มีพรรคพวกเอาขี้เลื่อยแบบนี้มาให้( 30 กว่ากระสอบ) ผมจะเอาผสมกับดิน (ดินเดิมเป็นดินถมแข็งมาก) เพื่อให้ร่วนขึ้น จะมีปัญหาอะไรมั๊ยครับพี่น้อง
ตั้ม
2 ธันวาคม, 2011 - 19:15
Permalink
มาได้เลยครับ...เยอะมากเลย..
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
สรุปพี่ว่าใช้ใบไม้ของเราดีกว่านิ อารีย์
9att
2 ธันวาคม, 2011 - 16:33
ผมว่าเอาไปผสมดิน หมักไว้ก่อนดีไหมยังไม่ต้องปลูกพืชครับ ให้มันย่อยสลายก่อน เพราะช่วงกำลังย่อยสลายจะเกิดความร้อนครับ :embarrassed:
ลุงพี่สบายดีน่ะครับ
คนยอง
ไม่น่าจะมีปัญหานะ ดินน่าจะซุยขึ้น
....แต่ระวังปลวก นะลุง :uhuhuh:
2 ธันวาคม, 2011 - 18:57
ทำไมมันเบิ้ลละ..ลบแล้วกันเหลืออันเดียวพอ..เราชอบพอเพียง..อิอิ..
2 ธันวาคม, 2011 - 18:56
น่าเบื่อมากเลยกะปลวก..เปิ้ล..พี่ว่าจะไม่เอาแล้ว ใช้เศษใบไม้ดีกว่า ใบปีปที่ร่วง กำลังรอผสมดินอยู่อีก 2 กองใหญ่ๆ
teerapan
2 ธันวาคม, 2011 - 17:19
เฮียตั้ม เอาแบบมีสาระแล้วกันนะครับ แต่ไม่ต้องเชื่อมาก เพราะผมไม่ได้จบเกษตรนะครับ
- ตอนขี้เลื่อยอยู่กับขี้เลื่อยเยอะๆ มันจะสลายตัวช้า เมื่อมาผสมกับดินหรือปุ๋ยหมักจะสลายตัวได้มากขึ้น
- ขี้เลื่อยมีความพรุนเมื่อใส่ไปโดยไม่โดนน้ำจะช่วยเพิ่มความร่วนซุยและอากาศให้กับดิน
- ขี้เลื่อยค่าความอุ้มน้ำสูงมาก เมื่อโดนน้ำจะอุ้มน้ำมากจนเกินไปทำให้มีปัญหาเรื่องการระบายอากาศ อาจจะทำให้รากเน่า หรือเป็นแหล่งขยายพันธุ์ของเชื้อรา
- ขี้เลื่อย ซึ่งมีอัตราส่วนของคาร์บอนต่อไนโตรเจน (C:N)สูงมาก (มากกว่า 300:1 ค่าปกติของปุ๋ยหมักที่หมักสมบูรณ์แล้วจะประมาณ 20:1) เมื่อใส่ในดินปลูกพืชจุลินทรีย์จะแย่งไนโตรเจนในดินไปใช้ในขบวนการย่อย มีผลทำให้พืชขาดไนโตรเจนชั่วคราว ถ้าไม่มีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนพืชจะขาดจนกว่าจุลินทรีย์เหล่านี้จะมีกิจกรรมลดลง จึงจะได้ไนโตรเจนกลับคืนสู่ดิน อาจจะทำให้ต้นไม้ของพี่ออกอาการใบเหลืองได้ (ชาวบ้านจะบอกว่ามันเค็ม)
- ขบวนการหมักของขี้เลื่อยใต้ดินในสภาพไร้ออกซิเจน ทำให้อุณหภูมิสูงมาก จนเกิดสารสีดำหรือน้ำตาล ในสภาพนี้ขี้เลื่อยจะอิ่มตัวไปด้วยสารพิษซึ่งเป็นกรดอินทรีย์ชนิดระเหยง่าย มีกลิ่นฉุนมาก และเกิดไอที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ทำให้เป็นอันตรายแก่พืชหลายชนิดได้
- ถ้าเฮียจะเอาไปทำปุ๋ยหมักเน้นว่าควรผสมด้วยอย่างอื่นที่มีไนโตรเจนสูง เช่น มูลสัตว์ (ที่บริษัทจะรดด้วยน้ำกากส่าเป็นการเพิ่มไนโตรเจน) หรือเพิ่มปุ๋ยเคมีไนโตรเจนเลยก็ได้ และไม่ควรรดน้ำมากเกินไป เพราะขี้เลื่อยอุ้มน้ำได้ดีมากจะทำให้ไม่มีอากาศเพียงพอต่อการหมัก และไม่ควรขึ้นไปย่ำบนกองปุ๋ยตอนรดน้ำ เพราะสภาพอุ้มน้ำจะทำให้เกิดการยุบตัวได้มากกว่าปกติ ทำให้กองปุ๋ยแน่นทึบเกินไป เชื้อจุลินทรีย์จะเจริญได้ไม่ดีเท่าที่ควร
- สรุปแล้วถ้าพี่ตั้มจะใส่ในดินเลย ควรจะใช้ในปริมาณน้อยมากๆ หรือไม่ก็เอาไปหมักกับปุ๋ยหมักเป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ (ถ้าในกลางกองยังร้อนอยู่แสดงว่าขบวนการหมักยังไม่เสร็จ ไม่ควรเอามาใช้ ให้หมักต่อ) หรืออีกทางออกหนึ่งก็คือแบ่งให้น้องๆ บ้างซิพี่ มีตั้ง 30 กระสอบ :uhuhuh:
“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.” ― Bill Mollison
2 ธันวาคม, 2011 - 18:53
โหนึก..นึกวิชาการเต็มสูบเลยนะ..ข้อมูลดีมากเลยครับขอบคุณมาก แล้วพี่จะจัดการกะไอ้พวกนี้ยังไดี (หลังต้นมะม่วงยังอีกกองนึง)
2 ธันวาคม, 2011 - 18:59
เอามาแบ่งน้องๆ จิ ว่าจะขอสัก 2-3 กระสอบ เอามาห่มโคนต้นไม้ (ไม่ฝังดิน) ฮ่าๆๆ :uhuhuh:
ชาวสวนป่า
2 ธันวาคม, 2011 - 16:53
คงจะเป็นขี้เลื่อยโซ่ยนต์ เพราะหยาบมาก ผมเคยเอาไปผสมกับขี้เถ้า,หน้าดินอย่างละเท่าๆ กัน แล้วใส่ถุงดำปลูกต้นไม้เล็กๆ ก็ขึ้นดีครับ แต่พอผ่านไปหลายเดือนเครื่องปลูกก็จะยุบตัวลงประมาณเกือบ1ใน3 คงจะเป็นเพราะขี้เลื่อยถูกย่อยสลาย แถมมีปลวกอยู่ข้างในด้วยครับ ผมว่าน่าจะผสมกับหน้าดิน,ปูนขาวหรือขี้เถ้าแล้วฝังกลบเอาไว้เพื่อให้จุลินทรีย์ในดินช่วยย่อยสลายก่อนหลายๆ เดือนจนยุบตัวแล้วจึงค่อยปลูกพืชลงไปครับ แต่ผมว่าตัวขี้เลื่อยคงไม่ค่อยมีแร่ธาตุมากมายหลายชนิดเหมือนกับส่วนที่เป็นใบ,ดอก,ผล นะครับ น่าจะเป็น แคลเซี่ยม, โปตัสเซี่ยม และสารอินทรีย์ที่เกิดจากการย่อยเซลลูโลส
There are currently 0 users online.
ตั้ม
2 ธันวาคม, 2011 - 19:15
Permalink
Re: เฮียตั้มฝากมาถาม
มาได้เลยครับ...เยอะมากเลย..
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
ตั้ม
2 ธันวาคม, 2011 - 19:15
Permalink
Re: เฮียตั้มฝากมาถาม
สรุปพี่ว่าใช้ใบไม้ของเราดีกว่านิ อารีย์
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
9att
2 ธันวาคม, 2011 - 16:33
Permalink
Re: เฮียตั้มฝากมาถาม
ผมว่าเอาไปผสมดิน หมักไว้ก่อนดีไหมยังไม่ต้องปลูกพืชครับ ให้มันย่อยสลายก่อน เพราะช่วงกำลังย่อยสลายจะเกิดความร้อนครับ :embarrassed:
ลุงพี่สบายดีน่ะครับ
คนยอง
2 ธันวาคม, 2011 - 16:33
Permalink
Re: เฮียตั้มฝากมาถาม
ไม่น่าจะมีปัญหานะ ดินน่าจะซุยขึ้น
....แต่ระวังปลวก นะลุง :uhuhuh:
ตั้ม
2 ธันวาคม, 2011 - 18:57
Permalink
Re: เฮียตั้มฝากมาถาม
ทำไมมันเบิ้ลละ..ลบแล้วกันเหลืออันเดียวพอ..เราชอบพอเพียง..อิอิ..
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
ตั้ม
2 ธันวาคม, 2011 - 18:56
Permalink
Re: เฮียตั้มฝากมาถาม
น่าเบื่อมากเลยกะปลวก..เปิ้ล..พี่ว่าจะไม่เอาแล้ว ใช้เศษใบไม้ดีกว่า ใบปีปที่ร่วง กำลังรอผสมดินอยู่อีก 2 กองใหญ่ๆ
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
teerapan
2 ธันวาคม, 2011 - 17:19
Permalink
Re: เฮียตั้มฝากมาถาม
เฮียตั้ม เอาแบบมีสาระแล้วกันนะครับ แต่ไม่ต้องเชื่อมาก เพราะผมไม่ได้จบเกษตรนะครับ
- ตอนขี้เลื่อยอยู่กับขี้เลื่อยเยอะๆ มันจะสลายตัวช้า เมื่อมาผสมกับดินหรือปุ๋ยหมักจะสลายตัวได้มากขึ้น
- ขี้เลื่อยมีความพรุนเมื่อใส่ไปโดยไม่โดนน้ำจะช่วยเพิ่มความร่วนซุยและอากาศให้กับดิน
- ขี้เลื่อยค่าความอุ้มน้ำสูงมาก เมื่อโดนน้ำจะอุ้มน้ำมากจนเกินไปทำให้มีปัญหาเรื่องการระบายอากาศ อาจจะทำให้รากเน่า หรือเป็นแหล่งขยายพันธุ์ของเชื้อรา
- ขี้เลื่อย ซึ่งมีอัตราส่วนของคาร์บอนต่อไนโตรเจน (C:N)สูงมาก (มากกว่า 300:1 ค่าปกติของปุ๋ยหมักที่หมักสมบูรณ์แล้วจะประมาณ 20:1) เมื่อใส่ในดินปลูกพืชจุลินทรีย์จะแย่งไนโตรเจนในดินไปใช้ในขบวนการย่อย มีผลทำให้พืชขาดไนโตรเจนชั่วคราว ถ้าไม่มีการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนพืชจะขาดจนกว่าจุลินทรีย์เหล่านี้จะมีกิจกรรมลดลง จึงจะได้ไนโตรเจนกลับคืนสู่ดิน อาจจะทำให้ต้นไม้ของพี่ออกอาการใบเหลืองได้ (ชาวบ้านจะบอกว่ามันเค็ม)
- ขบวนการหมักของขี้เลื่อยใต้ดินในสภาพไร้ออกซิเจน ทำให้อุณหภูมิสูงมาก จนเกิดสารสีดำหรือน้ำตาล ในสภาพนี้ขี้เลื่อยจะอิ่มตัวไปด้วยสารพิษซึ่งเป็นกรดอินทรีย์ชนิดระเหยง่าย มีกลิ่นฉุนมาก และเกิดไอที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ทำให้เป็นอันตรายแก่พืชหลายชนิดได้
- ถ้าเฮียจะเอาไปทำปุ๋ยหมักเน้นว่าควรผสมด้วยอย่างอื่นที่มีไนโตรเจนสูง เช่น มูลสัตว์ (ที่บริษัทจะรดด้วยน้ำกากส่าเป็นการเพิ่มไนโตรเจน) หรือเพิ่มปุ๋ยเคมีไนโตรเจนเลยก็ได้ และไม่ควรรดน้ำมากเกินไป เพราะขี้เลื่อยอุ้มน้ำได้ดีมากจะทำให้ไม่มีอากาศเพียงพอต่อการหมัก และไม่ควรขึ้นไปย่ำบนกองปุ๋ยตอนรดน้ำ เพราะสภาพอุ้มน้ำจะทำให้เกิดการยุบตัวได้มากกว่าปกติ ทำให้กองปุ๋ยแน่นทึบเกินไป เชื้อจุลินทรีย์จะเจริญได้ไม่ดีเท่าที่ควร
- สรุปแล้วถ้าพี่ตั้มจะใส่ในดินเลย ควรจะใช้ในปริมาณน้อยมากๆ หรือไม่ก็เอาไปหมักกับปุ๋ยหมักเป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์ (ถ้าในกลางกองยังร้อนอยู่แสดงว่าขบวนการหมักยังไม่เสร็จ ไม่ควรเอามาใช้ ให้หมักต่อ) หรืออีกทางออกหนึ่งก็คือแบ่งให้น้องๆ บ้างซิพี่ มีตั้ง 30 กระสอบ :uhuhuh:
“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.”
― Bill Mollison
ตั้ม
2 ธันวาคม, 2011 - 18:53
Permalink
Re: เฮียตั้มฝากมาถาม
โหนึก..นึกวิชาการเต็มสูบเลยนะ..ข้อมูลดีมากเลยครับขอบคุณมาก แล้วพี่จะจัดการกะไอ้พวกนี้ยังไดี (หลังต้นมะม่วงยังอีกกองนึง)
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
teerapan
2 ธันวาคม, 2011 - 18:59
Permalink
Re: เฮียตั้มฝากมาถาม
เอามาแบ่งน้องๆ จิ ว่าจะขอสัก 2-3 กระสอบ เอามาห่มโคนต้นไม้ (ไม่ฝังดิน) ฮ่าๆๆ :uhuhuh:
“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.”
― Bill Mollison
ชาวสวนป่า
2 ธันวาคม, 2011 - 16:53
Permalink
Re: เฮียตั้มฝากมาถาม
คงจะเป็นขี้เลื่อยโซ่ยนต์ เพราะหยาบมาก ผมเคยเอาไปผสมกับขี้เถ้า,หน้าดินอย่างละเท่าๆ กัน แล้วใส่ถุงดำปลูกต้นไม้เล็กๆ ก็ขึ้นดีครับ แต่พอผ่านไปหลายเดือนเครื่องปลูกก็จะยุบตัวลงประมาณเกือบ1ใน3 คงจะเป็นเพราะขี้เลื่อยถูกย่อยสลาย แถมมีปลวกอยู่ข้างในด้วยครับ ผมว่าน่าจะผสมกับหน้าดิน,ปูนขาวหรือขี้เถ้าแล้วฝังกลบเอาไว้เพื่อให้จุลินทรีย์ในดินช่วยย่อยสลายก่อนหลายๆ เดือนจนยุบตัวแล้วจึงค่อยปลูกพืชลงไปครับ แต่ผมว่าตัวขี้เลื่อยคงไม่ค่อยมีแร่ธาตุมากมายหลายชนิดเหมือนกับส่วนที่เป็นใบ,ดอก,ผล นะครับ น่าจะเป็น แคลเซี่ยม, โปตัสเซี่ยม และสารอินทรีย์ที่เกิดจากการย่อยเซลลูโลส
หน้า