ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอน ตามหาโรมิโอและจูเลียต ที่..เวโรน่า
นับย้อนหลังไปหลายปี อ้อยหวานไปพบเจอกับภาพพาโนรามาของเมืองๆ หนึ่งซึ่งโดนใจเอามากๆ เป็นภาพของเมืองเก่าในบันทึกของนักปั่นคนหนึ่ง เมืองเก่าที่ดูยังกับต้องนั่งไทม์แมชชีนย้อนหลังไปสักหลายๆ ร้อยปีในอดีต แต่ภาพของเขาสดใสชัดเจน และเขาได้เขียนเล่าเรื่องไว้ว่า นี่คือรางวัลที่เขาได้รับจากการปั่นขึ้นเขาเหนือเมืองเวโรน่า ภาพรางวัลนั้นทำให้อ้อยหวานฝันเฟื่องมาถึงสามปี หากมีโอกาส...สักวันหนึ่งคงจะได้ตามรอยไปเก็บภาพสวยนั้นบ้าง
แล้ววันหนึ่งในเดือนมิถุนายนของปีนี้ อ้อยหวานก็ได้ไปยืนต้องมนต์เสน่ห์เหนือเมืองเวโรน่า ตรงจุดเดียวกับที่นักปั่นคนนั้นรับรางวัลภาพสวย แม้ว่าอ้อยหวานและคุณผู้ชายจะไม่ได้ปั่นขึ้นเขา เราจอดจักรยานไว้ข้างล่าง แล้วปีนบันไดชันๆ หลายร้อยขั้นขึ้นไปแทน เหนื่อยพอกัน และภาพรางวัลที่ได้ก็สวยงดงามอย่างที่วาดหวังไว้ ไม่ต้องนั่งไทม์แมชชีนย้อนอดีต เพียงแค่ปั่นหรือเดินขึ้นเขา ภาพเมืองเก่าที่งดงามก็จะปรากฏลงตรงหน้า
อ้อยหวานหลับตาลง แล้วค่อยๆ เผยอเปลือกตาขึ้น โดยคิดเอาเล่นๆ ว่า อาจจะทำให้ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไป
...แล้วใช่จริงๆ ตรงลานโบสถ์นั่น..เห็นไหม สองหนุ่มสาวในชุดโบราณกำลังเดินเกี่ยวก้อยพรอดรักกัน
โอ้.. โรมิโอและจูเลียต นั้นเอง!
กล่าวถึงสกุลสอง กิติศักดิ์เสมอกัน
อยู่รวม ณ ถิ่นบรรพะบุเรศเวโรนา
จากโทษะเก่าแก่ทุษะใหม่ก็เกิดมา
จนญาติวงศาคณะมิตระผิดใจ
บทพระราชนิพนธ์แปล โรมิโอและจูเลียต ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
โรมิโอและจูเลียต เป็นละครโศกนาฏกรรมที่มีชื่อเสียงโด่งดังของ วิลเลียม เชกสเปียร์ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ เขาได้แต่งเรื่องนี้ขึ้นในปี ค.ศ. 1595 สี่ร้อยกว่าปีมาแล้ว แต่ยังมีการสร้างหนังและละครมากันจนถึงปัจจุบัน
ขอบคุณข้อมูลจากวิกิพีเดีย
อ้อยหวานขอเล่าเรื่องที่ย่อที่สุดคือ เรื่องนี้เกิดขึ้น ณ เมืองเวโรนา สองหนุ่มสาวของ 2 ตระกูลใหญ่ที่ไม่ถูกชะตากันมาช้านาน ได้มาพบรักกัน และแน่นอนก็โดนกีดกันจากญาติโกโหติกาของทั้งสองตระกูล และเรื่องจบลงอย่างสุดเศร้า เมื่อสองตระกูลต่างก็ได้ไปแต่ร่างไร้วิญญานของทั้งสอง
เราใช้เวลาอยู่บนนี้เนิ่นนาน เก็บเกี่ยวบรรยากาศ และภาพสวยตรงหน้า เอาผลไม้ที่ได้จากอาหารเช้าของโรงแรมมานั่งกินแกล้มวิว ไม่รีบร้อนไปไหน เพราะเรารู้ว่าสถานที่ต่างๆ ข้างล่าง จะต้องมีคนมากมายมหาสาร บนนี้มีคนน้อย เพราะขึ้นลำบาก นักท่องเที่ยวที่มากับรถทัวร์หรือรถโดยสารคันใหญ่ ต่างพากันไปกองที่เนินเขาอีกลูกที่มีถนนสำหรับรถคันโตๆ วิวบนนี้จะสวยงามอีกเท่าตัวในช่วงอาทิตย์ตกดินและตอนกลางคืน แต่ในฤดูร้อนพระอาทิตย์จะไม่จากลาจนกว่าจะหลังสี่ทุ่ม เราสองคนปั่นจักรยานกันทั้งวันและทุกวัน ก็เลยกลายเป็นเด็กดีหลับสนิทหมดน้ำข้าวต้มกันตั้งแต่สองทุ่ม
ยามราตรีที่เวโรนา
ขอยืมรูปมาจาก http://wallpapers-hd-wide.com
วิธีชมวิวเมืองเวโรนาอีกแบบหนึ่ง
ช่วงนี้น้ำในแม่น้ำไหลเชี่ยวมาก เพราะส่งตรงมาจากเทือกเขาแอลป์ที่มีฝนตกเกือบทุกวัน
เมืองมรดกโลก ‘เวโรน่า’ เมืองเก่าแก่ที่สามารถนับย้อนหลังไปหลายพันปี ตั้งแต่ก่อนที่จะเป็นอาณานิคมหนึ่งของอาณาจักรโรมัน ต่อมาเมื่อโรมันครอบครองแผ่นนี้ ก็ได้สร้างอนุสรณ์สถานใหญ่โต แม้กาลเวลาจะผ่านมาเนิ่นนานนัก อนุสรณ์สถานแห่งนี้ยังยืนยัดยืนยงอยู่ที่นี่ ตรงนี้
อารีน่า หรือสนามกีฬาแห่งเวโรน่า สร้างด้วยหินอ่อนลายชมพู-ขาว ในสมัยโรมันจุผู้เข้าชมได้ถึง 30,000 คน ของเดิมนั้นจะเป็นกำแพงวงกลมสองชั้น แต่เมืองเวโรน่าโดนแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1117 ทำให้กำแพงใหญ่รอบนอกถูกทำลายเกือบหมด ส่วนหินอ่อนก็ถูกนำไปใช้สร้างอาคารอื่นๆ ในเวลาต่อมา ปัจจุบันอารีน่าแห่งนี้ใช้เป็นโรงละครโอเปร่า และสถานที่แสดงคอนเสิร์ตในฤดูร้อน เราสองคนไม่ได้เข้าไปชมข้างใน เพราะกลัวฝูงชน
ทานข้าวและชมวิวเมืองเก่าเป็นกิจกรรมยอดนิยมของยุโรบ แต่ละเมืองที่มีอาคารเก่าแก่และงดงาม ก็จะมีผู้คนมากมายจูงลูกจูงหลานออกมาวิ่งเล่น มานั่งทานข้าวนอกบ้านและนอกร้าน แต่ละร้านจะมีคนเต็มร้าน สังเกตุดูทางเท้าของที่นี่สิ ส่วนใหญ่จะเป็นหินอ่อน ทอดยาวไปเป็นกิโลๆ เลยละ
เราปั่นจักรยานซอกแซกไปตามถนนแคบๆ ที่ปูด้วยหินแบบเก่า
ไปที่ไหนๆ ก็มีแต่คนมากมาย ศิลปินคนนี้ยืนวาดรูปกลางจัสตุรัส ภาพวาดจะดีกว่าภาพถ่ายก็ตรงนี้แหละ สามารถลบสิ่งระเกะระกะออกจากภาพได้ รูปวาดของเขาจึงสวยกว่ารูปถ่ายของอ้อยหวาน
บ้านจูเลียต มีผู้คนมากมายแวะเวียนมาขอพรให้สมหวังในเรื่องความรัก บ้านเก่าแก่หลังนี้ถูกอุปโหลกขึ้นมาให้เป็นบ้านของจูเลียตในศตวรรษที่ 14 เพื่อเรียกแขก คือใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูผู้คน ที่จริงบ้านหลังนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากระเบียงที่ยื่นออกมา ในละครโรมิโอและจูเลียต ของ วิลเลียม เชกสเปียร์ มีฉากที่โด่งดังมากๆ คือฉากที่โรมิโอแอบปีนระเบียงขึ้นไปพรอดรักกับจูเลียต แม้จะเป็นสถานที่ที่ถูกอุปโหลกขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นสถานที่ที่มีผู้คนแวะมาชมมากที่สุดในเวโรน่า ใต้ระเบียงมีรูปปั้นบรอนซ์ของสาวน้อยจูเลียตที่น่าสงสาร เพราะทุกวันจะมีคนเข้าแถวกันยาวเยียดเพื่อมาแตะเต้านมข้างขวาของน้องนาง กล่าวกันว่าแตะแล้วโชคดีในเรื่องความรัก โดนแตะมาเป็นร้อยๆ ปี เต้านมข้างนั้นจึงเล็กลงและแวววาวเชียวละ
เขากล่าวกันว่า (อีกแล้ว) ถ้าเขียนชื่อคู่รักลงบนกำแพงทางเข้าบ้านของจูเลียต ความรักของคนคู่นั้นจะยืนยาว ดูดิ เละเลยกำแพงบ้าน เราไม่ได้ทำทั้งสองอย่างที่เขากล่าวกัน อ้อยหวานโผล่หน้าไปกดรูปมาสองสามรูปแล้วเราก็ใส่เกียร์หนี!
เราปั่นจักรยานออกมาชมเมืองด้านนอกดีกว่า นี้คือข้อดีของการปั่นจักรยาน ไม่ต้องไปเบียดเสียดผู้คนบนรถโดยสาร เห็นถ้าไม่ดีคนเยอะ ก็ออกไปที่อื่น
อย่างสะพานเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ เพราะของเก่าถูกทำลายในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
สะพานของปราสาท Vecchio
โบสถ์ Basilica di San Zeno อยู่นอกเมืองเก่ามาหน่อยนึง ทำให้มีคนแวะมาชมน้อยกว่าที่อื่น เป็นโบสถ์ที่โรมิโอและจูเลียตแอบหนีมาแต่งงาน และเป็นโบสถ์ที่สวยมากมาย
สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 อายุกว่าพันปี เป็นที่เก็บร่างของนักบุญเซโน่แห่งเวโรน่า ภายในโบสถ์นั้นงดงามยิ่งนัก
รูปแกะสลักหินอ่อนภายในโบสถ์
ระเบียงโบสถ์ เป็นจุดที่อ้อยหวานชอบมากที่สุด เสาที่รองรับคานโค้งนั้นทำด้วยหินอ่อนสีชมพู
เราจากลาเวโรน่าในเช้าวันถัดมา โดยการนั่งรถไฟสี่ชั่วโมงย้อนกลับสู่อ้อมกอดของเทือกเขาแอล์ปในประเทศออสเตรีย
โปรดติดตาม ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ในตอนต่อไป
อ่าน ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอนที่แล้วได้ที่นี่
ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์
ขอให้เพื่อนๆ มีแต่ความสุข
ขอบคุณค่ะ
อ้อยหวาน
- บล็อกของ อ้อยหวาน
- อ่าน 10303 ครั้ง
ความเห็น
Max Sitthichai
12 สิงหาคม, 2016 - 17:09
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอน ตามหาโรมิโอและจูเลียต...
ตามพี่อ้อยหวานมาเที่ยวครับ ชอบบ้าน ตึก อาคาร ของเขาสวยงามมากครับ
รักบ้านเกิด ชอบเศรษฐกิจพอเพียง
อ้อยหวาน
13 สิงหาคม, 2016 - 23:17
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอน ตามหาโรมิโอและจูเลียต...
เวโรน่าเป็นเมืองที่สวยมากจริงๆ ค่ะ เสียอย่างเดียวคนเยอะมาก
ริมสวนยาง
13 สิงหาคม, 2016 - 10:08
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอน ตามหาโรมิโอและจูเลียต...
ชอบ สี และ การให้สี ของอาคาร ..เหมาะสมกับ ทุกยุคทุกสมัย ..หรือ มีโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ ไหมคะ พี่อ้อย ว่า เมืองนี้ ต้องใช้สีให้ใกล้เคียงกัน ...แต่ก็ถือว่า ยอดเยี่ยม เลย นะคะ ..รอติดตามชม
อ้อยหวาน
13 สิงหาคม, 2016 - 23:22
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอน ตามหาโรมิโอและจูเลียต...
เวโรน่าเป็นเมืองมรดกโลกของยูเนสโกค่ะ เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย เขาเข้มงวดมากกับเรื่องนี้ ดังนั้นภาพที่เห็นนี้คือภาพที่ใกล้เคียงที่สุดกับของดั้งเดิม นี่ถ้าเขาปิดเมืองเก่าทั้งหมดไม่ให้รถเข้า นอกจากเดินเท้า หรือปั่นจักรยาน หรือรถม้าเท่านั้น ก็จะดีกว่ามากนะพี่ว่า
Ping Ping
13 สิงหาคม, 2016 - 10:12
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอน ตามหาโรมิโอและจูเลียต...
ชอบแม่น้ำ ไหลผ่าน เมือง ----- ทำกิจกรรมได้ .. ริมแม่น้ำ ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ....สวยงามมากๆค่ะ พี่อ้อย
อ้อยหวาน
13 สิงหาคม, 2016 - 23:26
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอน ตามหาโรมิโอและจูเลียต...
เมืองนี้สวยจริงๆ ค่ะ ทุกคนที่บ้านน้อง ping ping สบายดีนะค่ะ พี่ไปแอบดูการบ้านหลายครั้งแต่ไม่ได้เม้นส์ เพราะไม่มีการบ้านจากพี่ ล้อเล่นค่ะ สวนสวยค่ะ
Soonthorn Soon
13 สิงหาคม, 2016 - 10:16
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอน ตามหาโรมิโอและจูเลียต...
สวยงาม ครับ .... ราตรี ยามราตรี ..สวยงาม ไม่แพ้กันเลย ... เก็บเงินซื้อ จักรยาน ไปปั่น กับพี่อ้อย ดีกว่า ครับ 555
จงเตือนตน ด้วยตนเอง
อ้อยหวาน
13 สิงหาคม, 2016 - 23:28
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอน ตามหาโรมิโอและจูเลียต...
อะไรกัน จนป่านนี้แล้วยังไม่มีจักรยานอีกหรือ? 555 คงไม่ต้องถามว่าปั่นจักรยานได้ไหมนะ!!
ยายต้อย..เมืองชล
13 สิงหาคม, 2016 - 10:20
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอน ตามหาโรมิโอและจูเลียต...
ลานหินอ่อน เป็นที่พัก รับประทานอาหาร สะอาดตา เป็นระเบียบ ชอบมากค่ะ คุณอ้อย ยินดีด้วยมากๆที่ได้ไปชมด้วยตัวเอง
อ้อยหวาน
13 สิงหาคม, 2016 - 23:30
Permalink
Re: ชีวิตขึ้นๆ ลงๆ บนเทือกเขาแอลป์ ตอน ตามหาโรมิโอและจูเลียต...
ลานหินอ่อนนี้น่านั่งปิกนิกมากค่ะ เย็นสบาย แต่น่ากลัวโดนคนเหยียบ ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันเสมอมาค่ะ
หน้า