เทคนิคดูแลมะเขือเทศง่ายๆด้วยตัวเอง
สำหรับ สมช.ที่กำลังคิดที่จะปลูกมะเขือเทศกัน หรือว่าลงมือลงไม้ปลูกไปแล้วบ้างก็ตาม วันนี้มีเทคนิคการดูแลมาฝาก ง่ายๆไม่ยุ่งยาก เทคนิคนี้เราได้ทดลองมาแล้วถึง 2 ปีซ้อน และเห็นว่ามันได้ผลจริงเป็นที่น่าพอใจ จึงนำมาบอกสมช.บ้านสวนกันโดยไม่ต้องเสียเงิน เพราะเราเสียเงินเข้าไปฟังการบรรยายมาจาก อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเขือเทศโดยตรง จากมหาวิทยาลัย UCLA สหรัฐอเมริกา ซึ่งเราเสียเงินค่าที่นั่งไป $30.00 US. แต่วันนี้เราเอามาแบ่งปันพี่น้องชาวบ้านสวนฟรีๆ โดยไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว
อันดับแรกเลยคือ เตรียมดินให้พร้อมโดยผสมดินหรือปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอกเข้ากับเปลือกไข่ โดยบดเปลือกไข่ไก่ หรือไข่เป็ดก็ได้ ผสมให้เข้ากัน (เปลือกไข่จะไส่ครกตำก็ได้ยิ่งดี หรือจะขยำ บี้ๆให้แตกก็ได้)
ต่อมาเมื่อมะเขือเทศโตได้ที่ให้สังเกตุดอก หากมีดอกออกมา แต่ไม่มีผล หรือมีดอกแต่ดอกร่วง สัญญาณนี้เป็นไปได้สองอย่างคือ 1.นั้นหมายถึงมะเขือเทศต้นนั้นขาด "แคลเซียม" 2. อากาศหนาวจัด และร้อนจัด ทำให้ต้นปรับตัวเข้ากับอากาศไม่ทันเลยส่งผลไปที่ดอก ทำให้ดอกร่วง แต่เหตุผลข้อที่สองนั้น อาจจะเกิดขึ้นเฉพาะกับอากาศที่เมืองนอกเท่านั้น เพราะอากาศที่ต่างประเทศจะไม่คงที่ กลาวงวันจะร้อนจัด พอตกกลางคืนก้จะหนาวจัด เลยทำให้ต้นปรับตัวยาก ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นกับอากาศที่เมืองไทย ถ้าที่เมืองไทยก็น่าจะเป็นข้อ1. นะ คือ ขาดแคลเซียม เราสามารถทดแทนให้ ด้วยเปลือกไข่ คือนำเปลือกไข่มาบดแล้วก็นำไปโรยรอบๆต้นมะเขือเทศ แล้วรดน้ำตามปกติ หลังจากนั้น 2-3 สัปดาห์ต่อมาคุณก็จะเห็นว่ามีผลมะเขือเทศออกมาให้เห็น หากครบ 1 เดือนไปแล้ว ยังไม่มีผลผลิต ก็จัดการถอนต้นนี้ทิ้งไปได้เลย เสียเวลาดูแลเปล่าๆ เพราะมันเป็นต้นตัวผู้นั้นเอง ทำยังไงก็คงไม่มีดอก
และเมื่อต้นโตเต็มที่ก็ให้สังเกตุระหว่างก้านใบ จะมียอดอ่อนๆแซมขึ้นมา ยอดนี้ ภาษาอังกฤษ เรียกว่า "Suckers" ถ้าในภาษาไทยก็คงจะเป็นพวก "ผมคัน" ยอดนี้ถ้าเห็นมันโผล่ขึ้นมาเมื่อไหร่ ไม่ต้องเสียดายนะค่ะ ให้จัดการเด็ดทิ้งทันที กำจัดทิ้งไปโดยเร็ว เพราะมันเป็นตัวดูดสารอาหารและแร่ธาตุทั้งหมดไปจากผล ทำให้ลูกมะเขือเทศไม่โต คือเป็นตัวแย่งสารอาหารนั้นเอง
และให้หมั่นเด็ดใบที่ห้อยลงมาแตะพื้นดินทิ้งไป พยายามอย่าให้ใบไปสัมผัสพื้น เพราะเมื่อใบไปสัมผัสพื้นมันก็จะนำพาเชื้อโรคไปสู่ลำต้น จากใบสู่ใบ แล้วก็รุกรามไปทั้งต้น ถ้าเห็นใบใหนเป็นไหม้ๆ แห้งๆ แดงๆไม่สมบูรณ์ก็ให้ตัดทิ้งไปได้เลย และหมั่นตรวจตราหายอดซัคเก้อ แล้วก็จัดการปลิดมันทิ้งไป
และซัคเก้อตัวร้ายที่สุดสำหรับมะเขือเทศก็คือ ยอดอ่อนที่แทงมาจากใต้ดิน คือมีต้นพ่อ หรือต้นแม่อยู่แล้ว แล้วอยู่ดีๆก้มีหน่ออ่อนๆแทงแซมขึ้นมา แล้วก็ท่าทางจะแข็งแรงซะด้วยสิ ไม่ต้องเสียดายอีกเช่นกัน เพราะมันคือตัวแย่งสารอาหาร หรือตัวดูดเลือดนั้นเอง กำจัดทิ้งโดยเร็ว
และลำดับสุดท้าย คือการทำความสะอาดกรรไกรที่ใช้ตัดแต่งกิ่งมะเขือเทศ มะเขือเทศคือพืชที่ "เจ้าสำอางค์" การดูแลจึงแตกต่างจากพืชอื่นๆทั่วไป คุณสามารถใช้กรรไกรตัดกิ่งมะเขือเทศรวมกับพืชชนิดอื่นๆได้ แต่ต้องทำความสะอาดด้วยแอลกอฮอร์ทุกครั้ง ทั้งก่อนและหลังใช้ เราขอแนะนำให้ใช้ "ไฮร์เต้อซักผ้าขาว" มาเช็ดก่อน แล้วตามด้วยแอลกอฮอร์ แล้วจึงฉีดพ่นด้วยน้ำยากันสนิมก่อนนำไปเก็บ
แอลกอฮอร์จะช่วยฆ่าเชื้อโรคที่ติดมากับกรรไกรได้ หากคุณใช้กรรไกรตัดกิ่งมะเขือเทศจากต้นที่ป่วยหรือต้นที่เป็นโรค มันก็จะนำโรคไปติดต่อพืชอื่นๆแล้วรุกรามไปทั่วสวน หรือเป็นพาหะนำโรคจากพืชชนิดอื่นมาสู่มะเขือเทศได้ วิธีป้องกันก็คือ ใช้สำลีเช็ดด้วยแอลลกอฮอร์ โดยการเช็ดไปทิศทางเดียว ใช้สำลีแผ่นต่อแผ่น แล้วทิ้งเลย
หมายเหตุ: หากคุณใช้กรรไกรตัดกิ่งจากต้นมะเขือเทศอย่างเดียว ไม่ได้ใช้ร่วมกับพืชอื่นๆที่ไม่เป็นโรค ก็ไม่จำเป็นต้องเช็ดด้วยแอลกอฮอร์ก็ได้ คือใช้แอลกอฮอร์เช็ดต่อเมื่อเราใช้ไปตัดต้นที่เป็นโรค
ถ้าคุณปลูกมะเขือเทศลงดิน ครั้งต่อไปคุณต้องเปลี่ยนที่ใหม่ อย่าปลูกซ้ำที่เดิม เพราะรากมะเขือเทศจะมีเชื้อราและแบคทีเรียอยู่ทุกต้น โดยที่ผู้ปลูกไม่เคยถอนรากมันขึ้นมาดูเลย เพราะฉนั้น ควรย้ายที่ปลูกในการปลูกแต่ละครั้ง หากคุณปลูกลงกระถาง ถ้าคุณใช้กระถางเก่าที่เคยปลูกพืชอย่างอื่นมาแล้ว ก็ควรทำความสะอาดกระถางเสียก่อน โดยใช้แปรงขัดดินเก่าออกให้หมด กระถางเก่าอาจจะใช้ปลูกผักอย่างอื่นได้อีกโดยไม่ต้องล้างหรือทำความสะอาด แต่มะเขือเทศนั้นควรจะทำความสะอาดกระถางเสียก่อน (จะไม่ล้างก็ได้ ตามใจถ้ามั่นใจว่ากระถางเก่าที่ปลูกพืชอื่นมาไม่ได้ป่วยเป็นโรค)
เพียงคุณดูแลมะเขือเทศของคุณแบบนี้ บ่อยๆ อาทิตย์ละครั้ง คุณจะมีมะเขือเทศที่สวย สมบูรณ์ ลูกดกเต็มสวน อาจจะได้ลูกใหญ่ และได้ผลผลิตมากกว่าที่ผ่านมาก็ได้ ไม่ลองไม่รู้ เทคนิคนี้สำหรับคนที่ปลูกมะเขือเทศไว้ทานเองที่บ้าน ไม่กี่ต้น คงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ปลูกขายเยอะๆ 4-5 ไร่ เพราะคุณคงไปเดินตรวจหาซัคเก้อไม่ไหวแน่ๆ วิธีนี้เหมาะสำหรับคุณแม่บ้าน มือใหม่ที่ชอบทานมะเขือเทศ และคิดที่จะปลูกไว้ทานเองที่บ้านเพียงไม่กี่ต้น
เราปลูกมะเขื่อเทศมา 9 ปี ได้ผลผลิตเต็มที่ก็แค่ 100 ลูก จาก 5 ต้น แต่พอเรามาใช้วิธีนี้ 2 ปีหลัง เราได้มะเขือเทศประมาณ 300 ลูกจาก 5 ต้น แล้วก็ได้ลูกใหญ่กว่าทุกปีที่ผ่านมา ไม่เคยได้มะเขื่อเทศมากเท่านี้มาก่อน
แม้แต่ต้นที่ขาดแคลเซียม ตอนแรกคิดว่าจะถอนทิ้ง เพราะดอกมันร่วงหมดเลย แต่พอมาลองเอาเปลือกไข่ไปเทลง ปรากฏว่ามันติดลูกออกมาประมาณ 10 กว่าลูก เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้ให้ดู มันก็ออกลูกมาใหญ่พอสมควร พอได้เก็บไส่สลัดทาน
วิธีนี้ฟังดูอาจจะยุ่งยาก แต่ถ้าคุณไม่ลองก็ไม่รู้ว่าได้ผลจริงแค่ใหน เราแบ่งปันข้อมูลให้โดยไม่คิดเงิน ใครจะเก็บไปทดลองก็ไม่ว่ากัน เห็นผลอย่างไรอย่าลืมมาบอกกันบ้างนะค่ะ ขอให้มีความสุขทุกคนค่ะ
(หากสมาชิกท่านใดที่มีคำถามก็ให้ส่ง PM มาถามได้ค่ะ หากถามในนี้อาจจะไม่ได้ตอบเพราะไม่ค่อยได้เข้ามาอ่านย้อนหลัง ขอขอบคุณทุกความคิดเห็น และบ้านสวนพอเพียงแห่งนี้ค่ะ)
- บล็อกของ oddzy
- อ่าน 49519 ครั้ง
ความเห็น
แก้ว กุ๊ก กิ๊ก
7 ธันวาคม, 2010 - 20:24
Permalink
ฃขอบคุณนะคะ
อยากทราบว่า มะเขือชนิดอืน ต้องดูแลแบบนี้ด้วยไหมคะ
oddzy
7 ธันวาคม, 2010 - 23:21
Permalink
คุณแกว
อ๊อดยังไม่เคยทดลองกับมะเขืออย่างอื่นเลยค่ะ น่าจะได้ผลนะค่ะ เพราะเปลือกไข่มีแคลเซียมสูง สามารถนำไปผสมดินรองพื้นหรือก้นหลุมก่อนปลูกผักได้เป็นอย่างดี
ลุงพี
7 ธันวาคม, 2010 - 20:40
Permalink
ขอบคุณครับคุณอ๊อด
ที่บ้านผมไม่เคยปลูกมะเขือเทศ แต่ก็มีขึ้นมาเองตามธรรมชาติจากเมล็ดที่ทิ้งๆขว้างๆ ปล่อยแบบธรรมชาติ มีลูกบ้างก็เก็บมากิน ไม่มีลูกก็ปล่อยให้แห้งเหี่ยวไป ตอนนี้ชักนึกอยากปลูกขึ้นมาแล้วเชียว ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ บล็อกนี้สะท้อนให้เห็นความเป็นมืออาชีพของชาวตะวันตกเค้านะครับ เค้าศึกษาอย่างละเอียดลึกซึ้งจัดการบรรยายเรียกเก็บเงินหัวละเกือบพันก็มีคนสนใจ อย่างที่สอนชิมเหล้านั่น ผมก็จ่ายไปเซสชั่นละเกือบสามพัน ได้ชิมเหล้าแค่หกแก้วเอง
พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง
oddzy
7 ธันวาคม, 2010 - 23:19
Permalink
โหลุงพี
มีการไปเรียนชิมเหล้าด้วยหรอ ตั้งเกือบสามพัน ที่ใหนค่ะ? อ๊อดมีวิธีการดื่มเบียร์นะ สนป่าว??? เคยไปชิมเบียร์แล้วก็ไปเยี่บมชมโรงงานผลิตเบียร์มาค่ะ เขาสอนให้วิธีการชิมให้ด้วย ก่อนกลับแจกแก้วมาคนละใบด้วยนะ อิอิ
ที่ไปชิมน่ะ ไปเป็นเพื่อนสามีค่ะ เพราะเขาชอบดื่มเบียร์ ส่วนอ๊อดน่ะ ชอบไวน์แดงค่ะ
ลุงพี
8 ธันวาคม, 2010 - 00:00
Permalink
ที่สวิสฯ ครับอ๊อด
ที่สก๊อตแลนด์หรืออังกฤษจะมีบ่อยๆ ที่นิวยอร์คก็มีเป็นครั้งคราว ที่กรุงเทพผมเคยเข้าสองครั้ง ผมเคยลงบล็อกไว้ใน ลุงพีขี้เมาพาไปชิมเหล้าที่สวิสฯ ถ้าสนใจลองอ่านดูนะครับ
พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง
oddzy
8 ธันวาคม, 2010 - 00:14
Permalink
สุดยอดเลยลุงพี นับถือ
เห็นภาพก็เมาตามแล้วค่ะ เออ..อ่านจากที่ลุงพีอธิบายการจิบเหล้า แล้ว เหมือนกับที่เขาสอน ชิมเบียร์เลยลุงพี เด๊ะๆๆๆเลยจ้า ขอบอก ขั้นตอนการจิบ การดม การอมแล้วก็กระดกแก้ว กลืนอึ๊ก เอออออเหมือนกันทุกอย่างเลย งั้นเอาไปใช้กับการชิมเบียร์ได้เนาะแบบนี้ ฮ่าๆๆ มาววววววเป๋กลับบ้านเลย
ลุงพี
8 ธันวาคม, 2010 - 00:26
Permalink
เรื่องในอดีต
ปัจจุบันผมเลิกดื่มไปแล้ว หลังจากปฏิบัติธรรมผ่านมาได้สองปี แต่ก็ยังทำไวน์ผลไม้เองอยู่เนืองๆ ที่เพื่อนสมาชิกชาวบ้านสวนฯหลายคนได้ลองชิมกันแล้วก็คือไวน์ท้อแท้ ส่วนไวน์ดูไอเลิฟยูโซ เหยือกล่าสุดที่ทำไปคงต้องรอให้ถึงวันวาเลนไทน์ก่อนครับ จะได้นัดกันมาชิม
พอกิน พอใช้ พอใจ คือความหมายของ พอเพียง
nita
7 ธันวาคม, 2010 - 20:44
Permalink
ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่อันนี้
oddzy
7 ธันวาคม, 2010 - 23:20
Permalink
ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม
ขอบคุณ สมช. ทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมชม และขอบคุณสำหรับคะแนนโหวต
นายบุญลือ
8 ธันวาคม, 2010 - 10:24
Permalink
ต้องการนำมาประยุกต์ใช้
คุณoddzy ครับ
ความรู้ วิชาการ ของฝรั่งผมยอมรับ แต่จะนำมาใช้แบบเขาทั้งหมดไม่ได้ เนื่องจากราคาแพง
ดังนั้นการนำเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย อย่างที่คุณ oddzy แนะนำวันนี้ มาประยุกต์ใช้กับบ้านเราผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมาก
ถ้ามีภาพอะไร ,วิธีีการ ,เทคนิค ที่พอจะใช้กับบ้านเราได้ นำมาลงบล็อกเถอะครับ มีประโยชน์กับผู้ที่สนใจปลูกต้นไม้มากครับ
หน้า