จากวิถีชีวิตที่แปรเปลี่ยนไป ถึง พึ่งพาตนเอง
(เช้าๆ ในไร่ ตัดไม้ฟืนสั้นๆ แล้วผ่าครึ่ง เอาไว้ก่อไฟใส่เตาชีวมวล เพื่อต้มน้ำร้อนชงกาแฟครับ)
...
ต่อยอดความคิด จากการได้อ่าน "วิถีชีวิตที่แปรเปลี่ยนไป.." สู่การพึ่งพาตนเอง
"พึ่งพาตนเอง" ทางพระท่านว่า "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ" ฟัง เรียน กันมาตั้งแต่เด็กจนโตเข้าชรา
แต่ใครจักล้วงลึกนึกถึง ดึงกำนำเอามาใช้กันได้ในวิถีแห่งชีวิตจริงกันสักกี่มากน้อย
สังคมไทยส่วนใหญ่ยังแก้ปัญหาหลายสิ่งไม่ได้ เช่น...
ซื้อหวยใต้ดิน หวยรัฐบาล หวังพึ่งโชค ดวง ผลตอบแทน แบบรวยทางลัด
บูชาดวง ราหู การทรงเจ้า โดยหวังความสุข ความเจริญต่อชีวิตและครอบครัว
ติด หรือเสียบกองผ้าป่า กองกฐิน หวังพึ่งโชค บุญตอบสนองเร็วทันตาเห็น ทำหลักสิบ ร้อย หวังหลักแสน ล้าน
เกษตรกรเป็นหนี้สิน เพราะคิดเหมือนกัน คือ กู้ ใช้ ซื้อ เมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยา หวังสะดวกสบายโดยไม่คิดผลิตเอง
ชุมชน แตกแยก เป็นฝักฝ่าย ชาวบ้านพึ่งผู้นำ(ของใครของมัน)รวมถึงผู้นำส่วนกลาง หวังทรัพย์สินที่ช่วยตน
ชุมชน เป็นหนี้สินล้นพ้น เพราะชาวบ้านพึ่ง ตลาดการเงิน หวังธนาคาร สหกรณ์ฯ กองทุน และเงินกู้นอกระบบ
ชาวไทยและเกษตรกร ส่วนใหญ่ หวังพึ่งรัฐช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างให้ ราคาสินค้าที่นับวันจะตกต่ำ หรือแม้กระทั่งหนี้สินที่ตนเองเป็นผู้ผูก หรือก่อขึ้น ..จากหลัก "ตนยืม ตนใช้" เป็น "ตนยืม รัฐใช้" ...เอ๊ะ..ยังไง
ตัวอย่างดังกล่าวมา ชี้ให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มองออกไปทางด้านนอกตัวเองกันหมด คือ...
หวังพึ่งสิ่งอื่น ผู้อื่น องค์กรอื่น เพื่อให้สะท้อนย้อนกลับมาช่วยเหลือตน ให้ตนได้พึ่งพาอาศัย ให้ตนอิงอาศัย
โดยลืมหลักการพึ่งพาตนเองอย่างถูกต้อง สมเหตุสมผล
พูดให้ง่ายก็คือ หวังรวยกันโดยไม่สมเหตุสมผล นั่นเอง
ต้องหันกลับมามองที่ภายในตน เช่น...
ตัวตน ครอบครัวตน บ้านตน ฐานะตน สมบัติตน ที่อยู่ตน ที่ดินตน อาชีพตน ชุมชนตน ท้องถิ่นตน
รวมๆ กันแล้วก็คือ "ความรู้ของตนที่ไม่ห่างจากตน" นั่นเอง
เสร็จแล้วก็นำมาวิเคราะห์ เป็นพื้นฐานของการพัฒนา ศึกษา เรียนรู้(ปริยัติ) นำสู่การปฏิบัติหรือลงมือทำอย่างจริงจัง(ปฏิบัติ-ทำ)
หากไม่ทำอย่างจริงจัง ก็ยากที่จะประสบความสำเร็จหรือเป็นอิสระ(ปฏิเวธ-ผลตอบแทน)ได้
เกษตรกรที่อยากหลุดพ้นปัญหาเดิม ๆ ซ้ำซากดังกล่าวได้ ต้องอดทน เข้มแข็ง มีจุดยืนทั้งกายและใจ
มองตนเองให้ออก บอกตนเองให้ได้ ขยายความรู้ มุ่งสู่การพัฒนา สามารถรอผลผลิตที่จะออกสู่สายตาได้
การรวยแบบทางลัดและการรอช่วยเหลือจากรัฐ ไม่ใช่การพึ่งพาตนเอง
"การพึ่งพาตนเอง" มีเหตุมีผลและระยะเวลารองรับ
เปรียบดั่งต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุการให้ผล ไม่ใช่ปลูกวันสองวันก็มีลูกโตเต็มต้นเก็บเกี่ยวได้แล้ว
การพึ่งพาตนเอง ต้องใช้ทั้งความรู้ มันสมอง ความอดทน มุ่งมั่นฟันฝ่า ตั้งหน้าทำไปสู่ภาพฝันที่วางไว้ให้จงได้...
แม้ตัวตนพี่หนานเอง ก็พยายามดั่งที่เขียนมา เช่นกัน...
เขียนไปบ่นไป ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว ครับผม
...
"พี่หนาน"
11/3/2559
- บล็อกของ พี่หนาน
- อ่าน 6989 ครั้ง
ความเห็น
TuayFoo
16 มีนาคม, 2016 - 15:11
Permalink
Re: จากวิถีชีวิตที่แปรเปลี่ยนไป ถึง พึ่งพาตนเอง
ดูจากบล็อกพี่หนาน พี่นี่ขยันมาก ๆ เลยนะครับ นับถือจริง ๆ
ไร่สุโขทัยนี้ดี ไร่นี้มีแต่ความสุข
พี่หนาน
21 มีนาคม, 2016 - 12:38
Permalink
Re: จากวิถีชีวิตที่แปรเปลี่ยนไป ถึง พึ่งพาตนเอง
สวัสดีครับคุณ Tuay Foo
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่มีให้มาตลอด
และขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านบล็อกของผม
พร้อมกับกำลังใจที่มอบให้มาตลอด
ไม่ใช่คนขยันอะไรหรอกครับ เป็นคนใจเย็นมากกก
คนข้างๆ ต้องคอยกระตุ้นตลอดเวลา
เวลาทำอะไรก็จะทำไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักนิดหน่อย
หายเหนื่อยก็ทำต่อ คิดต่อ วางแผนต่อไปเรื่อยๆ
พักนานไม่ได้ เพราะกลางวันของผมจะมีค่ามากกว่ากลางคืนครับ
ปกติวันธรรมดาก็เปิดร้านค้าขาย วันเสาร์อาทิตย์หรือวันที่มีงานทำก็จะจ้างเขาเฝ้าร้านแทน
และเราก็ไปหาความทุกข์ในสวนทำอะไรตามที่ใจปรารถนาหรือคิดวางแผนไว้นั่นแหละครับ
ไม่ใช่ขยงขยันอะไรหรอกครับ
...ขอบคุณสำหรับทุกอย่างอีกครั้งครับผม...
TimeJourney
17 มีนาคม, 2016 - 10:55
Permalink
Re: จากวิถีชีวิตที่แปรเปลี่ยนไป ถึง พึ่งพาตนเอง
ถูกต้องเลยครับ.. เราต้องพึ่งพาตนเองให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าจะเอาสบายโดยใช้วิธีซื้อทุกอย่าง วันนึงเราก็จะเป็นหนี้เป็นสินไม่จบสิ้น
แนวทางของพ่อหลวงคือสิ่งที่ยั่งยืนที่สุด ในหลวงท่านทรงงานโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยก็เพื่อพสกนิกรของพระองค์ แต่พวกเราบางส่วนยังอยากจะพึ่งแต่สิ่งที่เป็นตัวเงินที่ถูกป้อนเข้ามาให้พวกเราได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกหนี้เอาเงินกลับไปซื้อสิ่งที่นักลงทุนเอามาขาย ทั้งปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และก็อีกหลายอย่างที่ทำให้พวกเราเสพติดวัตถุนิยมกันเหมือนทุกๆ วันนี้
พี่หนาน
21 มีนาคม, 2016 - 12:48
Permalink
Re: จากวิถีชีวิตที่แปรเปลี่ยนไป ถึง พึ่งพาตนเอง
สวัสดีครับคุณ TimeJourney
เห็นด้วยกับข้อเขียนหรืองานเขียนที่กล่าวถึงเบื้องต้นทุกกรณี
รวมทั้งความคิดเห็นที่แสดงร่วมในครั้งนี้ด้วยครับ
ผมจะเดินตามแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯพระราชทานไว้ให้ในหลายๆ แนวทางครับ
คนไทยส่วนใหญ่ถูกครอบงำด้วยวัตถุนิยมและเทวนิยมกันมาก
เราต้องหาวิธีปรับเปลี่ยนให้เป็นสารนิยม ปฏิบัตินิยม และเหตุผลนิยมให้มากกว่าที่เป็นอยู่ให้ได้
มิฉะนั้นแล้วก็คงจะต้องตกเป็นทาสของพวกเขาตลอดไปครับ
ขอบคุณความเห็นและบทความดีๆ ที่นำมาลงให้อ่านมากคร้าาบบบ
หน้า