ขอถามหน่อย

หมวดหมู่ของบล็อก: 

คาใจอยู่หลายวัน  ถามใครก็ไม่รู้จัก  บ้างก็ว่าลูกไข่เน่า  บ้างก็ว่าลูกตะคร้อ  บางคนก็บอกว่าตะขบป่า  (ค้นดูแล้วไม่ใช่สักอย่าง )  ทำให้นึกถึงบ้านสวนฯ เพราะบ้านหลังนี้มีเซียนต้นไม้เยอะมาก น่าจะได้คำตอบ   ใครรู้จักบอกหน่อยเด้ออออออ  .... จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง 

 

ลักษณะลูกกลม ๆ เปลือกแข็ง  

 

 

มีจุกที่ก้นคล้าย ๆ ทับทิม

 

 

ลองผ่าและชิมดู  รสชาติฝาด ๆ 


 

???????

ความเห็น

สหายโส เท่งแลไม่ชัด ไม่โร้จักเรยยย

งานนี้ป๋าถูกแหกตาเท่งเหอ  555 แม่ค้าบอกว่า ลูกไข่เน่า  

ปอ. ลอ. เท่งเดินได้คล่องแล้วใช่หม้าย  555  คิดเสียว่าบทเรียนแห่งชีวิตนะเท่งนะ      :love:

มาแอบดูด้วยคนนะคะเจ้โส อยากรู้ว่าลูกไอไหร?

มาช่วยกันลุ้นนะน้องภา   :uhuhuh:

มังคุดชัวร์ เจ๊

พอเพียง และ เพียงพอ บ้านไร่จันทร์เจ้า 

ขอบคุณสำหรับคำตอบ นะจ๊ะ   แหม๊ ...น่าจะตบรางวัลซะหน่อยนะ  555   :uhuhuh:

เรือก -  สวน -  ไร่ - นา  เป็นงัยมั่ง  ถึงไหนแล้ว  :cheer3:

มาแอบดู ไม่รู้จักหรอกมาเพราะคิดถึงเจ๊โสน่ะ 

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

คิดถึงทุก ๆ คนเหมือนกันคะน้องโน่   :love:

ฝากจุ๊บ ๆ น้องแพลนหน่อยนะ     :kiss:

หาคนจบเกษตรมาทำงานด้วยอยู่คะ


 

ผมไม่เคยเห็นเหมือนกันครับ แต่ลองมาดูสรรพคุณของเจ้าสมุนไพรตัวนี้กันครับ

 

 ในตำรายาสมุนไพรไทยของเรามีการการจารึกไว้ว่า ให้กินลูกสมุนไพรไข่เน่า จะไปบำรุงสมอง ทำให้สมองไม่ฝ่อ 

        พระครูวิจิตร วัชระธรรม เจ้าอาวาสวัดกุฎี ตำบลบางเค็ม อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี เข้าไปในเขตวัดนี้จะหอมกรุ่นด้วยสมุนไพรไทย เพราะเจ้าอาวาสท่านชอบสมุนไพร มีการส่งเสริมให้ผลิตยาหอมปราบลม สูตรของท่านเอง ได้รับความนิยม อย่างกว้างขวาง ปัจจุบัน มีวางจำหน่ายทั่วประเทศ  ท่านบอกว่าตัวยามีมากกว่า ๑๐ ชนิด บางชนิดหายาก เช่นโกฐสอ-โกฐกระดูก ต้องสั่งซื้อจากประเทศจีน และใต้หวัน
    “ตำรับยาของอาตมา นอกจากกินบำรุงหัวใจ ปราบลมทุกชนิด แล้ว ใครที่ปวดตา อันเกิดจากการเชื่อมเหล็ก ตาถูกความร้อนจ้า เป็นเวลานานๆ ปวดตา ให้เอายาตำรับนี้ ใส่น้ำร้อนแล้วให้ไอลอยขึ้นมา เอาตาไปอังไว้จะหายปวดทันที”  วันนั้นเจ้าอาวาสยืนยันให้ฟัง แล้วยังมีลูกศิษย์ลูกหาของท่านอีกหลายคนที่นั่งอยู่ด้วยยืนยันถึงสรรพคุณดังกล่าว
     สมุนไพรไข่เน่า มีเรียกกันหลายชื่อ ที่จังหวัดสุรินทร์ใกล้เขมรเขาเรียกว่า ปลู บางแห่งเรียก คมขวาน  ฝรั่งโคก และขี้เห็น ที่วัดกุฎีเพชรบุรี ท่านเจ้าอาวาสท่านอนุรักษ์ต้นไข่เน่าเอาไว้ต้นหนึ่งขนาดลำต้นใหญ่ประมาณเสาบ้าน สูงสองช่วงตึก ผมเดินไปดูเห็นเม็ดคล้ายๆองุ่นร่วงเต็มไปหมด ไข่เน่าถือ เป็นพรรณไม้ยืนต้นมีทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ ลำต้นนั้นจะมีความสูงประมาณ ๑๐-๑๒  เมตร ลำต้นจะเกลี้ยงเป็นสีหม่นและมีด่างเป็นดวงขาว
       ใบ : ใบต้นไข่เน่าเป็นใบประกอบ มีขนาดไม่เท่ากัน ตรงโคนใบจะเรียวเล็กปลายของมันจะกว้างและมน ยาว ประมาณ ๖ ซม. ถึง  ๓๓ ซม.ใบจะมีสีเขียว คล้ายใบงิ้ว
       ดอก : ดอกต้นไข่เน่าอยู่ติดกันเป็นช่อยาวๆ ดอกนั้นจะเป็นดอกเล็ก ๆ มีสีม่วงอมชมพู สีขาวมีแดงเรื่อ ๆ ดอกจะมีกลิ่น หอม และมีดอกใกล้ย่างเข้าหน้าฝน ผลไข่เน่า อ่อนที่ยังไม่สุกจะมีสีเขียว และแข็ง ผลที่สุกแก่เต็มที่นั้นสีจะเปลี่ยนเป็นสีดำเทาอ่อนนุ่มนิ่ม ผิวจะมัน ผลโตประมาณ  ๑-๑.๕ เซนติเมตร และมีรสหวานเอียนๆ ผลนั้นจะแก่ในหน้าฝนประมาณเดือน มิ.ย.- ก.ย.ส่วนเมล็ดโตขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย
       สรรพคุณของ สมุนไพร :เปลือกต้น เปลือกต้นไข่เน่าให้ รสฝาด แก้บิด แก้เด็กถ่ายเป็นฟอง แก้โรคพยาธิในเด็กที่มีอาการเบื่ออาหาร แก้ไข้ แก้โรคเบาหวาน เปลือกต้น นั้นจะมีสารจำพวก steroid มีชื่อว่า -sitosterol และecdysterone และ anguside (p-hydroxybenzoic ester of aucubin ราก รากต้นไข่เน่าเป็นยาเจริญอาหาร แก้ท้องเสีย และแก้โรคตานขโมย ผล เมื่อสุกใช้เคล้ากับเกลือผึ่งแดด สามารถรักษาโรคเบาหวาน และบำรุงสมอง ช่วยระบบการขับถ่าย กินแล้วหัวดี  กินสดหรือดองน้ำเหลือก็ได้ บำรุงไต กระดูก แก้กระดูกผุ บำรุงระบบเพศต่อมไร้ท่อ  เปลือกผล แก้โรคเกล็ดกระดี่ขึ้นนัยน์ตา โรคกระเพาะ หรือลำไส้อักเสบของทารก

ที่มา คุณจำรัส เซ็นนิล

หน้า