กลับเข้าบ้าน รายงานตัว "อุทาหรณ์ มะเร็งต่อมไทรอยด์" รักษาง่ายหากรู้ทันโรค

หมวดหมู่ของบล็อก: 

สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน ขอกลับเข้าบ้านรายงานตัว หลังจากที่ห่างหายไปนานพอสมควร ก่อนหน้านี้ได้ลงกระทู้แจ้งไปแล้วว่า แอบไปนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดต่อมไทรอยด์ หลายคนคงอยากรู้ว่า อาการเริ่มแรกเป็นอย่างไร แล้วทำไมถึงรู้ว่าต่อมไทรอยด์ผิดปกติ แล้วต่อมไทรอยด์คืออะไร มีความสำคัญกับร่างกายของมนุษย์มากแค่ใหน ลองอ่านและศึกษาจากลิ้งค์ด้านล่างนี้นะค่ะ
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%8C

 

โรคที่เกิดจากต่อมไทรอยด์นั้นมีหลายอย่าง เช่น ต่อมไทรอยด์อักเสบธรรมดา, ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ , เนื้องอกที่ต่อมไทรอยด์ และมะเร็งที่ต่อมไทรอยด์
แต่อ๊อดจะยกตัวอย่างจากประสบการณ์คร่าวๆของตัวเองให้ให้ฟังนะค่ะ ว่าเริ่มแรกนั้นมีอาการอย่างไร และรู้ได้อย่างไรว่าต่อมไทรอยด์ผิดปกติ

*************************

เมื่อประมาณ เดือนพฤษภาคมปี 2555 อ๊อดได้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายประจำปีตามปกติ แล้วแพทย์ประจำตัวก็ถามว่า ร่างกายมีอะไรผิดปกติใหม อ๊อดก็รีบบอกหมอทันทีว่า "รอบเดือนมาน้อยกว่าปกติ" จากที่เคยมา 3-4 วัน ก็เหลือแค่ วันเดียว แล้วก็มาแค่หยดเดียว แล้วหมอก็เดินมาคลำดูที่ต่อมไทรอยด์ แล้วหมอก็บอกให้เรากลืนน้ำลาย สักพักหมอก็บอกว่า ผมพบก้อนอะไรบางอย่างนูนๆที่คอ แล้วผมจะส่งตัวคุณไปตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกรอบนะ (ซึ้งตอนนั้นยังไม่รู้ว่าคืออะไร)
หลังจากนั้นมาอีก 3 วัน เจ้าหน้าที่ของคลีนิคแพทย์ก็โทรมาบอกว่า ให้ไปพบแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับไทรอยด์โดยตรง ซึ้งกว่าจะได้ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ปาเข้าไป 1 เดือนเต็ม เพราะตารางเวลาของหมอไม่ว่าง คนไข้เยอะมาก ต้องตามคิว

************

อีก 1 เดือนต่อมา ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไทรอยด์ หมอคลำดูที่คอก่อน แล้วบอกว่า "ผมคลำเจอก้อนนูนๆสองก้อน" (ตอนนั้นใจไม่ดีเลย หมอคนแรกพบ 1 ก้อน หมอคนที่ 2 พบ 2 ก้อน) แต่หมอบอกว่า ยังไม่แน่ใจอีก ต้องไปทำการ ออโต้ซาวด์แล้วก็เอาเข็มเจาะดูดน้ำข้างในออกมาตรวจดูก่อนว่าคือออะไร

************
หลังจากนั้นมาก็โทรไปนัดห้องแล๊บเพื่อทำการเจาะคอ(ฟังดูน่ากลัวเนาะ) ซึ้งการตรวจครั้งนี้เขาเรียกว่า FNA Biopsy ย่อมาจาก Fine Needle Aspiration คือการ เอาเข็มเล็กๆ มีขนาดเท่าเส้นผม เจาะลงไปที่ก้อนที่ตรวจพบ แล้วดูดเอาน้ำหรือเนื้อเยื่ออ่อนๆด้านในออกมาตรวจหาที่มาที่ไปของโรค
ซึ้งของอ๊อดที่ตรวจพบนั้นมีสองก้อน คือ ก้อนนึงมีลักษณะเป็นถุงน้ำไสๆโปร่งพอง และอีกก้อนนึงเป็นเนื้อแข็งๆ ตอนเจาะนั้นไม่เจ็บเลย แทบไม่รู้สึก มดกัดยังเจ็บกว่าค่ะ แต่ว่ามันไปเจ็บในวันรุ่งขึ้น เจ็บระบมอยู่ 3 วัน 3 คืนเลย กลืนอะไรก็ลำบาก กินได้แต่ข้าวต้ม ซุบ และอาหารอ่อนๆ ข้าวสวยนั้นลืมไปได้เลย กลืนไม่ลง

*************
เจาะคอครั้งที่ 1 ผ่านไปได้ 1 สัปดาห์ เขาโทรนัดให้ไปรับผลการตรวจ ซึ้งออกมาในลักษณะบรรจุอยู่ในซองปิดผนึกแน่นหนา จ่าหน้าซองระบุชื่อ นามสกุลของผู้ป่วย พร้อมแผ่นซีดี ทุกอย่างถูกบันทึกไว้ในแผ่นซีดีแล้วทั้งหมด เปิดออกมาดู ทางห้องแล๊บรายงานมาว่า ก้อนที่เป็นถุงน้ำไสๆนั้น ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แค่ไทรอยด์อักเสบธรรมดา แต่อีกก้อนที่เป็นก้อนแข็งๆนั้น ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเป็นอะไรกันแน่ แต่อาจเป็นไปได้ว่ามีเชื่อมะเร็งอยู่ 25% ขอแนะนำให้มาตรวจใหม่อีก 3 เดือนข้างหน้า
***************

อ๊อดก็รอไปอีก 3 เดือน แล้วกลับไปตรวจใหม่อีกรอบ ทำเหมือนเดิม นอน แล้วก็ทำการออโต้ซาวด์ที่คอ (เหมือนออโต้ซาวด์ดูเด็กในท้องเลย) เจาะคอดูดน้ำออกมาตรวจเหมือนเดิมค่ะ ครั้งที่สองนี่เจ็บน้อยหน่อย ไม่เจ็บระบมเหมือนครั้งแรก ครั้งแรกนั้นไข้แทบขึ้นเลย แต่ครั้งที่สอง ผ่านไปแบบชิ้วๆ

*********

ผลการตรวจจากห้องแล๊บครั้งที่ 2 รายงานออกมาเหมือนเดิม ผลลออกมาคือเป็น positive  25% มะเร็ง หมอแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อเอาต่อมไทรอยด์ด้านขวานั้นออกไปตรวจ หากผลการตรวจออกมาแค่ไทรอยด์อักเสบธรรมดา อ๊อดก็ไม่ต้องกลับไปผ่าตัดเอาต่อมไทรอยด์ด้านซ้ายออก (เหลือต่อมไทรอยด์ข้างเดียวยังดีกว่าไม่มี) แต่ถ้าผลการตรวจออกมาว่า มะเร็ง คนไข้ก็จะต้องกลับไปผ่าอีกครั้ง (เหมือนซื้อหวย ซื้อแล้วลุ้นว่าจะถูกใหม)

**************

กว่าทุกอย่างจะลงตัวลงเอยด้วยดี ก็กินเวลาล่วงเลยไปเกือบทั้งปี ปีทั้งปีหมดไปกับการไปหาหมอ 5555 ฮาจะเกร็งเนอะ

เมื่อรู้ว่านาทีระทึกกำลังจะก้าวเข้ามาในชีวิต อ๊อดขอไปเที่ยวเมืองไทยก่อนได้ใหม ถามหมอ!!!! อิอิ ก่อนที่ฉันจะขึ้นเขียงให้เขาเชือดคอ ขอไปเดินป่าเมืองไทยก่อนได้ใหม (จะไปเขาหลวง นครศรีธรรมราช) หมอถามว่า "แล้วคุณจะไปเมื่อไหร่? กลับเมื่อไหร่?" การผ่าตัดไทรอยด์ใช้เวลาฟื้นตัวประมาณ 1 เดือน ผมไม่อยากให้คุณไปเดินในจังเกิ้ลหลังผ่าตัดนะ เอาเป็นว่า คุณไปเดินป่ามาก่อนละกัน แล้วค่อยมาผ่า" พอตกลงกับหมอได้แล้ว อ๊อดก็ซื้อตั๋วบินไปเมืองไทยทันที ไปสนุกให้เต็มที่ ก่อนที่จะกลับมารับชะตากรรมของตัวเอง ซึ่งยังไม่รู้เลยว่าจะต้องมาเจอกับอะไรบ้าง
***************

ขณะที่อยู่เมืองไทย เพื่อนๆหลายคนคงดูไม่ออกใช่ใหมค่ะว่าอ๊อดจะมีท่าทีว่าเป็นผู้ป่วยมะเร็ง 5555 (ตัวเองก็ยังไม่รู้ตัว) เอิ๊กกกก

**********

กลับมาจากเมืองไทย อ๊อดมีเวลาพักผ่อนปรับตัว ปรับเวลาแค่ 1 สัปดาห์ ก็ได้เวลาต้องไปรายงานตัวที่แผนกผู้ป่วยนอก ยืนยันตัวตนว่าเป็นคนไข้ที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดในวัน และเวลาที่เขากำหนด  คือ วันที่ 7 พค. 2556 ซึ้งอ๊อดได้กำหนดนัดผ่าเวลา 7:30 น.เช้า แต่ว่าต้องไปรายงานตัว ตีห้าครึ่ง เพื่อสอบประวัติคนไข้ และเดินสายน้ำเกลือรอ

พอไกล้ได้เวลา ก็จะมีพยาบาลเดินมาถามว่า "ใหนคุณลองบอกฉันซิว่า เขาจะทำอะไรกับคุณในวันนี้" อ๊อดก็ตอบกลับไปเป็นภาษาอังกฤษว่า " The doctor will take part of my right thyroid out" แล้วพยาบาลก็บอกว่า "ดีมาก ฉันถามเพื่อให้แน่ใจว่า คุณรู้และเข้าใจถูกต้อง เพื่อจะได้ไม่ต้องตื่นขึ้นมาแล้วเซอไพร้ว่าอวัยวะในร่างกายของคุณขาดหายไป

*********

พอได้เวลาเหลืออีก 30 นาทีที่จะต้องเข็นคนไข้เข้าห้องผ่าตัด หมอที่จะทำการผ่าตัดให้อ๊อดก็มารายงานตัว มาให้กำลังใจ บอกว่า ไม่ต้องกลัวนะ ผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด วางใจเหอะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม คุณจะปลอดภัยเมื่อคุณตื่นขึ้นมา ทุกอย่างจะเป็นปกติ มันเป็นเนื้อร้ายเอามันออกไปเหอะ แล้วคุณจะดีขึ้น ตอนนั้นรู้สึกน้ำตาคลอเอ่อขึ้นมานิดหน่อย (นึกถึงกรรมที่เคยทำไว้สมัยเป็นเด็กๆ พ่อบังคับให้เชือดคอไก่) เมื่อหมอเดินจากไป พยาบาลก็เดินเข้ามาบอกว่า O.K. ได้เวลาแล้ว "ฉันจะเดินยาสลบแล้วนะ ยาตัวนี้จะทำให้คุณหลับ และเมื่อคุณตื่นขึ้นมา คุณจะไม่รู้สึกเวียนหัว หรืออยากจะอาเจียร ซึ้งเป็นยาตัวใหม่ คือ Propofol" ณ ตอนนั้นนึกเห็นโรงสี่เหลี่ยมเลย เพราะจะไม่ให้อดคิดได้ไง ก็ยาตัวนี้ไม่ใช่เหรอ ที่หมอฉีดให้ไมเคิ้ล แจ๊คสันตาย หลับยาววววเลยยยย 55555 ก็นี่มันยาตัวเดียวกันนี่นา แต่ช้าไปซะแล้ว ยามันเข้าเส้นเลือดไปแล้ว จนรู้สึกว่าหายใจออกมาได้กลิ่นทางลมหายใจแล้วอ่ะ บอกกับตัวเองว่า ฉันยังไม่ตายง่ายๆหรอก กรรมฉันเยอะ ตายยากอยู่ หนังเหนียว ฮ่าๆๆๆ พอเจ้าหน้าที่เข็นเตียงเราเข้าไปถึงห้องผ่าตัด นาทีสุดท้ายที่จำได้ คือ เห็นดวงไฟ กลมๆ ใหญ่ๆ ส่องมาที่หน้า แล้วก็สลบไปเลย ตั้งแต่ 7: 20 น. ตื่นมาอีกที 11:30 น. เกือบเที่ยง หลับไป 4 ชม. ตื่นมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวที่ลำคอ พูดไม่ได้เลย ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย ปากแห้ง หิวน้ำ หิวข้าว ปวดฉิ้งฉ่อง สายอะไรต่อมิอะไร ห้อยระโยงระยางเต็มแขนไปหมดทั้งสองข้าง หน้ากากอ๊อกซิเจ่นก็เต็มหน้า หัวก็มีหมวกมาคลุม ขาทั้งสองข้างก็มีสายนวดมาคอยบีบขาให้เลือดกระจายขณะหลับเพื่อไม่ให้เลือดแข็งตัว แต่อะไรก็ไม่เกะกะเท่ากับหน้ากากอ๊อกซิเจ่นนี่หรอก หายใจไม่ออกค่ะ พยายามตะโกนเรียกพยาบาลมาเอาออกให้ แต่นานมากกว่าจะตะเบ็งเสียงออกมาได้ แทบขาดใจ

*************

ผ่าตัดครั้งแรกผ่านไปด้วยดี นอนโรงพยาบาล 1 คืน พยาบาลมาวัดไข้ทุก 2 ชม. ลุกไปเข้าห้องน้ำ ทุก 20 นาที เพราะน้ำเกลือไล่ ไปห้องน้ำก็ลากถุงน้ำเกลือไปด้วย ไปด้วยความทุลักทุเล ชุดคนไข้ก็ผ่าหน้าผ่าหลัง แม่เอ้ยยย ไม่คิดว่าตัวเองจะน่าสมเพชได้ขนาดนี้ น้ำเกลือหมด ไป3 กระปุกแล้ว นึกว่าจะพอ พยาบาลมาเติมให้อีก โอ้ยยยย แค่นี้ฉันก็ฉี่เรี่ยฉี่ราดไปหมดแล้ว พอเหอะแม่คูณณณณ ทั้งคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ลุกเข้าแต่ห้องน้ำ พอจะหลับๆก็เอาอีกละ ห้องข้างๆ ร้องโหยหวน โอดครวญเพราะความเจ็บปวดจากการผ่าตัด เสียงร้องมาแบบ สุนัขเดือน 12 เลย บ๋าาาาโว้...อ๋าๆๆๆๆๆๆๆๆ."ช่วยด้วยยยยยย ใครก็ได้ช่วยฉันนนนที.....ฉันปวดเหลือเกินนนนนนนนน หอนมาเลยค่ะ ตี 1 ตี 2 ไม่ต้องนอนกันหรอก แอบนึกในใจว่า ฉันก็ปวดเหมือนกันนะฉันยังไม่หอนเลย  อู๊ยยยอยากกลับบ้าน

*********

พอรุ่งเช้าหมอมาตรวจแผล ไม่มีอาการติดเชื้อ ไม่มีไข้ บ่ายๆหมอก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ก่อนกลับก็มีพยาบาลมาเจาะเลือดไปตรวจหาระดับฮอร์โมนไทรอยด์ให้เราก่อนจะปล่อยตัวกลับบ้าน เจาะเลือดไปเยอะมาก หลายหลอดเลย บอกว่าจะเอาไปตรวจหาเซลมะเร็งด้วย หาทุกอย่างเลยว่างั้น

*******

หลังการผ่าตัดครั้งแรก อ๊อดไม่มีโรคแทรกซ้อนอะไรเลย ร่างกายแข็งแรงดี แค่ 5 วันก็ขับรถได้แล้ว ไม่มีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียรใดๆทั้งสิ้นเลย แข็งแรงมาก ไปจ่ายตลาดเองคนเดียวได้สบาย กินจุ กินเยอะ และเป็นครั้งแรกที่ น้ำหนักขึ้นมาถึง 4 ปอนด์ใน 5 วัน แล้วก็รอฟังผลการตรวจจากห้องแล๊บ ว่าไอ้ก้อนเนื้อที่ตัดไปนั่นมันเป็นอะไร จะมะเร็งหรือเปล่าน๊าาา ลุ้นมากๆ เวลาผ่านไป 10 วัน ผลการตรวจออกมาว่า "มะเร็ง" แป๋วววว เหมือนสายฟ้าฟาดลงมากลางลูกกระเดือกอีกครั้ง น้ำตาไหลพรากอาบแก้มสองข้างเลย บอกกับตัวเองว่า นี่เราต้องกลับไปเจ็บตัวอีกแล้วเหรอ เพิ่งจะหายดี แผลกำลังจะหายแล้วเชียว ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกแล้วเหรอ ....เศร้าอยู่ 3 วันค่ะ เริ่มต้นไม่ถูกเลยว่าจะบอกกับทางบ้านว่ายังไงดี นี่เราเหลือวันที่จะอยู่บนโลกใบนี้น้อยลงไปทุกที นับถอยหลังแล้วซินะ แล้วก็บอกกับตัวเองว่า ไม่อ่ะ ฉันไม่ยอมแพ้ ฉันจะต้องสู้ เป็นไงเป็นกัน โอเค ผ่าก็ผ่า ตัดก็ตัด ไม่เห็นจะต้องแคร์เลย ไม่ตายวันนี้ วันหน้าก็ต้องตายอยู่ดี เอาว่ะ นัดวันผ่ามาเลยค่ะคุณหมอ เมื่อไหร่ว่ามาเลย ฉันเพร้อมเสมอ ฉันมีประกัน ไม่ต้องกลัว ประกันฉันจ่ายเต็มที่ แล้วหมอก็บอกว่า " Next week " ห๋าาาาา อาทิตย์หน้าเหรอ? แผลเก่าฉันยังไม่ทันหายเลยนะ จะไปซ้ำอีกเหรอ ? แล้วหมอก็บอกว่า "ยูห่วงแผล หรือจะปล่อยให้มะเร็งมันกระจายก็ตามใจ" จ๊ากกกกกกกก อะนะ...

*********

ได้กำหนดผ่าครั้งที่2  วันที่ 22 พค.2556 นับแล้วก็ห่างกันแค่ 15 วัน  ทุกอย่าง ขั้นตอนการรักษาเหมือนครั้งแรก ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี ผ่าครั้งที่ 2 เจ็บกว่าครั้งแรกหลายพันเท่า เพราะไปซ้ำที่เดิม ผ่าที่เดิมค่ะ กรีดลงรอยเดิม เจ็บระบมแทบขาดใจ คอบวม แผลบวม พูดไม่ได้ไป 2 อาทิตย์เต็มๆ อาการแพ้ยาหลังผ่าตัดเริ่มโผล่มาทีละอย่าง

....กล้ามเนื้อกระตุก บิด เบี้ยว เวลามันบิดทีก็เจ็บที แก้มกระตุก ซ้าย กระตุกขวา ผลัดกันกระตุกทีละข้าง หัวไหล่กระตุก ปวดทรมานสุดๆ

....ปวดตามกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ส่วนใหนที่มีกล้ามเนื้อมาก ก็ปวดมาก มีน้อยก็ปวดน้อย โดยเฉพาะตรงก้นนี่ปวดกว่าที่อื่น เพราะก้นมีกล้ามเนื้อเยอะ ยืนนานก็ไม่ได้ ปวดหัวเข่า ปวดฝ่าเท้า เส้นเอ็นปลายนิ้วมือกระตุกยุกยิก

.....ผื่นขึ้นเต็มหน้า เป็นเม็ดไสๆ เหมือนอีสุกอีไส แสบๆ คันๆ เจ็บๆ

....ผิวหนัง เหี่ยว ย่นทั้งตัว หน้าตา แขน ขา สูญเสียคอลลาเจ่นไปประมาณ 30% (แก่ง่อมเลย เพราะปกติก็แก่อยู่แล้ว ยิ่งแก่เข้าไปใหญ่ 555)หนังหน้าหลุดออกเป็นแผ่นๆ ขุยๆ

..... เจ็บปวดที่ฝ่าเท้า เหมือนเดินเหยียบเข็ม เจ็บข้อเข้า ปวดตามข้อทั้งตัว

....ริมฝีปากบวม แดง ช้ำๆ เจ็บ เหมือนคนเป็นร้อนใน แต่ไม่ใช่

อาบน้ำแทบไม่อยากถูสบู่ เพราะมันเจ็บระบมไปทั้งตัวเหมือนโดนรุมกระทืบ

.....มีความรู้สึกว่า กำลังจะตายเพราะยาสลบ ไม่ได้กำลังจะตายเพราะมะเร็ง ยาตัวนี้แรงจริงๆ

*************

จากวันนั้น ถึงวันนี้ หายวันหายคืน แข็งแรงขึ้นตามลำดับ ไปพบหมอตรวจเลือด ผลการตรวจออกมาว่า "ไม่พบเซลมะเร็งในกระแสเลือด" คนไข้ไม่ต้องฉายแสง ไม่ต้องทำคีโม  เย้....ดีใจสุดๆค่ะ แต่ระดับฮอร์โมนไทรอยด์จะสูงไปนิดนึง รู้สึกว่าหัวใจเต้นโครมคราม เหงื่อแตกพลั๊กๆ อากาศหนาวๆ อ๊อดนอนไม่ต้องห่มผ้าเลย

เล่าให้หมอฟัง หมอบอกว่า ระดับไทรอยด์เราจะต้องไม่สูงจนเกินไป หรือไม่ต่ำจนเกินไป  จะต้องอยู่ในระดับที่พอดี สูงเกินไปก็จะทำให้เป็นโรคหัวใจ  ต่ำเกินไปก็จะทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน เพราะร่างกายเราจะดึงเอาแคลเซี่ยมที่เก็บสะสมไว้ออกมาใช้ จนกระดูกบาง ของอ๊อดนี้จัดอยู่ในประเภท  hyperthyroidism พวก ไฮเปอร์ไทรอยด์ทั้งหลาย กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน กินเยอะ กินจุ ไม่เหนื่อย ไม่เพลีย ผอม การรักษาค่อนข้างใช้เวลานานพอสมควร (เป็นไปตามสะเต็ป) กว่าจะได้ผ่าก็เป็นปีเหมือนกัน ส่วนการรักษานั้นสูงพอสมควรค่ะ ครั้งละ $35,000 เหรียญสหรัฐ สองครั้งก็ $70,000 เหรียญสหรัฐ ตีเป็นเป็นเงินไทยก็ประมาณ 2.1 ล้านบาท แต่ดีว่ามีประกันค่ะ ประกันจ่าย เลยสบายไป ถ้าไม่มีประกัน ยังนึกไม่ออกเลยค่ะว่าจะไปหาเงินที่ใหนมารักษาตัวเอง ขอให้เพื่อนๆรักษาสุขภาพด้วยค่ะ อย่าคิดว่ามันไม่มีอะไร คิดซะว่า เจอก่อนเราก็ฆ่ามันก่อน กำจัดมันก่อน ก่อนที่มันจะมากำจัดเรา

ตอนนี้อ๊อดก็ได้ยาไทรอยด์ตัวใหม่มาทานแล้วค่ะ ซึ้งดีกว่าอันเก่าเยอะมาก รู้สึกแข็งแรงเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนไม่ได้ขาดไทรอยด์ไปแม้แต่ข้างเดียว

เพื่อยืนยันว่า แข็งแรงจริงๆค่ะ ดูได้จากภาพนะค่ะ

*********

หากเพื่อนๆคนใหนที่ไม่แน่ใจ อย่านิ่งนอนใจ รีบไปพบแพทย์ ตรวจรักษาแต่เนิ่นๆ จะได้รู้ทันโรค รักษาทันท่วงทีนะค่ะ คุณจะได้เป็นผู้โชคดีเหมือนอ๊อด ตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนนิสัยการกินเสียใหม่ งดเนื้อสัตว์ที่อาจจะเป็นสาเหตุไปหล่อเลี้ยงเซลมะเร็ง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ไก่ ปู กุ้ง ของหมักดองทุกชนิด เนื้อสัตว์พวกนี้ ย่อยยาก เมื่อกินเข้าไปแล้วย่อยไม่หมด ก็จะบูดเน่าในลำไส้ ตกค้างในกระเพาะ เป็นแหล่งอาหารของมะเร็ง ทำให้มะเร็งดูดไปเลี้ยงเซลให้เติบโต เพราะฉนั้นตอนนี้รู้แล้วว่า ในร่างกายของตัวเองมีเซลมะเร็งอยู่เกินกว่า 50% จะกินอะไรก็ต้องระวังกว่าคนอื่นๆ เครื่องดื่มที่มีแอลกอร์ฮอทุกชนิดงดดื่มแล้วค่ะ ตอนนี้อ๊อดทานมังสวิรัตซะส่วนใหญ่ หากต้องไปพบปะ สังสรรค์กับเพื่อน อ๊อดก็จะทานปลา แต่ทานนิดหน่อยค่ะ ทานไม่เยอะ ออกกำลังกายเป็นประจำ ทำจิตใจให้แจ่มไส ไม่เครียด เพียงเท่านี้ก็น่าจะพอแล้วนะค่ะสำหรับชีวิตนี้ที่ยังเหลืออยู่ ขอขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณบ้านสวนฯสำหรับพื้นที่แห่งนี้

*********** 

 สำหรับทานผู้อ่านท่านใดที่ต้องการติดต่อสอบถาม

เป็นการส่วนตัวเรื่องยา เรื่องการรักษา การดูแลสุขภาพต่างๆหลังการผ่าตัด สามารถติดต่อสอบถาม แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันโดยตรง คุยกันทางไลน์ได้ค่ะ ไลน์ไอดี :poddzy

 ปล. สำหรับท่านใดที่เคยแอดไลน์มาแล้ว หลุดไป ก็สามารถแอดกลับมาใหม่โดยใช้ชื่อเดิมนี้ค่ะ ไม่ได้เปลี่ยนชื่อใหม่ บางครั้งอาจมีการปิดบัญชีเดิมทิ้งไปเพราะโฆษณาเยอะ แต่จะเปิดบัญชีใหม่โดยใช้ชื่อเดิม 

 

ความเห็น

โชคดีที่เจอเร็วนะคะ หลายคนกว่าจะนัดคิวหมอได้ รักษาเฉพาะทางได้ก็ลุกลามไปเยอะแล้ว

ขอให้หายวันหายคืนนะคะ รักษาสุขภาพมากๆ

""

 

ของพี่นี่ถือว่าเร็วแล้วนะ ที่นี่ดูประกันก่อน ถ้าประกันชั้น 1 จะเร็วมาก ถ้าประกันไม่ค่อยดีก็โอ้เอ้ รอนาน

ขอบคุณมากค่ะ

โล่งอกเลยแหละ วันก่อนโทรถามยายเกตเลยว่าน้องสาวหายไปไหน น้องเกตบอกอ๊อดสบายดีแล้วไปบ้านน้องชายแฟน ยินดีด้วยนะกับความโชคดีของน้อง

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..

 

ตอนนี้พูดได้ปร๋อออแล้วค่ะ ไว้ว่างๆจะโทรหานะพี่ชาย เดี่ยวจะให้ฟังเสียงเซ็กซี่อีกครั้ง 55555

ขอแสดงความดีใจกับพี่อ็อตด้วยครับ ที่ผ่านพ้น ปัญหาสุขภาพชีวิตมาได้เป็นอย่างดี อ่านไปลุ้นไป พอทราบว่าตรวจไม่เจอ มะเร็งแล้วก็ดีใจด้วย ขอบคุณสำหรับข้อมูลเรื่องดูแลสุขภาพครับเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านมาก ที่นี่โชคดีหน่อยเรื่องระบบการแพทย์พื้นฐาน เขาจะมีระบบรักษาพยาบาลฟรี ผ่าตัดเล็ก รอนานหน่อย ผ่าตัดใหญ่จะไม่รอคิวนาน แต่ระบบการตรวจผล ต้องรอคิวนานเหมือนกัน คนที่นี่ไม่ทำประกันสุขภาพกับเอกชนก็ยังได้ เพราะ ค่ารักษาพยาบาล ที่โรงบาลรัฐ รัฐจะจัดการให้หมดครับ ใครที่ทำประกันกับเอกชน เวลาผ่าตัดเล็ก ก็จะลัดคิวให้ก่อน และใช้บริการโรงพยาบาลเอกชนได้ เจ้กับผมก็ทำ ประกันสุขภาพเพิ่มครับ เพราะเอาค่าประกันสุขภาพไปลดย่อนภาษี ได้อีก ได้ลดย่อนไม่มากนะครับ แต่ก็ยังดีหน่อย เวลาที่เราเจ็บป่วยแล้วยังต้องห่วงเรื่องเงินนี่ ไม่ดีเลย พี่อ็อตและครอบครัวรอบครอบมากเรื่องประกันสุขภาพครับ ผมยอมรับเลย พี่สุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆ น้องก็ดีใจด้วยครับ แล้วคุยกันอีกครับ

เป็นไงมั่งน้องไม่ได้เข้ามาคุยกันซะนาน สบายดีนะ (มือไหร่จะมีน้อง) ตอนนี้ก็แค่โล่งใจไปได้เปราะนึงที่เซลมะเร็งยังไม่กระจาย แต่พี่ก็ต้องระวังไม่ให้เครียด เพราะถ้าเครียดปั๊บมันจะมายึดพื้นที่ทันที ต้องอย่าเครียดเด็ดขาด แล้วก็ต้องเฝ้าระวังมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งๆอื่นๆอีกมากมาย เพราะมันมีเชื้ออยู่แล้ว มันจะปรากฏขึ้นมาตอนใหนนั้น ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับเรา ว่าจะดูแลรักษาตัวเองได้ดีแค่ใหน

โชคดีที่เจอเร็ว เป็นเพราะคุณอ๊อดใส่ใจสุขภาพของตัวเอง

จาก ปจด.หยดเดียวก็หาโรคจนเจอ

พ้นโรค พ้นทุกข์แล้วค่ะ

อ๊อดเป็นคนชั่งสังเกตุตัวเองค่ะ เพราะปกติแล้วเป็นที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วยอะไรง่ายๆ ครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ 

หน้า