สองผู้ยิ่งใหญ่ในชีวิตผม

หมวดหมู่ของบล็อก: 

สองผู้ยิ่งใหญ่ในชีวิตผม

 

       ผมเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน จำความได้ ก็ตอนที่อาศัยอยู่ในขนำหลังเล็กๆ ที่ทำจากไม้ไผ่ หลังคามุงจาก ที่มีรอยรั่วเต็มไปหมด ผมเป็นพี่ชายคนโต มีน้องๆอีกแปดคน พ่อมีอาชีพตัดยางจ้าง(กรีดยางแบ่งกับเจ้าของสวน) ไม่มีที่ทำกินของตัวเอง  พ่อพาแม่มาตั้งรกรากที่ หมู่ 14 ต.ช้างกลาง อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีชื่อเรียกหมู่บ้านว่า บ้านนา  แต่บ้านนาที่บ้านผม ไม่มีนาหรอกครับ เป็นบ้านป่าเชิงเขาสูง  พ่อมาขอปลูกขนำในที่ของคนอื่น แล้วก็เริ่มจับจอง ถางป่า ปลูกข้าวไร่ บนพื้นที่ลาดชัดของภูเขาซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครเป็นเจ้าของ 

       แต่การทำไร่ ปลูกยาง  ในช่วงเริ่มต้น มันก็ต้องทำอาชีพอื่นไปด้วยเพื่อเลี้ยงครอบครัว จำได้ว่าพ่อต้องลุกขึ้นไปกรีดยางในสวนของเถ้าแก่ ตั้งแต่ ตี 2  หรือตี3 กว่าจะเสร็จก็เกือบๆเที่ยง กินข้าวเสร็จก็ต้องขึ้นเขาไปถางป่าเพื่อทำไร่ปลูกข้าวและเป็นการจับจองที่ดินไว้ด้วยในตัว  ที่ดินราบๆ ไม่มีเหลือแล้วตอนพ่อมาอยู่ที่นี่  ป่าที่พ่อไปบุกเบิกจึงขึ้นเขาไปไกลมากๆ ในความรู้สึกผมตอนนั้น  ผมจำได้ตอนนั้นผมมีน้องแค่ สองคน เป็นน้องชายทั้งคู่  แม่จะไปทำไร่กับพ่อในบางวัน ผมก็ต้องดูแลน้องอยู่ที่ขนำ กว่าพ่อแม่จะกลับก็เกือบๆค่ำ  ตอนค่ำหลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จ พ่อก็จะออกจากขนำ ไปพร้อมกับปืนแก๊ป หรือในบางวันก็เป็น ฉมวกแทงกบ (บ้านผมเรียกบวก) พวกเราตื่นขึ้นมาตอนเช้า ก็จะมีอาหารกินกัน เช่น มูสัง กระจง เม่น หรือไม่ก็ กบห้วยตัวโตๆ บางวันที่พ่อไม่ได้ไปทำไร่และเป็นวันที่ไม่ได้กรีดยาง ไม่ว่าเพราะฝนตกหรือเพราะอะไร พ่อก็จะแบกปืนไปยิงค่าง เอามาขายเพื่อเอาเงินมาชื้อของใช้ต่างๆให้ลูก

        พ่อผมจัดเป็นพรานคนหนึ่งในหมู่บ้าน แต่พ่อทำไปก็เพราะความยากจนเป็นตัวบังคับ กรีดยางจ้างสมัยก่อน เป็นยางพาราน้ำยางได้น้อยไม่เหมือนยางพันธุ์ดีสมัยนี้  พ่อก็มีลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จาก สามเป็นสี่ จากสี่เป็นห้า เป็นหก เป็นเจ็ด เป็นแปดเป็นเก้า และเป็นสิบ แต่ที่ผมบอกก่อนหน้านี้ว่ามีน้องอีกแปดคนเพราะน้องชายคนที่รองจากผมป่วยเสียชีวิตไปตอนเรียน ป.1 ซึ่งถ้าเรามีเงิน มีหนทาง รู้จักกรุงเทพฯเหมือนเดี่ยวนี้ ผมก็คงจะมีน้องอยู่ครบทั้ง9คน    หน้าที่หาเงินมาเลี้ยงลูกจึงเป็นภาระที่หนักหนาสาหัสมากสำหรับพ่อ ซึ่งแม่ก็ไม่สามารถช่วยงานได้มากมายนักเพราะแม่ผมจะมีลูกอ่อนต้องเลี้ยงดูตลอดเวลา   ผมจำได้เรายากจนที่สุดในหมู่บ้าน บางครั้งมีคนหาบขนมมาขาย แม่จะให้พวกเราอยู่บนขนำแล้วปิดประตูแม่ค้าจะได้หาบผ่านไปไม่แวะมา คิถึงเราตอนนี้สิ ถ้าลูกอยากกินขนมแล้วเราไม่มีปัญญาชื้อให้ลูกกินเราจะรู้สึกอย่างไร แม่ก็คงจะรู้สึกเช่นนั้นแหละผมว่า

         ตอนเด็กๆ กับข้าวหลักๆของพวกเรา ถ้าพ่อไม่ได้ไปล่าสัตว์หรือไปแล้วไม่ได้อะไรกลับมา ก็คือ ผักกูด ซึ่งงอกงามมากมายในห้วยใกล้ๆขนำ มะละกอข้างครัว ผัดผักกูด ผัดมะละกอ ผัดยอดน้ำเต้า ต้มหยวกกล้วยเถื่อน ลวกยอดผักแหมะ(คล้ายๆมะระขี้นกแต่คนล่ะชนิดกัน) น้ำชุบเคย  ท่านอาจไม่รู้จักน้ำชุบเคย ซึ่งก็คือ กะปิกะมะนาว แม่จะไม่ใส่พริกในถ้วยที่ทำให้ลูกเล็กๆกิน  เคยจี คืออาหารหลักตอนไม่มีอะไรจริงๆ เคยจีก็คือกะปิย่างไฟนั่นเอง

        พวกผมจึงกินผักกันมาตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อย ซึ่งสาเหตุมาจากไม่มีอะไรกิน  บางวันเราก็ไปซ้อนกุ้งในห้วยข้างขนำมาแกง แกงกะทิกับมะละกอสับแบบทำส้มตำคือเมนูเด็ดของบ้านเรา  ตอนผมเรียนประมาณ ป.3 ป.4 กลับจากโรงเรียนผมก็จะแกงกระทิมะละกอไว้ให้พ่อแม่กินแกงมะละกอเฉยๆโดยไม่ได้ใส่เนื้อสัตว์อะไรเลย  พ่อแม่กลับมาจากเก็บข้าวในไร่บนเขามาถึงก็ค่ำมืดแล้ว โดยน้องคนเล็กๆที่ยังไม่เข้าโรงเรียนพ่อแม่จะอุ้มพาไปด้วย ผมจำได้ถึงความภูมิใจในตอนนั้นที่เห็นพ่อแม่กินอย่างอร่อย 

         ซึ่งเมื่อถึงช่วงหน้าเก็บเกี่ยว ผมก็จะทำหน้าที่แม่บ้านเต็มที่ ไม่ว่าจะหาฟืน หุ่งข้าว ทำกับข้าว ไว้รอพ่อแม่  ทำผัดผักต่างๆให้น้องกิน (มันเลยติดตัวมาชอบทำอาหาร จนภรรยาที่บ้านอ้วนไปแล้ว) แต่การที่พ่อทำงานหนักถึงหนักมาก กับการทำไร่ปลูกข้าวแบบไร่เลื่อนลอย ก็ไม่ได้ทำให้ครอบครัวเรามีฐานะดีขึ้นเลย ข้าวไร่ในแต่ล่ะปีก็ไม่กินพอทั้งปีหรอก  ยางจ้างที่พ่อกรีดก็จะมาเป็นค่าข้าวสาร กระปิ เกลือ ปลาแห้งถูกๆ ในแต่ล่ะอาทิตย์ที่มีตลาดนัด  บ้านผมไม่เคยได้กินน้ำปลาหรอกน่ะ มันแพงไปสำหรับครอบครัวเราในตอนนั้น 

          เราอยู่กันมาแบบยากจน อดอยาก ไม่ค่อยมีเสื้อผ้า จำได้ว่า แม่มีผ้าถุงแค่2 ผืนเท่านั้น จนมีคนบ่นว่าแม่เหม็นสาปเด็กอ่อนตอนแม่นั้งรถไปตลาดนัดวันอาทิตย์  พวกผมและน้องๆ เราจะได้เสื้อกางเกงแจกมาจากโรงเรียน เป็นเสื้อกางเกงนักเรียนสีกากีแบบเสื้อลูกเสือตัวโตๆ  แต่ถึงเราจะลำบากยากจนกันขนาดไหน เราก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ พ่อไม่ดื่มเหล้า ไม่เล่นการพนัน ว่างๆพ่อก็จะสอนให้พี่น้องรักกัน ให้น้องต้องเกรงพี่ พี่ต้องยุติธรรมกับน้องๆ  ส่วนแม่ก็จะมีนิทานต่างๆมากมายมาเล่าให้ลูกๆฟัง  แม่จะสอนหนังสือพวกเราแบบใส่ใจมากๆ  แม่เป็นคนชอบอ่านหนังสือ ขนาดแม่ทำกับข้าว กระดาษห่อปลาเค็ม ห่อเคย แม่ก็จะนั้งอ่าน แม่เรียน จบ ป.4 แล้วไม่ได้เรียนต่อทั้งที่แม่อยากเรียนมาก แม่เล่าว่าพ่อของแม่บอกว่า เรามันจนเรียนไปก็เท่านั้นแหละ หางานหาการทำไม่ได้หรอกมันต้องมีเส้นมีสาย

 

 พวกเราคงติดนิสัยอยากเรียนหนังสือมาจากแม่ ผมจบ ป.6 ก็พยายามจะเรียนต่อ ซึ่งพ่อก็ตามใจลูกทั้งที่รู้ว่าภาระต่างๆจะหนักขึ้นเป็นทวีคูณ  แต่พ่อก็ส่งผมเรียน ท่ามกลางเสียงดูถูกเหยียดหยามของเพื่อนบ้าน  จนแล้วไม่เจียมบ้าง  เรียนไปได้สักกี่น้ำกัน  สารพัดที่ผู้หวังดีต่างๆจะพูดให้พ่อแม่ได้ยิน ช่วงที่ผมไปเรียน ม.1 สวนยางจากน้ำพักน้ำแรงพ่อก็ได้กรีดแต่เป็นยางพารา 400 ต้น ซึ่งก็พอแค่พอกินไปวันๆแค่นั้น พ่อจึงต้องหาของป่าตามฤดูกาลเพื่อมาขายเลี้ยงลูกและส่งผมเรียน  ไหนจะค่ารถ ค่าหนังสือ ค่าเสื้อผ้า ไหนจะน้องคนรองๆมาที่กำลังเรียนอยู่ที่ใกล้ๆบ้าน  ผมไปเรียนจนจบ ม.3 จากโรงเรียน ช้างกลางประชานุกูล ที่อยู่ห่างจากบ้านมา10 กิโลเมตร โดยเรียนแบบเด็กยากจน ที่ห่อข้าวไปกินโดยมีไข่ครึ่งใบเป็นกับข้าวในแต่ล่ะวัน  ไข่เป็นอาหารที่ดีสำหรับบ้านผมตอนนั้น หนึ่งฟองที่ทอดมาจะแบ่งเป็นสองส่วนให้ลูกไปกินกับข้าวที่โรงเรียนคนล่ะครึ่ง  ผมได้เงินไปโรงเรียน 5 บาท ค่ารถไปกลับ 2 บาท เหลือ 3 บาท ได้กินขนม  ราคาตอนนั้น ข้าวจานล่ะ 3 บาท ขนมหวาน 2 บาท

             เงิน 1 บาท มีค่ากับผมน่ะ มันสามารถจ่ายค่ารถพาผมมาถึงบ้านในระยะทาง 10 กิโลเมตรได้ ไม้โปรฯก็แค่อันล่ะ1บาทเอง  มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไม่มีไม้โปรฯในวิชาคณิตศาสตร์ ผมก็ไปยืมจากเพื่อนชื่อสมชาย จากห้อง ม.2/2 ผมอยู่ 2/1  ซึ่งเรียนอยู่ห้องใกล้ๆกัน ผมเรียนคาบแรกคณิตศาสน์ สมชายเรียนคาบที่สองซึ่งครูที่สอนเป็นครูคนเดียวกัน พอครูปล่อยหมดคาบผมก็รีบวิ่งเอาไม้โปรฯไปคืนเพื่อนห้องถัดไป ห้องเรียนผมมีแค่หลังคาไม่มีฝาผนังเป็นอาคารเรียนชั่วคราว  ครูผู้สอนก็เดินมาห้อง2/2เพื่อมาสอนก็เห็น   จึงเรียกผมกับสมชายไปหน้าชั้นเรียน ผมโดนทำโทษที่ครูสั่งให้ชื้อไม้โปรฯแล้วไม่ชื้อ โดยให้วิ่งรอบสนามฟุตบอล 5 รอบ สมชายเพื่อนผู้ให้ผมยืมก็โดนทำโทษให้วิ่งรอบสนามด้วย 1 รอบ  มันฝังใจผมมาจนเดี่ยวนี้  คาบที่สองคนอื่นเค๊าเรียนโดยมีครูวิชาอื่นมาสอนแล้ว แต่ผมต้องวิ่งรอบสนามฟุตบอลอยู่สาเหตุเพราะไม่มีเงินชื้อไม้โปรฯ ผมผิดอะไรหนักหนาก็ไม่รู้  ผิดที่ไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์การเรียนหรือ ผมก็พยายามหยิบยืมเพื่อนมาเรียนแล้วนี่ ไม่ได้ไม่มีตอนเรียนในวิชาที่ครูคนนั้นสอน  ถึงปกติผมจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเป็นส่วนใหญ่ ผมไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจที่พ่อแม่ผมจน  แต่ผมก็เกลียดครูคนนั้นจนถึงตอนนี้  คงจะมีบ้างน่ะครับคนที่อ่านที่เป็นครู เป็นอาจารย์ผมขอก็อภัยท่านด้วย ครูดีๆที่ผมได้เจอมาตลอดชีวิตก็มีมากมายนัก  ผมได้ทุนการศึกษายากจนทุกปีจากครูซึ่งมีความเห็นอกเห็นใจในความขัดสนของลูกศิษย์ (กลัวบาปไปเรื่องอื่นดีกว่า)

            จบ ม.3 ผมก็ได้โควตาไปเรียน วิทยาลัยเทคนิคนครศรีธรรมราช  สาขา ช่าง อิเล็กทรอนิกส์  ผมสมัครสาขาช่างนี้โดยไม่ได้รู้ว่ามันเรียนเกี่ยวกับอะไรหรอกครับ ชื่อมันแปลกๆดีสำหรับผมในตอนนั้น  บ้านผมยังไม่มีไฟฟ้าใช้หรอกน่ะครับ ขนำที่ผมเรียกว่าบ้านมันอยู่ไกลเกินกว่าไฟฟ้าจะเข้ามาถึงได้   ผมดีใจที่ได้ไปเรียนต่อในเมือง  พ่อคงหนักใจกะภาระที่ตามมา แต่พ่อก็ไม่แสดงให้ผมเห็นว่าท่านหนักใจอะไรกับการที่ผมไปเรียนหนังสือ ท่านจะสอนให้ตั้งใจเรียนให้สมกับที่พ่อเหนื่อยยาก เรียนให้สมกับที่คนในหมู่บ้านดูถูก  แล้วท่านก็พาผมไปตระเวนหาที่อยู่เพื่อเรียนหนังสือ  วัดคือที่พึ่งตามความคิดพ่อ พ่อพาผมเดินฝ่าเปลวแดดเดือนเมษายน ไปตามวัดต่างๆในตัวเมืองนครศรีฯ วัดแล้ววัดเล่า ไม่มีวัดไหนยอมให้ผมอยู่สักวัดเดียว  พ่อพาผมกลับบ้านอย่างหมดหวัง พร้อมกับมาบ่นให้แม่ฟังว่า ขนาดวัดยังต้องมีเส้นสายถึงจะอาศัยอยู่ได้  แต่พ่อก็พาผมไปฝากอยู่กับบ้านญาติฝ่ายแม่ที่อยู่ในเมืองได้อยู่ดี ซึ่งพ่อบอกว่าถ้าไม่จำเป็นจริงๆพ่อก็จะไม่ให้มาอยู่หรอกเพราะเป็นแหล่งมั่วสุมของอบายมุขทุกชนิดเป็นแหล่งสลัมของเมืองนครฯชุมชนหลังสถานีรถไฟ  

            ช่วงที่ผมเรียนอยู่ที่เทคนิคนครฯเป็นช่วงที่ทางบ้านผมลำบากมาก  พ่อต้องตื่นไปล่าสัตว์มาเพื่อขายหาเงินส่งผมเรียน  ตอนนี้พวกเรามีบ้านหลังเล็กๆแล้ว ที่ผมเรียกว่าบ้านเพราะทำจากไม้กระดานมุงสังกะสี มีที่ดินเล็กๆเป็นที่ปลูกบ้าน เสาร์อาทิตย์ผมก็จะกลับมาบ้าน ซึ่งบ้านเราจะเท่ากับหรือเล็กกว่ายุ้งข้าวของคนทั่วไป  คืนวันเสาร์พ่อจะไปกรีดยางตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วให้ผมกับน้องๆไปเก็บในตอนเช้า พ่อจะไปยิงค่างตั้งแต่หัวรุ่ง(ตี4-ตี5) พ่อจะกลับมาพร้อมกับค่างสักตัวสองตัวถ้าวันไหนโชคดี  รุ่งขึ้นวันอาทิตย์ แม่จะพาไปขายที่ตลาดนัด พร้อมกับยางแผ่นหรือขี้ยางที่พ่อกรีดไว้ในหนึ่งอาทิตย์  เงินที่เหลือจากชื้อข้าวสาร กระปิ ปลาเค็ม ก็จะให้ผมไปใช้ตอนเรียน  บางครั้งอาทิตย์ไหนฝนตกไม่ได้กรีดยาง พ่อหาสัตว์ไม่ได้ แม่ก็จะเชื่อข้าวสารแม่ค้าในตลาดมาก่อนแม่จะเรียกว่า เซ็นต์เค๊ามา  ตอนนี้น้องคนรองก็เรียนมัธยมโรงเรียนที่ผมเคยเรียนมา 

           ปกติหมู่บ้านผมจะมีเด็กไปเรียนกันไม่กี่คนหรอก ส่วนใหญ่จบป.6ก็จะไม่เรียนต่อกัน คนอื่นเค๊าไม่เรียนก็ไม่เป็นไรพ่อบอก เราต้องเรียนเพราะเราไม่มีสมบัติอะไร ไม่เรียนก็ต้องมารับจ้างกรีดยางเหมือนพ่อ ลูกพ่อทำไม่ไหวหรอกพ่อรู้  พ่อจะดูว่าพวกผมอ่อนแอทำอะไรเหมือนพ่อไม่ได้ คงเป็นเพราะพ่อรักพวกเรามาก กลายเป็นว่าเมื่อพวกเราโตขึ้นเราทำอะไรไม่เป็นเหมือนพ่อ ผมกรีดยางไม่เป็นทั้งที่พ่อกรีดยางมาตลอดชีวิตจนเดี่ยวนี้พ่อก็ยังกรีดยางอยู่ด้วยวัย 64 ปี   ช่วงผมไปเรียนในเมืองแถวบ้านที่มีบ้านเราอยู่หลังเดียวก็เริ่มมีคนอื่นๆมาสร้างบ้านอยู่กัน เพื่อนสมัยเรียนประถมของผม ก็จะมากลายเป็นเพื่อนพ่อไปหาของป่า เช่น สะตอปลา หาน้ำผึ้ง ล่าสัตว์ กับพ่อ เย็นๆบ้านผมจะเต็มไปด้วยเพื่อนบ้านที่มารอไปหาสัตว์กันกับพ่อ  น้องชายผมก็จบ ม.3 ก็ออกมาช่วยพ่อกรีดยางหาเงินส่งผมเรียน จนผมเรียนจบ ปวส.เริ่มทำงาน ผมถึงได้ส่งให้น้องชายได้ไปเรียนต่อ

    ผมเล่าต่อน่ะ

             บ้านผม มีลูกสาวแค่2 คนหลังจากพ่อมีลูกชาย5คน หลังจากลูกสาว2คนแล้วพ่อก็มีลูกชายอีก3คน  ผมจบ ปวช.ก็ไปเรียนต่อ ปวส.ที่เทคนิคยะลา ชึ่งตอนนี้ พ่อหาเงินไม่ทันกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นของลูกๆแล้ว ประกอบกับคนเริ่มมาอยู่แถวบ้านผมมากขึ้น ช่วงที่ผมเรียน ปวส.พ่อเลยต้องขายที่ดินที่พ่อหักร้างถางพง มากับมือให้คนอื่นไป 30 กว่าไร่ โดยราคาสมัยนั้นไร่ล่ะ หนึ่งพันบาท  พ่อขายไปสามหมื่นให้คนชื้อผ่อนเดือนล่ะหนึ่งพัน เพื่อจะได้ส่งเงินไปให้ผมเป็นเดือนๆ พ่อส่งให้ผมเดือนล่ะ 700 บาท   ผมเก็บจดหมายแม่ทุกฉบับที่เขียนหาผมไว้ ผมรู้ว่าผมมาเรียนด้วยทางบ้านน้องๆกินข้าวกับเคยจี(น้องคนรองเขียนมาบอกให้ฟัง)นี่คือจดหมายแม่ผม

                                                      

แม่จะเขียนมาทีล่ะ2ถึง3ใบในซองเดี่ยวกัน แม่บอกว่าคิดถึงก็เขียนไม่ได้ส่งก็เอามารวมกันส่งทีเดียว แม่ผมน่ารักไม๊ล่ะ

 

เรื่องจริงจากชีวตผมครับ ถึงไม่ได้ทำอาชีพเกษตรตอนนี้ แต่พ่อผมก็เป็นเกษตรกรที่ดีน่ะครับ

แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังต่อน่ะครับ ว่าท่านยิ่งใหญ่อย่างไร

ความเห็น

ในที่สุด ผมก็พบเพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันแล้วววววววววววววววววววว

ปวส. อิเล็กฯ ด้วย

ขอโทษครับ รุ่นไหนครับ...เผื่อจะรู้จักกัน?


ปล. เล่าจะจนได้กลิ่น เคยจี เลย เขียนอีกครับ - ชอบ

ออกปากรุนท็อกที !!!

อิเล็กทรอนิกส์ เหมือนกันเหรอ รุ่นไหนครับ อยากรู้จักครับติดต่อหน่อย

msn ครับ ยินดีรับการแอดพี่น้องบ้านสวนทุกคนครับ   trang_ch@hotmail.com

รออ่านต่อค่ะ เล่าต่อนะคะ

there is a will , there is a way .

รู้สึกชื่นชมในความเข้มแข็งอดทนของคุณมากๆ ที่สามารถสู้ได้จนมีวันนี้ ทุกคนล้วนมีที่มาแตกต่างกัน 

แต่อนาคตย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนย่อมเลือกได้ มากน้อยแตกต่างกันไปตามจังหวะและโอกาสที่หยิบยื่นเข้ามา

เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไปครับและก็อย่าลืมอดีต  เพราะนั่นคือบทเรียนที่ให้เราเดินอยู่ได้ในอนาคตอย่างสง่างาม

 

ส่วนเรื่องครูคนนั้น  ผมก็เคยเจอเหตุการณ์แบบนั้นมาครับ  ยังคงจดจำได้เสมอ  ผมว่าบางทีระบบการศึกษาไทยควรจะได้รับการสังคายนาครั้งใหญ่ทั้งรูปแบบการเรียนการสอน  ค่านิยม การปลูกฝังความคิดแบบผิดๆ อีกหลายประการ   ผมคิดว่าบางที  ครูบางคนก็อาจจะมีความคิดที่ตกต่ำกว่าศิษย์บางคนครับ  เพียงแต่สังคมไทยไม่เปิดกว้างยอมรับความคิดเด็ก เพราะมักจะคิดว่าอาบน้ำร้อนมาก่อน  บางเรื่องผู้ใหญ่ก็ควรจะฟังเด็กสอนนะครับ  จริงมั๊ยครับ

 

ขอบคุณครับ

...วิถีชีวิตแห่งเกษตรกรรมที่สมบูรณ์ จะหล่อเลี้ยงบุคคลทั้งร่างกายและวิญญาณ เป็นหนทางไปสู่ความสมบูรณ์แห่งความเป็นมนุษย์...

สู้เพื่อความหัวงของครอบครัว

พ่อแม่ของคุณเก่งคะ และคุณก็รักดี

จันทร์เจ้าตั้งใจอ่านตั้งแต่ต้นจนจบเลยนะเนี่ย ความหลังที่ประทับใจ แล้วมาเล่าให้อ่านใหม่เด้อ

พอเพียง และ เพียงพอ บ้านไร่จันทร์เจ้า 

ชีวิตตอนเด็กเป็นคล้ายๆ  จนเบนมาทำค้าขาย  เพราะต้องส่งเรียน  5  คน   ใช้แต่ตางค์  ทำงานราชการ 4 คน  เอกชน  1  คน  แต่ก็อยากใช้ชีวิตที่มีส่วนของเกษตร

เหมือนกันครับป้าเล็ก ตอนนี้ ที่บ้านผม พ่อมีลูกเป็น ครูไป 2 คน เป็นหัวหน้าส่วนโยธา อบต. 1 บริษัทเอกชน2 เจ้าหน้าที่พิเศษวค.สงขลา 1 เหลือทำสวนยางอยู่กับพ่อคนเดียว คนสุดท้องยังเรียนอยู่ครับ วิศวะโทรคมนาคม

msn ครับ ยินดีรับการแอดพี่น้องบ้านสวนทุกคนครับ   trang_ch@hotmail.com

Wink   ชีวิตของคนเราไม่มีใครอยากเกิดมายากจนนะคะ  แต่คนเราเลือกเส้นทางที่จะเป็นคนดีได้ค่ะ เข้าใจและยอมรับกับสิ่งที่ผ่านมาถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตนะคะ พร้อมสร้างชีวิตที่เหลือไว้ให้กับครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่น แค่นี้เราก็รู้สึกเพียงพอแล้วค่ะ

หน้า