปุ๋ยเคมีซึ่งมีราคาแพง

ประโยชน์ที่พืชได้รับจากไมโคไรซ่า

ไมโคไรซ่ามีประโยชน์ต่อการมีชีวิตอยู่ และการเจริญเติบโตของต้นไม้หลายทางด้วยกัน ที่สำคัญที่สุดคือ ไมโคไรซ่าสามารถช่วยเพิ่มความเจริญเติบโตให้กับพืช และพอสรุปประโยชน์ของไมโคไรซ่าได้ดังนี้

1. เพิ่มพื้นที่ของผิวรากที่จะสัมผัสกับดิน ทำให้เพิ่มเนื้อที่ในการดูดธาตุอาหารของรากมากขึ้น

2. ช่วยให้พืชดูดและสะสมธาตุอาหารต่าง ๆ ไว้ และสะสมในราก เช่น ฟอสฟอรัส ไนโตรเจน โปตัสเซียม แคลเซียม แร่ธาตุอื่นอีก

3. ช่วยดูดธาตุอาหารจากหินแร่ที่สลายตัวยาก หรืออยู่ในรูปที่ถูกตรึงในดิน เช่น ฟอสฟอรัสให้แก่พืช ในดินที่มีธาตุฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ต่อพืชในปริมาณที่ต่ำ ไมโคไรซ่ามีบทบาทสำคัญในการดูดซึมฟอสฟอรัสให้แก่พืช เนื่องจากฟอสฟอรัสละลายน้ำได้ดีในช่วง pH เป็นกลาง ในดินที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่าง ฟอสฟอรัสมักถูกตรึงโดยทางเคมี รวมตัวกับเหล็ก อะลูมินั่ม แคลเซี่ยม หรือแมกนีเซี่ยม ทำให้ไม่ละลายน้ำ ซึ่งอยู่ในรูปที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อพืช นอกจากนี้ไมโคไรซ่ายังช่วยดูดพวกอินทรีย์วัตถุต่าง ๆ ที่สลายตัวไม่หมดให้พืชนำไปใช้ได้

4. เชื้อราไมโคไรซ่าในรากพืช ทำหน้าที่ป้องกันและยับยั้งการเข้าสู่รากของโรคพืช

5. ทำให้โครงสร้างดินดี เนื่องจากมีการปลดปล่อยสารบางชนิด เช่น Polysaccharide และสารเมือกจากเชื้อราไมโคไรซ่า รวมกับเส้นใยของไมโคไรซ่า ทำให้เกิดการจับตัวของอนุภาคดิน ช่วยให้โครงสร้างของดินดี ป้องกันการสูญเสียธาตุอาหารจากดิน เนื่องจากการชะล้างของน้ำและการพังทะลายของดิน และยังช่วยในการหมุนเวียนของธาตุอาหาร ทำให้ลดการสูญเสียของธาตุอาหารในระบบนิเวศน์ได้

6. ทำให้พืชทนแล้ง เนื่องจากการเพิ่มพื้นที่ผิวรากในการดูดน้ำ ทำให้พืชทนแล้ง และพืชสามารถฟื้นตัวภายหลังการขาดน้ำได้เร็วขึ้น จากประโยชน์เหล่านี้ พืชที่มีไมโคไรซ่าจึงเจริญเติบโตได้ดีกว่าพืชที่ไม่มีไมโคไรซ่า

เพื่อนที่สนใจสามารถขอจอง (ต้องรอกันเป็นเดือนเลยนะครับ เพราะเจ้าของสวนยางทางภาคอีสานสั่งกันมาก  เขาว่ากันว่าทำให้ทนแล้ง และใช้ปุ๋ยน้อยลง) ที่กองปฐพีวิทยา กรมวิชาการเกษตร ตึกไรโซเบียม ม.เกษตรฯ บางเขน โทร 02-5797522-3,02-5790065  เขามีบริการส่งทางไปรษณีย์ด้วย โอนเขาค่าเชื้อฯ + ค่าส่ง แล้วค่อยให้เขาส่งให้ก็ได้นะครับ  ขอให้โชคดีไม่หลงทางเหมือนผมนะครับ

ปล. น้องศิษฐ์ ห้ามแซวว่าวิชาการเกินไปน่ะ  ก็แค่ช้อป จ่าย ใช้ ไม่ต้องรู้เรื่องอะไรมาก  ขอแค่ให้มันเป็นวิธีอินทรีย์ และเกิดประโยชน์กับพืชก็พอ Laughing

พี่โจถามเรื่องวิธีใช้ :

วิธีการใช้เชื้อไรโซเบียมที่ถูกต้อง ก็คือ ต้องทำให้เชื้อที่ใส่ลงไปเข้าสู่รากถั่วเหลืองเพื่อสร้างปมให้ได้มากที่สุด ดังนั้น การทำให้เชื้อไรโซเบียมอยู่ใกล้รากถั่วมากที่สุด โดยการนำมาคลุกกับเมล็ดก่อนปลูกจึงเป็นวิธีการที่ได้ผลดี การใส่เชื้อลงดินในรูปของแข็งหรือเป็นผง หรือการใส่ในรูปของเหลวก็สามารถกระทำได้เช่นกัน แต่อาจเป็นการสิ้นเปลืองมากและไม่สะดวกต่อการปฏิบัติ การคลุกเมล็ดด้วยเชื้อไรโซเบียม มีขั้นตอนดังนี้ :

1. นำเมล็ดที่จะนำมาปลูกใส่ลงในภาชนะ

2. ใส่สารที่ช่วยให้เชื้อติดเมล็ดดีหรือสารเหนียว เช่น น้ำเชื่อม หรือแป้งเปียกเจือจาง โดยใช้สารเชื่อมประมาณ 300 ลูกบาศก์เซนติเมตร (1 กระป๋องนมข้น) เทลงไปในเมล็ดถั่วเหลืองประมาณ 15 กิโลกรัม แล้วกวนเมล็ดเบา ๆ ให้เปียกทั่วกัน

3. ใส่เชื้อไรโซเบียม 1 ถุง หรือประมาณ 200 กรัม ลงในถังภาชนะทีมีเมล็ดถั่ว 15 กิโลกรัม ซึ่งเคลือบด้วยสารเหนียวแล้ว คนเบา ๆ จนกระทั่งทุกเมล็ดถั่วเหลืองมีผงเชื้อติดอย่างสม่ำเสมอไม่ควรบดขยี้เมล็ดเพราะจะทำให้เมล็ดแตก ทำให้ลดเปอร์เซ็นต์ความงอก

4. เมล็ดที่คลุกเชื้อแล้ว ควรนำไปปลูกทันทีอาจแบ่งปริมาณที่คลุกเชื้อแล้วบางส่วนไว้ในร่มหรือหาวัสดุที่รักษาความชื้นได้ปกปิด แล้วทยอยปลูกให้หมดสิ้นภายใน 1 วัน

หมายเหตุ สัดส่วนอาจจะแตกต่างกันบ้างตามชนิดถั่ว กรุณาอ่านวิธีการใช้ข้างถุงครับ

วิธีการใช้เชื้อไมโคไรซ่าสามารถทำได้ง่าย ๆ เช่น ใช้กับไม้ยางพารา ไม้ผล จะขุดรอบรอบทรงพุ่มลึกประมาณ 20-25 ซ.ม. เมื่อพบรากฝอยจึงโรยเชื้อไมโคไรซ่ารอบ ๆ โคนต้นแล้วกลบดินจะช่วยให้ไม้ผลเติบโตได้ดี ถ้าสามารถใส่ได้ตั้งแต่เป็นต้นกล้าก็จะจัดการได้ง่ายกว่าโดยการใส่เข้าไปในถุงเพาะเลย

ความเห็น

เรื่องพวกนี้เขาเน้นเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพจากผลิต เช่น เพิ่มอัตราการตรึงไนโตรเจนจากอากาศทำให้ปลูกพืชตระกูลถั่วหมุนเวียนแล้วได้ปุ๋ยในดินมากขึ้นกว่าปกติ  การเพิ่มความสามารถในการแปลงสภาพปุ๋ยไปอยู่ในรูปแบบที่พืชใช้งานได้มากขึ้น (ทำให้ใช้ปุ๋ยน้อยลอง) หรือแม้นการเพิ่มความชื้นที่รากทำให้พื้นทนแล้งได้มากขึ้น อย่างไรก็โทรสั่งเขาเอาก็ได้ครับน้องศิษฐ์ ไม่ต้องเดินทางมาเอง  ถ้าไม่ได้โทรบอกพี่ก็ได้เพราะที่ทำงานไม่ไกลจาก ม.เกษตรฯ มากนัก (อันนี้ก็ไม่ต้องเดินทางมาเองเช่นกัน 555)  ตอนนี้รู้จักหลายตึกล่ะ ไม่หลงแล้ว อิ อิ :bye:

“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.”
― Bill Mollison

เชื้อไมโคไรซ่า เป็นพวกทื่อยู่ในตระกูลเดียวกับ ที่อยู่ในเห็ด จำพวกเห็ดเผาะ ตะไค เห็ดน้ำหมากแดง เห็ดระโงก พวกนี้หรือเป่ลาครับ ถ้าเอาเชื้อมาใส่ยางพารา จะทำให้มีเห็ดเกิดในสวนยางได้มั้ยครับ

อืม..ถามจริงๆ ใช่มั๊ย  วิชาการนิดๆ นะครับ

  • "เห็ด" เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำประเภทรา จัดอยู่ในอาณาจักรย่อยแทลโลไบออนตา (Thallobionta) หมวดเห็ดรา (Fungi) มีเส้นใยรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เกิดเป็นดอกเห็ดอยู่เหนือพื้นดินหรือสิ่งที่อาศัยอยู่ มีเนื้อในเห็ด (context) และมีครีบ (gill) และ คำว่า "เห็ด" ยังไม่ได้หมายถึงดอกเห็ดที่มีหมวก มีเนื้อและมีครีบเท่านั้น แต่ยังหมายถึงราอีกหลายชนิดที่ออกเป็นดอกเห็ด ซึ่งอาจมีเนื้อนุ่ม แข็ง หรือ เหนียว มีหมวกหรือไม่มีหมวกก็ได้
  • ไม่ใช่ราทุกประเภทเป็นเห็ด
  • ราที่อาศัยสิ่งมีชีวิตอื่นในลักษณะพึ่งพาอาศัยกันกับพืชและสัตว์และไม่เกิดความเสียหาย(symbiotic fungi) โดยอาศัยบริเวณรากพืชและจะได้รับอาหารจากพืชและราแลกกับการผลิตสารปฏิชีวนะให้แก่พืช เรียกราพวกนี้ว่า ไมโคไรซ่า(mycorrhiza) เช่น เห็ดไคล เห็ดแดง เห็ดขมิ้น เห็ดตับเต่า(ต้นทองหลาง) เห็ดโคน(เห็ดปลวก) เห็ดระโงก เห็ดเผาะ รวมถึงเชื้อราประเภทอื่นที่ไม่ใช่เห็ด
  • ความสัมพันธ์แบบไมโคไรซ่าของเชื้อรากับรากพืชจะมีความสัมพันธ์ทั้งด้านโครงสร้างและการทำงาน แบ่งได้เป็น 2 ชนิดคือ
    • เอกโตไมคอไรซา เชื้อราจะรวมตัวเป็น pseudoparenchymatous sheath อยู่ด้านนอกหนือในส่วนอีพิเดอร์มิส แต่ไม่แทรกตัวเข้าในชั้นคอร์เท็กซ์ การรวมตัวกับเชื้อราทำให้โครงสร้างของรากพืชเปลี่ยนไปโดยสั้นลงหรือเกิด dichotomously branching cluster และมีเนื้อเยื่อเจริญน้อยลง เชื้อราจะได้ประโยชน์ในด้านได้สารอาหารจากพืช หลีกเลี่ยงการแย่งสารอาหารจากจุลินทรีย์อื่นๆในดิน ส่วนพืชจะมีจะมีอัตราการดูดซึมสารอาหารจากดินเพิ่มขึ้นเพราะเชื้อราช่วยเพิ่มพื้นที่ในการดูดซึม เพิ่มความทนทานต่อเชื้อก่อโรคและสภาพแวดล้อม เอนไซม์จากเชื้อราช่วยย่อยสารอาหารให้ดูดซึมง่ายขึ้น
    • เอนโดไมคอไรซาเชื้อราจะแทรกตัวเข้าไปในชั้นคอร์เท็กซ์และส่วนที่มีชีวิตของรากพืช กลายเป็นกลุ่มของไมซีเลียม ข้อดีของเอนโดไมคอไรซาต่อพืชคือ ป้องกันการเกิดโรคในบริเวณคอร์เท็กซ์ เพิ่มการดูดซับไนโตรเจนให้แก่พืช และเพิ่มกิจกรรมของเอนไซม์ฟอสฟาเตส ในกล้วยไม้พบความสัมพันธ์แบบนี้กับเชื้อรา เช่น Rhizoctoniaโดยเชื้อราจะม้วนตัวเป็นขดเข้าไปในชั้นคอร์เท็กซ์ และถูกดูดกลืนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพืชจนแยกออกมาเป็นอิสระไม่ได้ เชื้อรายังช่วยให้เมล็ดกล้วยไม้งอกได้ดีขึ้น
  • ปกติรา หรือเห็ดแต่ละชนิดจะมีความสัมพันธ์กับพันธุ์ไม้ในลักษณะเฉพาะ  เช่น เห็ดเผาะจะมีความสัมพันธ์แบบไมโคไรซ่ากับ เต็งรัง ยางนา เหียง กุง พลวง เคี่ยม ตะเคียน พะยอม จันทน์กระพ้อ พันจำ และไม้อื่นๆในตระกูลยางนา (แต่ผมไม่เคยได้ยินว่าใช้ได้กับยางพารา  เข้าใจว่าเป็นคนละตระกูลกัน)
  • ดังนั้นการสั่งซื้อเชื้อไมโคไรซ่าจะเช่นเดียวกับการสั่งเชื้อไรโซเบียมคือ ต้องระบุชนิดของต้นไม้ แล้วนักวิจัยจะแจ้งให้ทราบเองว่ามีเชื้อราที่มีความสัมพันธ์ดังกล่าวกับชนิดของต้นไม้ที่คุณต้องการหรือเปล่า  ตอนนี้ที่กำลังฮิตคือเชื้อไมโคไรซ่าที่พบในรากของยางพารา

สรุปแล้วไมโคไรซ่า หรือ ไรโซเบียม จริงๆ แล้วเป็นชื่อความสัมพันธ์  แต่มีเชื้อรา และ/หรือเห็ดรา อีกหลากหลายชนิดที่ความสัมพันธ์ลักษณะนี้กับพืช

หวังว่าคงตอบคำถามนะครับ  :confused: เอ... หรือทำให้งงมากชึ้น :confused: :confused: :confused:

“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.”
― Bill Mollison

ขอบคุณมากๆครับสำหรับคำตอบ ผมเข้าใจแล้วครับ เป็นข้อูลที่ละเอียดมากที่สงสัยอยู่นานหายสงสัยเลยครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูล :cute: :cute: :cute:

ผมเคยทำวิจัยเชื้อรา ไมคอร์ไรซา ในยางพารา ครับพบเยอะเหมือนกัน

หน้า