สงกรานต์ปีนี้ที่สุพรรณบ้านฉัน

หมวดหมู่ของบล็อก: 

_/l\_ สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ บ้านสวนคะ สงกรานต์ปีนี้ นุสิได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านหลังจากที่ไม่ได้กลับไปนาน บ้านที่สุพรรณ เป็นบ้านญาติทางแม่ค่ะ กลับมาคราวนี้ บ้านเปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่คุณตาเสียก็ไม่มีใครดูแลต้นไม้ที่ปลูกไว้โดยรอบอีกเลย

สมัยที่คุณตายังอยู่ บ้านยังเป็นแค่กระต้อบเล็กๆ หลังคามุงจาก มีผลไม้มะม่วงหลายสายพันธุ์ปลูกไว้โดยรอบ และยังมีต้นมะขามต้นเก่าแก่ใหญ่มาก ต้องใช้หลายคนโอบเลยทีเดียว และมีน้อยหน่า และต้นไผ่ให้ความร่มรื่นกอใหญ่หลายกอ

     จำได้ว่า สมัยเด็กๆ ขณะนั้น ไฟยังเข้าไม่ถึง บ้านตายากจนมาก บ้านตาอยู่เชิงเขา ติดกับวัดเขาพระ อ.เดิมบางนางบวชตอนกลางคืนเราใช้ตะเกียงในการนำทาง เดินไปเดินมาระหว่างตัวบ้าน เราเกิดและโตที่กรุงเทพฯ วันสงกรานต์ก็จะได้กลับบ้านซักครั้งหนึ่ง ไม่ชินกับความมืดที่นี่ พอตกกลางคืน 1- 2 ทุ่มทุกคนก็จะเข้านอนกันหมด บรรยากาศเงียบเหงา แต่ก่อนนอน ตาก็จะนั่งเป่าปี่เพลงอะไรไม่ทราบทุกคืน ไพเราะจับหัวใจ ให้พวกเราฟัง ฉันนั่งฟังไปพลางตบยุงไป ไม่นานก็ต้องแยกย้ายกันเข้านอน

     ในตอนกลางคืน ขณะที่่ทุกคนกำลังเคลิ้มหลับ จะมีเสียงมะม่วงที่ขั้วเหลืองเต็มที ตกลงมาใส่หลังคาสังกะสีบ้านข้างๆ คืนละหลายๆ ครั้งพี่สาวแม่ซึ่งอยู่กับแม่ใหญ่ ซึ่งปลูกเรือนอยู่ข้างๆ ตา ยาย จะรีบกุลีกุจอ หยิบตะเกียงส่องไฟเพื่อหาจุดที่มะม่วงตกลงมา แทบเเย่งกันเลยทีเดียว เพราะใครหาเจอได้ก่อนก็จะเป็นของบ้านนั้น ในขณะนั้น ตามีภรรยา 2 คน เพราะเหตุนี้เอง พอทุกครั้งที่มะม่วงหล่นลงมา จะมีศึกชิงมะม่วงทุกครั้ง   มะม่วงที่ได้มาก็จะเอามากวนตากแห้ง เป็นมะม่วงแผ่น อร่อยมาก

     ที่สุพรรณบ้านฉัน ไม่มีห้องน้ำ พอจะเข้าห้องน้ำแต่ละที ก็ต้องขึ้นไปบนเขา ตอนกลางวันไม่เท่าไหร่ แต่ตอนกลางคืนนี่สิ แสนทรมาน   หากปวดท้องเมื่อไหร่ ต้องสะกิดคนที่นอนข้างๆ ให้เดินขึ้นเขาไปเป็นเพื่อนกัน เรากับพี่สาวต่างคนต่างก็กลัวผี คนอื่นก็ง่วงนอน กลางคืนบรรยากาศหนาวๆ ไม่ค่อยมีใครอยากลุกออกจากที่นอน มีบางคืนไม่มีใครไปด้วย ก็ต้องตัดใจเดินขึ้นเขาไปโดยลำพังคนเดียว เดินไปใจสั่นไป เพราะเงียบและมืดมาก เราเองก็กลัวผีเป็นที่สุด เราขณะนั้นมีอายุเพียง 6 ขวบ

สมัยนั้นทิชชู่ไม่มี น้ำขันที่ตักไปก็เล็กเหลือเกิน พอไม่พอใช้ก็ต้องเปลี่ยนเป็นใบไม้ บางทีจังหวะหย่อนก้นลงไป เจอที่มีเจ้าของ กองของใครไม่อาจทราบ ยกก้นย้ายแทบไม่ทัน นึกย้อนไปแล้วก็อดขำไม่ได้

     ย้อนกลับมาที่ปัจจุบันกันดีกว่านะคะ ภาพนี้เป็นบรรยากาศรอบๆบ้าน หลังจากที่คุณตาเสียไป ทุกอย่างก็เสื่อมโทรมลง เพราะคนที่อยู่ ไม่ใส่ใจกับการปลูกอะไรอีกแล้ว ผลผลิตที่เกิดมาให้ลูกหลานได้ทานกันเมื่อครั้งคุณตายังอยู่ เป็นฝีมือคุณตาทั้งสิ้น แต่สงกรานต์ปีนี้กลับบ้าน นึกอยากกินมะม่วง พี่สาวแม่กลับต้องขี่มอร์เตอร์ไซด์ไปตลาดออกไปหาซื้อมาให้ ต้นมะม่วงที่ยังมีชีวิตอยู่ก็แก่เกินกว่าที่จะออกผลผลิตให้เราได้อีก  ฉันรู้สึกคิดถึงคุณตาเหลือเกิน

กองไม้ข้างหน้าที่เห็นในภาพนี้ เมื่อก่อนเป็นจุดที่เราใช้นุ่งผ้าถุงอาบน้ำกัน ไม่มีกำแพง มีดอกมะลิซ้อนปลูกล้อมรอบกั้นเป็นแนวเขต

ตั้งแต่เข้าเวปบ้านสวนเมื่อ 2 ปีก่อน ก็เริ่มเกิดแรงบันดาลใจ อยากปลูกผักและไม้ผล ตอนนั้นฉันบอกกับแม่ว่า หากกลับบ้านสงกรานต์คราวหน้า จะไปปลูกต้นไม้และให้น้าสาวดูแล แต่แม่ฉันบอกว่า อย่าไปปลูกเลย ที่ดินที่บ้านเรามีแต่หิน เพราะอยู่เชิงเขา ฉันย้อนนึกถึงพื้นดินตรงนั้น ก็รู้สึกว่าจริง มันมีแต่หิน จึงบอกแม่ไปว่า ได้ไปอบรมที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติสองสลึง จ.ระยอง เขาสอนว่า หากที่มีแต่หินให้ปลูกหญ้าแฝก เพราะมันจะช่วยระบายอากาศในดิน ทำให้ดินโปร่ง ดินจะมีการระบายน้ำดีขึ้น

      แต่สุดท้ายฉันก็ยังไม่ได้ลงมือทำเพราะ ไม่รู้จะไปหาหญ้าแฝกจากที่ไหน และที่สำคัญ หากปลูกไป อาจจะเสียเปล่า เพราะไม่มีคนช่วยดูแลให้

สงกรานต์ปีนี้ ฉันกลับมาบ้าน เห็นจอบวางอยู่เลยนึกลองเอาจอบมาขุดดินพิสูจน์ดูอีกซักครั้ง อยากเห็นสภาพดินว่าเป็นยังงัย และฉันก็ได้เห็น ดินของฉันไม่ได้มีหินเยอะแยะมากมายอีกแล้ว เพราะพื้นดินนี้ มีซากต้นไม่ใบไม้ตาย ทับถมกันมายาวนาน สภาพดินร่วนน่าเพาะปลูกมาก

ปีนี้ทั้งร้อนทั้งฝนตก กิ้งกือเดินสวนสนามให้ว่อนเลย เรากลัวสุดๆ เดินไปไหนเจอแต่กิ้งกือ ดูแข็งแรงเชียว อึ๋ยยยย สยองงงงYell

ทางเดินขึ้นเขา จากจุดนี้ห่างจากหน้าบ้านประมาณ 10 เมตร มีถนนกั้น เมื่อก่อนไม่มีเหล็กกั้นให้แบบนี้นะคะ เส้นทางบันไดคดเคี้ยว หากยืนอยู่จุดสูงสุดบนยอดเขา จะสามารถเห็นได้ไกลถึงเขาใหญ่เลยทีเดียว

บริเวณหลังบ้าน....

อันนี้ต้องอวด พี่เขยบอกหายากแล้ว Laughing

มากินข้าวเช้ากันก่อนออกเดินทางนะคะ เมนูนี้ คนสุพรรณ เรียก ปลาร้าทับทิมทอดดดดดด

วันนี้เป็นวันแรกที่เราได้กินผักกูดผัดน้ำมันหอย ไม่มีใครชอบซักคนบอกว่า แหยะๆ แต่เราชอบ แปลกดี

พอทานอาหารเช้ากันเสร็จก็เดินทางไปวัดเขาพระค่ะ ซึ่งอยู่ใกล้กับวัดท่าช้าง แต่เเม่เลือกมาวัดนี้ เพราะใกล้บ้านที่สุด ไปถึงก็เตรียมอาหารผูกปิ่นโต นำไปทำบุญที่วัด กุฏิเรือนไม้เปลี่ยนไปเป็นเรือนปูน เห็นแล้วรู้สึกเสียดายมาก เพราะชอบแบบเดิมมากกว่าที่ดูแล้วไทยๆ ดี เรือนไม้ทั้งหลังผู้คนหลั่งไหลมาทำบุญแบบมืดฟ้ามัวดิน แต่บรรยากาศตอนนี้ที่นี่ ชักจะเหมือนกรุงเทพฯเข้าไปทุกที

พอพระฉันเสร็จ แต่ละครอบครัวต่างก็เอากับข้าวที่ถวายนั้นกลับไปทานต่อที่บ้าน แต่หากเป็นเมื่อก่อน เราจะได้เห็นคนเฒ่า คนแก่ที่นี่ ต่างก็จะนั่งล้อมวงกินอาหาร่วมกันทีนี่เลย วงไหนมีอะไร อยากกินอะไร ก็ขอแบ่งกันไปกินในวงของตัวเอง บรรยากาศไทยๆ อบอุ่นมาก

บรรยากาศข้างนอกมีการบวชนากกัน 4-5 รูป เครื่องเสียงดังมาก มีการเต้นรำนำขบวน

ญาติใครไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่ใช่ญาติเรา แต่ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย

ช่วยด้วยยยย โดนแย่งซีน

รำวงรอบแรกได้มาเท่านี้...

ผลงานเรา 70% ที่เหลือ ของคนอื่น Laughing

นุสิตา ขอจบทริปวันสงกรานต์ปี 57 จ.สุพรรณบุรี ไว้เพียงเท่านี้นะคะ

ขอบคุณเพื่อนๆ ที่เเวะเข้ามาเยี่ยมชมแม่ค้าขี้โม้ และขอขอบคุณเวปบ้านสวนที่ให้พื้นที่ในการแบ่งปันความสนุกสนานสำหรับวันนี้ค่ะ สวัสดีค่ะ _/l\_

 

 

ความเห็น

อยากจะเนรมิตให้มันเขียวเหมือนเพื่อนๆ เหมือนกัน ซักวันนะ..Laughing

น้องนุสิ-ปลูกไว้เลยค่ะ--ให้เทวดาเลี้ยง(แบบพี่)ถ้ารอดก็ถือว่าโชคดี--ก็หาเวลาไปบ่อยๆ ไปรดน้ำ ให้ปุ๋ย--ดีกว่าทิ้งไว้

ช่วงนี้ทั้งร้อนทั้งฝน แถมกิ้งกือเดินเพ่นพ่านเพียบ น่าปลูกมากเลย ปลูกทิ้งไว้เป็นกล้าแล้วให้เทวดาเลี้ยง อย่างที่พี่วา ท่าจะดี ไปถึงที่โน่นยังเสียดายอยู่ ไม่ได้เอาต้นกล้าไปด้วย คราวหน้าต้องเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ และวานให้น้าสาวช่วยดูแลให้ คอยระวังให้อยู่ห่างๆ ไก่

 ฟังนุสิเล่าอดีตที่ควรจดจำแล้ว ผมสรุปเอาเองว่าไม่ว่าที่ไหน ๆ การพัฒนาและจุดเริ่มต้นไม่ได้แตกต่างกันเลย แต่บรรยากาสของญาติมิตรอบอุ่นมากครับ

 การทำงานต้องรู้จริงทำจริงจึงประสบกับความสำเร็จ

การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา หลายปีผ่านไปไม่เปลี่ยนสิเรื่องแปลก แต่ยังงัยก็อดใจหายไม่ได้อยู่ดี เพราะเป็นคนชอบของเดิมๆ ค่ะ ออกจะหัวเก่าเล็กน้อยด้วยสิ Laughing

บริเวณบ้านของโสภาเอง ยังมีกลิ่นอายเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำที่หลาน ๆ ยังใช้ตักอาบอยู่จนปัจจุบัน  ห้องส้วม ที่อยู่ห่างจากตัวบ้านมาก และยังมีต้นไม้ ผลไม้ที่เมื่อครั้งตา ยายได้ปลูกไว้ ที่บ้านยังอนุรักษ์ไว้หลายต้น แต่เราจะไปเก็บกินให้ได้ดั่งใจเหมือนยังเป็นเด็กไม่ได้ เมื่อมีการแบ่งปันอาณาเขตกันแล้ว 

เพราะชีวิต...คนเรา    เกิดมา....ไม่นาน ก็ต้องตาย
ต้องกลายเป็นความว่างเปล่า
Cr. เ่ท่าที่มี - กางเกง

นุสิชอบฟังเรื่องเล่าในวัยเยาว์นะคะ โดยเฉพาะคนที่อยู่ต่างจังหวัด จะน่าสนใจสนุกน่าฟังมาก คุณบีหากมีเรื่องอะไร เอามาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ ในบ้านสวน มีคนเขียนแนวนี้ไม่กี่คน

ดินดีน่าปลูกต้นไม้จังเลยนะครับ ผมอยู่กรุงเทพเป็นที่ต่ำต้องซื้อดินมาถม ตอนตกลงกันว่าเอาหน้าดินแต่พอถมไปสัก 5-6 คันก็จะเอาดินชั้นล่างมาให้ ใครจะถมดินให้คุยกันก่อนให้ดีนะครับ ตอนนี้เลยต้องใช้ขี้วัวใส่แยะหน่อย ถ้าต้นไม้งามจะถ่ายรูปมาลงดูกัน

ได้ยินว่าจ้างถมดินต้องใช้เงินมาก มันผิดข้อตกลง ปัญหาใหญ่เลย ขอบคุณที่นำประสบการณ์มาเล่าให้ฟังค่ะ


ที่ๆ สุพรรณนี้ หากมีคนช่วยดูแลให้ ก็จะเอาต้นไม้ที่เพาะไว้เป็นต้นกล้าจากกรุงเทพไปลง แต่คงลงแต่ไม้ผล ตอนนี้ก็กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังงัย เพราะไม่มีคนดูแลให้จริงๆ หรืออาจจะปลูกแบบให้เทวดาเลี้ยง

  ไม่บอกคนบ้านเดียวกัน ไปด้วยกันมาด้วยกันเลือดสุพรรณ เอ๋ย

พอเพียงเพื่อเพียงพอ


jabee_68@hotmail.co.th

หน้า