มิงกะลาบา ตอนที่หนึ่ง
มิงกะลาบา สวัสดีค่ะ
หลังจากที่หนีเที่ยวไปลาวใต้ เกิดอาการใจแตก (แต่ไม่สลาย) อยากหนีเที่ยวอีก คราวนี้ คือประเทศเมียนมาร์ จะขอต่อยอดจาก K. Priraya ที่ได้นำชมไปบ้างแล้ว ในครั้งนั้น จุดหมายคือ ย่างกุ้ง หงสาวดี พุกาม และมัณฑะเลย์ ขอนำชมเลยค่ะ
สัญญลักขณ์เมืองหงสาวดี
มหาเจดีย์ชเวมอดอร์ (พระธาตุมุเตา) เจดีย์สูงที่สุดในพม่า มีอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี ภายในบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า และยังเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุดของชาวพม่า มหาเจดีย์แห่งนี้ เคยพังทลายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มาแล้วถึง 4 ครั้ง ทำให้ปลียอดของเจดีย์องค์หักพังลงมา แต่ด้วยความศรัทธาที่ชาวเมืองมี จึงได้สร้างเจดีย์ขึ้นมาใหม่ ความสูงถึง 374 ฟุต (ตอนแรกที่สร้างสูง 70 ฟุต) ส่วนปลียอดที่พังลงมาก็ได้ตั้งไหว้ที่มุมหนึ่งขององค์เจดีย์เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชาควบคู่กันไป
พระราชวังบุเรงนอง พระเจ้าบุเรงนอง (หรือที่คนไทยรู้จักในดีจากวรรณกรรมเรื่อง“ผู้ชนะสิบทิศ”) เป็นผู้สร้างเมืองหงสาวดี และทำให้เจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก พระราชวังนี้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นศูนย์กลางทางการปกครองและใช้ออกว่าราชการ ได้ถูกทำลายด้วยฝีมือของพวกยะไข่กับตองอู ทิ้งให้รกร้างลงนานร่วม 3 ศตวรรษ แต่เดิมเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์และถูกจับเป็นตัวประกันอีกด้วย |
ท้องพระโรงที่ใช้ออกว่าราชการ
ในปี พ.ศ. 2533 มีการค้นพบเสาและกำแพงเดิมที่ถูกฝังอยู่ในดิน รัฐบาลพม่าจึงได้สร้างพระราชวังบุเรงนองขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยถอดแบบจากของเดิม ซึ่งบางส่วนได้สร้าเสร็จไปแล้ว ส่วนอีกบางส่วนก็กำลังรอทุนในการก่อสร้างอยู่ |
บรรยกาศตลาดท้องถิ่น
เด็กนักเรียนกำลังไปโรงเรียน
ร้องไห้หาแม่
ผู้คนเดินไปมาพลุกพล่าน เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ยังนุ่งผ้าถุง และทาแป้งทานาคาเพื่อช่วยรักษาและปกป้องผิว
มหาเจดีย์ชเวซิกอง เมืองพุกาม เป็นที่บรรจุพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า สร้างโดยพระเจ้าอโรรธามหาราชพระองค์แรก ผู้รวบรวมชนชาติพม่าเป็นปึกแผ่นได้เป็นครั้งแรกในอาณาจักรพุกามเมื่อ 900 ปีเศษมาแล้ว ภายหลังทรงยกทัพไปตีมอญได้แล้ว ก็กวาดต้อนชาวมอญ ตลอดจนช่างฝีมือ นักปราชญ์ และ ราชบัณฑิตมาที่เมืองพุกาม ทำให้พม่าได้รับอิทธิพงศิลปวัฒนธรรมจากมอญมาโดยไม่รู้ตัว เช่น รูปร่างของเจดีย์ มีรูปทรงระฆังคว่ำแบบมอญ “ชเวซิกอง” มีความหมายว่า “เจดีย์ที่ตั้งอยู่บนพื้นทราย
พุกาม เมืองแห่งทะเลเจดีย์ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำอิรวดี พระมหากษัตริย์ในสมัยนั้น มีความศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก จึงนิยมสร้างเจดีย์เป็นพุทธบูชา กล่าวกันว่า จำนวนเจดีย์ที่แท้จริงนั้นมีเป็นจำนวนมากกว่า 10,000 องค์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างยิ่งใหญ่มากเมื่อเทียบกับจำนวนเจดีย์ในปัจจุบัน ที่แม้จะต้องเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา แต่เจดีย์ที่ยังคงอยู่ส่วนใหญ่ยังมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ เนื่องจากพุกามเป็นเขตแห้งแล้ง ทำให้เจดีย์ไม่ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติใดๆ อีกทั้งชาวพม่าก็ถือคติไม่ทำลายเจดีย์อย่างเคร่งครัด อาณาจักรนี้ล่มสลายเพราะการบุกรุกเข้าทำลายของกองทัพมองโกลที่นำโดยกุ๊บไลข่านในปี พ.ศ. 1830
บรรยากาศตอนพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
จุดที่ปืนขึ้ันไปถ่ายภาพ ห้ามใส่รองเท้าขึ้นไปด้วย ที่พม่า ต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามใส่รองเท้าและถุงเท้าเข้าวัดเด็ดขาด น่าชมเชยเป็นอย่างยิ่ง
ปิดท้ายด้วยบรรยากาศของแม่น้ำอิระวดี อยู่ด้านหน้าของรีสอร์ตที่ไปพักค่ะ
แล้วพบกันในตอนต่อไป มิงกะลาบา
- บล็อกของ Moonlight
- อ่าน 5044 ครั้ง
ความเห็น
priraya
28 กันยายน, 2011 - 18:15
Permalink
Re: มิงกะลาบา ตอนที่หนึ่ง
ภาพสวย วิวดี สถานที่ท่องเที่ยวสวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ ขอบคุณค่ะที่นำมาให้ชมกัน..:cheer3:
ตามเที่ยวสนุกเลยค่ะ..
Moonlight
29 กันยายน, 2011 - 12:36
Permalink
Re: มิงกะลาบา ตอนที่หนึ่ง
ขอบคุณเช่นเดียวกันค่ะ จะลองหมักไวน์แบบคุณพีระยาบ้าง
นายลำใย ศรีษะแก้ว
28 กันยายน, 2011 - 18:19
Permalink
Re: มิงกะลาบา ตอนที่หนึ่ง
อยากไปเที่ยวจังชอบแนวๆนี้ครับ..ขั้นตอนในการเดินทางไปลำบากไหมครับ..
Moonlight
29 กันยายน, 2011 - 12:34
Permalink
Re: มิงกะลาบา ตอนที่หนึ่ง
ไม่ลำบากเลยค่ะ ไปแบบชิวๆ ลองเช็คดูในอินเตอร์เน็ทนะคะ ข้อมูลมีเพียบ ไปเดี่ยวหรือไปกับทัวร์
กุ้งบางบัวทอง
28 กันยายน, 2011 - 18:20
Permalink
Re: มิงกะลาบา ตอนที่หนึ่ง
สวยงามมากเลยค่ะ ... คนพม่าทาแป้งทานาคาแบบนี้นี้เอง ถึงมีผิวสวยไร้กระ ฝ้า....แต่ถ้ากุ้งเอามาทาที่บ้านบ้างกลัวสายตรวจผ่านหน้าบ้านจะเข้ามาขอดูบัตรประชาชนน่ะสิ...
มีความสุขกับการที่ได้ให้มากกว่าการที่ได้รับ
เจ้โส
28 กันยายน, 2011 - 19:20
Permalink
น้องกุ้ง ๆๆ
กุ้ง ๆ เอามาทาเถอะ จะได้สวยแบบผิวพม่านัยตาแขกงัย :uhuhuh:
garden_art1139@hotmail.com
Moonlight
29 กันยายน, 2011 - 12:32
Permalink
Re: มิงกะลาบา ตอนที่หนึ่ง
ส่วนใหญ่ที่เขาใช้กัน จะเป็นแท่งเปลือกไม้ทานาคา เวลาจะใช้ต้องนำมาฝนให้เป็นผง แล้วจึงทาค่ะ แต่ก็มีการพัฒนารูปแบบเป็นแบบกระปุกสำเร็จรูปพร้อมใช้้ขายด้วยค่ะ สังเกตดู ชาวพม่า แม้ผิวจะดำ แต่เนื้อผิวเขาจะละเอียดเนียนค่ะ น้องกุ้งสนใจไหม ถ้าสน ขอที่อยู่หลังไมค์ค่ะ
RUT2518
28 กันยายน, 2011 - 18:21
Permalink
Re: มิงกะลาบา ตอนที่หนึ่ง
สวยครับ แบบนี้ชอบครับ
jo korakod
28 กันยายน, 2011 - 18:52
Permalink
Re: มิงกะลาบา ตอนที่หนึ่ง
สวยงามมากค่ะ วันดี คืนสวย จะไปเยือนมั่ง
ขอบคุณที่แนะนำค่ะ
:admire2:
facebook https://www.facebook.com/ninkmax
Moonlight
29 กันยายน, 2011 - 12:41
Permalink
Re: มิงกะลาบา ตอนที่หนึ่ง
เช่นกันค่ะ ขออธิษฐานให้ได้นะคะ คุณโจคนสวย
หน้า