สาวปริญญาตรี หันหน้าทำเกษตร ปลูกผักหวานป่า สร้างรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน

หมวดหมู่ของบล็อก: 

         จากนักศึกษาสาวรั้วราชมงคล จบปริญญาตรี จากคณะบริหาร ทำงานประจำพร้อมทำเกษตรร่วมด้วย จนสุดท้ายละทิ้งชีวิตมนุษย์เงินเดือน หันหน้าทำเกษตรกร ปลูกผักหวานป่า  สร้างรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน

  น้องนันทวดี  คันทรง หรือที่คุ้นหูของชาวบ้านแถวนั้นคือ น้องแอ ปัจจุบัน อายุ 29 ปี จบ ป.ตรี จากคณะบริหารของรั้วราชมงคลจักรพงษภูวนารถ เมื่อปี 2550 หลังจากที่เรียนจบ เธอตัดสินใจปลูกผักหวานป่า ในพื้นที่ 4 ไร่  ที่เป็นที่ดินของพ่อและแม่ โดยไม่ฟังความคิดเห็นใคร เพราะเธอเห็นโอกาสของการปลูกไม้ยืนต้น ที่จะสร้างรายได้ให้เธอในอนาคต โดยไม่ต้องเหนื่อยมาก มีผลผลิตออกทั้งปี โดยไม่ต้องปลูกซ้ำใหม่ เหมือนพืชล้มรุก 

             ช่วงแรกๆที่เธอเริ่มปลูกผักหวานป่า เธอยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลย เพราะเธอไม่ได้เรียนจบมาด้านเกษตรโดยตรง  อีกทั้งพ่อแม่ก็ไม่สนับสนุน เนื่องจากเรียนมาสูง อยากให้ทำงานรับราชการมากกว่า  แต่ก็ยังดีที่ช่วงนั้น ตากับยายเห็นด้วยกับความคิดของเธอ  ทำให้เธอได้มีโอกาสทำเกษตรต่อ

                

           

 

 

 

 

 

 

 

            หลังจากที่เธอทุ้มเทให้กับสวนผักหวานป่า 2 ปี เธอก็ได้ตัดสินใจสมัครเข้าทำงานที่  ธนาคาร  ธกส. สาขา อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ฝ่ายสินเชื่อ เพื่อให้ที่บ้านสบายใจ ว่ามีงานประจำทำ อีกทั้งเธอได้เร่งเห็นว่า น่าจะได้ความรู้เกี่ยวกับชีวิตเกษตรจากที่นี่  และอาจจะสามารถหาตลาดการกระจายสินค้าเพิ่มเติมของเธอในอนาคต เพราะได้รู้จักคนมากขึ้น ระหว่างที่เธอทำงานประจำได้ประมาณครึ่งปี  สวนผักหวานป่าของเธอก็สามารถเก็บผลผลิตได้ ทั้งที่ความจริงต้องใช้เวลาถึง 4-5 ปี แต่เธอใช้เวลาแค่ 2 ปีครึ่ง เร่งให้ผักหวานป่าเก็บผลผลิตได้ ก็คงเพราะเธอใส่ดูแลสวนผักหวานเป็นพิเศษ  ทั้งรดน้ำ พรวนดิน ให้ปุ๋ยอินทรีย์ อย่างต่อเนื่อง ทำให้สวนผักหวานป่า สร้างรายได้ให้เธอถึง 20,000 บาทต่อเดือน 

            คุณนันทวดี บอกต่อว่า ผักหวานป่านั้น เป็นพืชที่ปลูกยากและให้ผลผลิตยาก ต้องได้น้ำที่พอเหมาะได้แสงที่พอดี ยอดถึงจะแตกได้ตลอดทั้งปี  จึงต้องปลูกมะขามเทศเพื่อให้ร่มเงาห่างกันต่อต้นประมาณ 3 เมตร แล้วปลูกผักหวานไว้ตรงกลาง ต้องให้น้ำอาทิตย์ละครั้ง จึงต้องเดินท่อให้น้ำระบบสปริงเกอร์  ความยากมันอยู่ตรงที่เธอเป็นผู้หญิงนี่แหละครับ  จะทำอะไรก็ลำบาก ยังดีที่มีตากับยายของเธอคอยช่วย แต่งานบางส่วนก็ต้องจ้างคนค่ะ เธอเล่า...

           หลังจากที่คุณนันทวดีทำงานที่ ธกส. ได้ประมาณ 2 ปีครึ่ง เธอก็ตัดสินใจลาออกมาดูสวนผักหวานอย่างเต็มที่  จนปัจจุบัน รายได้ต่อเดือนของเธออยู่ที่ 60,000 บาทเลยทีเดียว โดยช่องทางในการขายของเธอ โดยส่วนมากจะผ่านทาง Facebook เป็นหลักครับ 

 

รายได้ของเธอมีอยู่ 2 ส่วนครับ คือ

1.รายได้จาก ยอดผักหวานป่า 20,000 บาท/เดือน

ราคาขายยอดอยู่ที่ 60-120 บาทแล้วแต่ฤดูกาลครับ

2.รายได้จาก กิ่งตอนผักหวานป่า 40,000 บาท/เดือน

 ราคาขายกิ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ขนาดครับ

(กิ่งเล็ก 150 บาท, กิ่งกลาง 200 บาท, กิ่งใหญ่ 250 บาท เฉลี่ยรายได้ 200 บาท/กิ่ง)

                  ก็เท่ากับว่ารายได้รวมทั้งขายยอดอ่อนและกิ่งตอนต่อเดือนของเธอ มียอดขายถึง 60,000 บาทเลยทีเดียว เธอบอกหากหักค่าใช้จ่ายแล้ว รายได้ต่อเดือนจะอยู่ที่ 40,000 บาทนับเป็นตัวอย่างที่ดีของคนรุ่นใหม่เลยทีเดียว ที่สามารถสร้างราคาจากการทำเกษตรได้มากขนาดนี้

                  สำหรับเพื่อนๆที่กำลังทำงานประจำ ผมว่าเราก็ควรเริ่มหาอะไรทำกันบ้างแล้วล่ะ ไม่จำเป็นต้องลาออกจากงานประจำเพื่อไปทำอาชีพเกษตรโดยตรง  แต่เริ่มทำเป็นอาชีพเสริมระหว่างทำงานประจำไปด้วย เผื่อโดนบริษัทเลิกจ้างจะได้มีงานอื่นรองรับ เพราะช่วงนี้เศษฐกิจประเทศเราไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ถ้าเราทำจริงจังไม่แน่นะ อาจจะรวยเหมือน คุณนันทวดี เลยก็ได้

 

เขียนโดย  เครื่องมือเกษตรเงินล้าน

 

 

 

ความเห็น

สุดยอดค่ะ

ความสุข..อยู่ที่ใจ

เยี่ยมเลยค่ะ "เกษตรเงินล้าน" ...น้องเค้าเดินทางถูก จริงๆ สวยด้วย ค่ะ

ฉีกตำราที่เคยอ่านหมดเลยครับ เพราะส่วนมากปลูกแล้วไม่โตหรือตายหมด แต่น้องเค้าปลูกไงน้อ รอดแถมโตไว ได้ผลเร็วถึงเพียงนี้

ยินดีด้วยครับ...ชื่นชมในความสามารถจริงๆ ของพี่หนานยังพึ่งโผล่ดินมาได้เพียง ๑๐ เซ็น.เท่านั้นเองครับ ฮา..

 

ยินดีด้วย ค่ะ ...เลี้ยงตัวเองได้ นับว่าดีทีเดียว

ความสะดวกสบายมีขาย แต่ความสุขเงินซื้อไม่ได้ เพราะความสุขมิใช่เงิน

น้องเค้าเก่งมากครับ. กล้าคิดกล้าทำ มีการวางแผนที่ดี และเก่งทางด้านการหาตลาดด้วยครับ เป็นเกษตรกรแบบอย่างที่ดีสำหรับคนที่ชอบและอยากทำการเกษตรเลยครับ

รักบ้านเกิด ชอบเศรษฐกิจพอเพียง