เดินป่าเลาะลำน้ำ เป็นคนหามของให้เจ้

หมวดหมู่ของบล็อก: 

มีโอกาศได้ไปเดินเที่ยวในเขตภูเขากับครอบครัวของ เจ้เจ้าของบ้านครับ เมื่อช่วงต้นปี ป่าในเขตนี้เปิดให้เดินได้แค่ในช่วงที่หิมะละลายแล้วครับ เดินเลาะกันไปกับครอบครัวของเจ้เขาครับ คุณแม่เจ้เขานั้น ทราบเรื่องต้นไม้ป่าเยอะมากท่านก็ชี้ชวนให้ดูไปเรื่อยครับ ป่าสงวนผมเก็บของป่าไม่ได้ได้แต่ดูอย่างเดียว แต่เขามีส่วนที่เป็นป่าชุมชนหาของป่าได้อีกส่วน ผมเที่ยวดูให้รู้เห็นเป็นความรู้ครับ เขียนบล็อกไว้ได้ผูดคุยกัน

เดินป่าที่นี่นั้น ต้องจอดรถไว้ที่ตีนเขาห่างจากจุดเริ่มเดินเท้าเข้าป่าสงวนประมาณสิบกิโล จอดรถแล้วจากนั้นต้องนั่งรถที่ทานอุทยานเขาจัดไว้ให้ หรือจะนั่ง แท็กซี่ก็ได้ตามกำลังเงิน เขาจะเอาไปส่งที่จุดเริ่มเดินเท้าเข้าป่า เราเดินนานแค่ไหนแล้วแต่เส้นทาง และเวลาหยุดพักในแต่ละจุดนานแค่ไหน เส้นทางที่เดินมีให้เลือกสิบถึงยี่สิบกิโล ครอบครัวผมก็ไม่ทราบเดินไปกันกี่กิโลใช้เวลาเดินไป สามชั่วโมงได้ ครับ เก็บภาพมาเยอะเลย ด้วยความที่ผมไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยว ป่าเมืองหนาวแบบนี้บ่อยๆ ต้นไม้ใบหญ้าที่ผมไม่เคยเห็นมีมากมาย บางอย่างก็เคยเห็นแต่ในหนังสือ หรือ ตามหน้าโทรทัศน์ พอได้เห็นต้นจริงๆ ได้สัมพ้สจริงต้องถ่ายภาพเก็บมาดูต่ออีก ไปเที่ยวแบบนี้ ชอบมากครับ

อากาศดี เดินสบาย ปีป้ายบอกทางตลอด หินมะเริ่มละลาย จะหมดแล้วแต่ก็ยังพอมีอยู่

ดูไม่สวยแล้วครับ หิมะ แต่ก็พอทราบได้ ว่าความหนาของชั้นหิมะ แถวนี้ไม่เบาเลยครับ นี่ขนาดละลายจะหมดแล้ว

ด้านบนเป็นหนองน้ำที่เชื่อมต่อกับลำน้ำครับเดินเลาะหนองน้ำนี่ไป ก็ถึงชายน้ำแล้วครับ

ไม่มีทรายครับ เป็นหินภูเขา น้ำไหลเชี่ยว และเย็นมากครับ

ดูแล้วน้ำไม่น่าจะลึกครับ ผมกะว่าจะลงไปดูว่ามีกุ้งหอยปูปลา อะไร หรือ เปล่า เจ้ของผมดักคอไว้ก่อนเลยว่าห้ามลงน้ำ

น้ำเย็นมากครับ อั้นนี้ได้เตะน้ำมาแล้ว ตอนเจ้ เขาหันหลัง 

เดินไปไม่เหนื่อยครับ เลาะไปเรื่อยๆ อากาศดี ที่เห็นนั้นเป็นที่พักครับ ใครไม่มีคนหาบของแบบเจ้ของผมเขา ก็เอาติดรถของทางอุทยานที่นั่งมาลงตอนแรกขึ้นมาจนถึงจุดนี้ได้ ที่บ้านเจ้เขาไม่ได้พักที่นี่นะครับ เพราะไม่มีบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ 

เจ้กับคุณแม่ยายของผมนั้น เห็นร้านขายของที่ละลึก รีบเดินนำไปก่อนเลยครับ โชคดีของผม ที่ตรงจุดที่เป็นร้านขายของที่ระลึกนั้น เป็นจุดที่มีรถรับส่ง รับเรากลับไปยังลานจอดรถ ที่ตีนเขาครับได้ สรุปนะครับ เดินป่าขึ้นเขากันอย่างเดียวไม่ต้องเดินกลับไปยังจุดเริ่มต้นเดินเท้านะครับ ผมนั้นดีใจมากๆ ที่เขาไม่มีร้านขายของฝากตั้งแต่จุดเริ่มเดินเท้า ไม่งั้นผมเดินแบกแย่เลยครับ ไปกับครอบครัวเจ้เขาแล้วเราก็มีความสุข เดินธรรมชาติแบบนี้สบายใจมากๆ ครอบครัวเจ้เขาก็ติดดินไม่ยุ่งยาก ไปไหนก็ง่ายๆ ธรรมชาติที่บ้านเมืองของเจ้นั้นผมเองก็นึกไม่ถึงว่ายังมีเขตที่เขาอนุรักษไว้ได้สมบูรณ์แบบนี้ ลงเครื่องบินมาก็เห็นแต่ตึกสูงๆ ผู้คนแออัดในเมืองและตามแหล่งท่องเที่ยวดังๆก็ผู้คนมากมาย นั่งรถไปไหน ก็เห็นแต่โรงงานน้อยใหญ่ มีโอกาศได้เห็นธรรมชาติแบบนี้ ชื่นใจดีมากครับที่เขายังมีสภาพป่าสมบูรณ์ไว้ให้ลูกหลานเขาชม ผมยังมีภาพเดินป่าชุดนี้อีกส่วนหนึ่ง ถ้ามีคนสนใจ ผมจะเขียนต่อไปครับ

แล้วเจอกันในบล็อกต่อไปครับ

ผมตุ้ยคนสวน กับ ครอบครัวเจ้เจ้าของบ้าน

 

 

 

ความเห็น

อ่านตามพี่ตุ้ยแล้วเหมือนได้ไปเดินด้วยเลยค่ะ อากาศคงสดชื่นมาก ๆ เลย

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

สวัสดีครับน้องอารีย์ดีใจที่ชอบครับ อากาศสบายมากๆ เดินเพลินเลยครับ

ได้มีโอกาสเที่ยวและสำผัสธรรมชาติที่แปลกแตกต่างกันออกไป--หาได้ยากนะคะน้องตุ้ย--น้ำ-น่ากระโดดจริงๆอย่างน้องตุ้ยว่า--แต่ตะคริวต้องรับประทานแน่ๆ จ้า--ยินดีด้วยจ้า ได้เดินป่ากับครอบครับ เจ้เจ้าของสวน--

สวัสดีครับพี่บัวริม เห็นภาพใหม่พี่บัวริม ดูอ่อนวัยมากครับ ผมไปเดินป่าที่นี่ก็ไปกันกับเจ้ไม่มีต้นไม้อะไรมาก นะครับไเขตอากาศแบบนี้มีอะไรให้เห็นเยอะเลย น้ำเย็นแบบนี้ ปลาทานอร่อยครับ ก้างนิ่มทานง่ายมากๆ ได้ทานปลาท้องถิ่นแล้วยังติดใจไม่หาย ครับ ไปบ้านเจ้ที่ไร หากินแต่ปลา ครับ

วิวสวยมากค่ะ    ญี่ปุ่นมีสถานที่สวยๆแบบนี้เยอะนะคะ ...ประเทศเค้ามีระเบียบดี ขอบคุณค่ะคุณตุ้ย รอชมบล็อกต่อไปค่ะ

   พออยู่ พอกิน พอใช้ พอใจ = พอเพียง

สวัสดีครับพี่แหม่ม ดีใจที่ชอบครับ ผมเพิ่งเคยไปเขตป่าเขาก็ครั้งนี่นะครับ ถูกใจมากๆ ไม่นึกว่าเขาจะมีธรรมชาติ เหลืออยู่มาก แบบนี้ น้ำก็ดีครับ ไปเขตนี้น้ำเยอะมากๆ น้ำสะอาดและ อร่อยด้วยครับ

น่าเดินมากค่ะ ตอน  Autumn สีใบไม้คงจะสวยมากนะน้องตุ้ย ญี่ปุ่นเป็นอีกแห่งที่พี่อยากไปปั่นจักรยานเที่ยว

สวัสดีครับพี่อ้อย ช่วงใบไม้ร่วงที่นั้น ผมงานยุ่งตลอด ไม่มีโอกาศได้ไปเที่ยวเลยครับ แต่ต้องสวยแน่ๆ ผมเห็นเอาแต่ในภาพครับ ยังไงเอาใจช่วยให้พี่ได้ไปเที่ยวไวไว ครับ ผมชอบทานปลาที่ญี่ปุ่นครับ อร่อยดี

ขอบคุณ ครับป้าเล็ก หินไม่ค่อย หยาบนะครับ หินเรียบๆ

หน้า