1. เรื่องราวได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ๆ ผมเกิดในครอบครัวที่ยากจน มีหลายครั้งทีเดียวที่ไม่มีอาหารเพียงพอสำหรับทุกคน ทุกครั้งเมื่อถึงเวลากินข้าว แม่จะแบ่งข้าวส่วนของเธอมาให้ผม และพูดว่า "ทานเยอะ ๆ นะลูก แม่ไม่ค่อยหิว" นี้เป็นครั้งแรกที่แม่โกหกผม
2. เมื่อผมเติบโตขึ้น คุณแม่ที่แสนขยันของผมมักจะหาเวลาว่างไปตกปลาที่แม่น้ำใกล้ ๆ บ้าน เธอหวังจะให้ผมได้รับอาหารที่มีประโยชน์เพียงพอต่อการร่างกาย แม่มักจะต้มปลาที่ตกมาได้ทำเป็นซุปปลาซึ่งผมชอบกินมาก ในขณะที่ผมกินซุปปลา แม่จะนั่งข้าง ๆผม แทะกิน เศษเนื้อปลาที่ติดอยู่ตามก้างปลาที่ผมกิน ผมรู้สึกตื้นตันใจมากทุกครั้งที่เห็น ผมพยายามแบ่งเนื้อปลาให้แม่ได้ทานบ้าง แต่แม่ปฎิเสธและบอกผมว่า "ลูกกินเถอะ แม่ไม่ค่อยชอบกินเนื้อปลา" นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่แม่โกหกผม
3. เมื่อผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม แม่ต้องทำงานหนักกว่าเดิมเพื่อจะหาเงินมาให้เพียงพอสำหรับค่าเล่าเรียนของผม และค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้าน บางครั้งผมตื่นขึ้นมากลางดึก ผมเห็นแม่ยังคงนั่งทำงานอยู่ มีเพียงแสงจากเทียนเล่มเล็ก ๆ เท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเธอ "แม่ครับ...นอนเถอะครับมันดึกมากแล้ว พรุ่งนี้แม่ต้องไปทำงานอีก" ผมบอกแม่ แต่แม่ยิ้มและพูดกับผมว่า "ลูกนอนก่อนเถอะ แม่ยังไม่ง่วง" ครั้งที่ 3 แล้วที่แม่โกหกผม
4. ในวันสอบวันสุดท้าย แม่มาเป็นกำลังใจให้ผม คุณแม่ที่แสนเข้มแข็งนั่งรอผมท่ามกลางแสงแดดจ้าของเที่ยงวันอยู่หลายชม. เมื่อระฆังดังส่งสัญญาณว่าการสอบสิ้นสุดลงแล้ว คุณแม่ น้ำชาเย็น ๆ ให้ผมจากกระติกที่เธอเตรียมเอาไว้ มันเป็นชาที่มีรสเข้มมาก แต่ความรักของแม่ผมเข้มกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้ เนื้อตัวของแม่โชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ผมยื่นแก้วให้เธอและบอกให้เธอดื่มด้วยกัน แต่แม่บอกว่า "ดื่มเถอะลูก แม่ไม่กระหาย" แม่โกหกผมเป็นครั้งที่ 4
5. หลังจากที่พ่อผมเสียชีวิตเพราะโรคร้าย คุณแม่ที่น่าสงสารของผมต้องรับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดตัวคนเดียว ชีวิตครอบครัวของเราดำเนินไปอย่างยากลำบากยิ่งขึ้น ไม่มีวันไหนที่ผ่านไปอย่างไม่ทรมาน เพื่อนบ้านหลายคนที่เห็นความเป็นไปของครอบครัวเราก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือบ้าง บางคนก็แนะนำให้แม่แต่งงานใหม่ แต่เธอก็ปฏิเสธตลอดพร้อมกับบอกว่า "ฉันไม่ต้องการความรักหรอก" แม่โกหกเป็นครั้งที่ 5 แล้ว
6. หลังจากผมเรียนจบและได้งานทำแล้ว ถึงเวลาที่แม่จะได้พักผ่อนสักที แต่เธอดูเหมือนจะไม่ต้องการ เธอตื่นแต่เช้าไปขายผักที่ตลาดทุกวันเพื่อจะมีเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับใช้จ่ายส่วนตัว เธอไม่เคยยอมรับเงินที่ผมซึ่งทำงานอยู่ต่างเมืองส่งไปให้ เธอถึงกับส่งคืนมาให้ผมด้วย เธอบอกว่า "แม่มีเงินพอใช้แล้วลูก" นี่เป็นครั้งที่ 6 ที่เธอโกหกผม
7. ด้วยการสนับสนุนจากองค์กรแห่งหนึ่ง ผมเข้าเรียนต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของอเมริกา เมื่อผมเรียนจบ ผมก็ถูกรับเข้าทำงานด้วยเงินเดือนที่สูงลิ้ว ผมตั้งใจจะพาแม่มาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายกับผมที่อเมริกา แต่คุณแม่ที่แสนน่ารักไม่ต้องการจะรบกวนผม เธอบอกกับผมว่า "แม่ไม่เหมาะกับชีวิตต่างเมืองหรอกลูก" แม่โกหกผมอีกเป็นครั้งที่ 7
8. เมื่อแม่แก่ตัวลง เธอต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเนื่องจากโรคมะเร็ง เมื่อรู้ข่าว ผมก็รีบกลับมาหาแม่ที่รักของผมทันที เธอนอนอย่างอ่อนเพลียหลังจากการผ่าตัด แม่ดูแก่ลงไปมาก เธอมองผมด้วยสายตาที่บ่งบอกได้ว่าเธอรัก และปรารถนาจะได้เจอผมมากที่สุด แม่พยายามยิ้มให้กับผม เธอผอมมาก และดูอ่อนแออย่างที่สุด โรคร้ายได้ทำลายร่างกายของเธอไปมากแล้ว ผมมองแม่ด้วยน้ำตานองหน้า ความเจ็บปวดจับขั้วหัวใจของผม เพราะการได้เห็นคุณแม่ที่รักอยู่ในสภาพนี้ แต่แม่มองหน้าผมและบอกว่า "อย่าร้องไห้เลยลูกรัก แม่ไม่รู้สึกเจ็บเลย" ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 ที่แม่โกหกผม
|
ความเห็น
ยายอิ๊ด
12 สิงหาคม, 2010 - 07:23
Permalink
ใช่ค่ะ
ไม่ใช่เฉพาะมนุษย์ แม่ที่เป็นสัตว์ก็ยิ่งใหญ่ค่ะ บางตัว ปกป้องตัวเองจนตัวตาย ยิ่งใหญ่จริงๆค่ะ
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
ป้าเล็ก..อุบล
12 สิงหาคม, 2010 - 01:06
Permalink
ยายอี๊ดนอนป้าเล็กตื่น
นอแลทีวี แป๊บหลับเลย ตื่นขึ้นมา นึกว่าเช้า พอรู้ว่ายังดึก ง่วงต่อหลาว
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com
ยายอิ๊ด
12 สิงหาคม, 2010 - 07:23
Permalink
อยู่ในฝันหรือเปล่าป้าเล็ก
อยู่ในฝันหรือเปล่าป้าเล็ก
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
ครองขวัญ
12 สิงหาคม, 2010 - 07:02
Permalink
ซึ้งจังค่ะยายอิ้ด
ซึ้งจังค่ะยายอิ้ด ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ที่ทำให้ย้ำเห็นความรักของแม่
อ่านซ้ำอยู่หลายรอบ ทำให้นึกถึงแม่ขวัญคล้ายกับข้อที่สี่ ในนับปริญญา ต้องเข้าหอประชุมตั้งแต่ประมาณบ่ายสอง ทุกคนที่มาร่วมงานรับปริญญารวมทั้งขวัญบอกให้แม่ไปหาที่พักผ่อนสบาย ๆ ไปเที่ยวกันก่อนค่อยกลับมารับตอน สองทุ่มก็ได้ เพราะกว่าจะเสร็จคงประมาณนั้น แม่บอกว่าไม่ไปไหนจะอยู่รอจนกว่าจะออกจากห้องประชุม พออกมาจากหอประชุมเดินออกมาแป๊บเดียวก็เจอแม่รออยู่คนเดียว ยืนอยู่ในจุดที่เห็นง่ายที่สุด ในมือมีน้ำเย็นชื่นใจ กินน้ำก่อนลูก เป็นคำแรกที่แม่บอกเรา พร้อมบอกกับเราอีกว่า ที่แม่รออยู่เพราะเป็นห่วงว่าจะออกมาไม่เจอใคร และคิดว่าเข้าไปอยู่ข้างในตั้งหลายชั่วโมงต้องหิวน้ำ แม่เลยมารอ แม่รออยู่คนเดียวตั้งแต่ บ่ายสองจนถึงสองทุ่ม น้ำตาเกือบไหล รู้ว่าแม่ห่วงเรามากที่สุด
ยายอิ๊ด
12 สิงหาคม, 2010 - 07:24
Permalink
ไม่มีอะไรเทียบเท่าได้
ไม่มีอะไรเทียบเท่าได้ และไม่ควรที่จะเปรียบเทียบเลยนะคะ
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
ไม้หอม
12 สิงหาคม, 2010 - 07:14
Permalink
ขอบคุณยายอิ๊ด
ขอบคุณยายอิ๊ด กับเรื่องราวดีๆครับ
วิหคน้อยบินไกล เฝ้ารอวันกลับคืนถิ่น
ยายอิ๊ด
12 สิงหาคม, 2010 - 07:25
Permalink
จ้า ขอบคุณเช่นกันค่ะ
จ้า ขอบคุณเช่นกันค่ะ
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
มานี มานะ วีระ ชูใจ
12 สิงหาคม, 2010 - 08:23
Permalink
ทำไมต้องให้แม่...โกหก
อย่าปล่อยให้แม่ต้องโกหกมากมายขนาดนี้
ครั้งเดียว....ก็เกินพอแล้ว
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
ยายอิ๊ด
12 สิงหาคม, 2010 - 08:31
Permalink
ใช่ทำไม ทำไม........
ใช่ทำไม ทำไม........
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
KASETMCOT
13 สิงหาคม, 2010 - 10:30
Permalink
ยายอิ๊ด
ยายอิ๊ดนำเรื่องราวของแม่มาเล่าสู่กันฟังในช่วงวันแม่พอดี เหมาะสมที่สุด ทำให้ผมคิดถึงแม่มากยิ่งขึ้น เพราะปีนี้ยังไม่ได้กลับบ้านที่ใต้เลย เพียงแต่โทรคุยฟังแต่เสียงทุกวันเท่านั้นเอง ดีมากสำหรับเนื้อหาที่เกี่ยวกับแม่ที่ยายอิ๊ดนำเสนอในบล็อกนี้มีสาระมากครับ
หน้า