พี่สืบในใจฉัน (ตอน 2)
พี่สืบ ตอน 2 (การจับสัตว์ในอ่าง)
เราลงไปอยู่ในแพกันบางครั้ง สูงสุดเป็นเดือน แล้วขึ้นฝั่งมาหาเสบียง ซื้อของ ซื้อกับข้าวไปกินกัน บางทีเราก็ไปเที่ยวกันในเมือง และนอนที่เข่าท่าเพชร จำได้พี่สืบพาไปเที่ยว นพพิลาน เป็นร้านอาหาร ใต้โรงแรม อะไรธานีนี่หละที่ข้างโรงพยาบาลมะขามเตี้ย พี่สืบกินกาแฟไม่ใส่น้ำตาล ดื่มเบียร์ ไม่ทานเหล้า กินแล้วไม่เคยเห็นว่าเมาเลย แปลกคน นั่งเงียบอยู่คนเดียวเป็นประจำ....
ตอนที่กลับมาที่เขาท่าเพชร เราก็ขลุก อยู่กับพี่เขาตลอด ไม่รู้เป็นไร อาจจะถูกชะตา มีงานชิ้นหนึ่งที่ภูมิใจที่สุด พี่แกเห็นเราจบทาง วารสารการประชาสัมพันธ์มามั้งให้เราช่วยทำงานอัดเสียงธรรมชาติให้พี่เขา และเป็นเรื่องที่ใช้ประกอบในตอนที่เราช่วยกันเก็บสัตว์นั่นแหละ อัดเสียงธรรมชาติเข้าไป ยังจำที่เรานั่งกันที่หลังเขา พี่สืบอธิบาย พร้อมสอนถึงเรื่องการดูแลสัตว์ มากมาย นี่แหละเป็นเหตุผลที่เถียงหัวชนฝา หรือไม่ชอบเลยที่ใครทานสัตว์ป่า
นี่เป็นภาพที่พี่สืบถ่ายผู้เขียนเองค่ะ และเป็นจดหมายฉบับนี้ของพี่สืบที่เขียนถึงตอนขึ้นกองอนุรักษ์ และพร้อมทั้งส่งรูปนี้มาให้ค่ะ
ภาพนี้พี่สืบถ่าย ในวันที่พาเราเดินรอบเขาท่าเพชร หลังจากอยู่ในแพ ได้ 1 เดือน ช่วงที่กลับมาที่เขาท่าเพชร และนำภาพที่ถ่ายมาทำเสียงประกอบ ในมือถือเครื่องอัดเสียงของพี่สืบเพื่อช่วยพี่เขาอัดเสียงธรรมชาติ พี่สืบไม่รู้เป็นไร บอกว่า น้องอิ๊ดมาพี่ถ่ายรูปให้ และที่เสื้อ ที่ดำ ๆ เป็นเจ้าจ้อน ที่พี่สืบให้เลี้ยง เพราะมันน่ารัก กระรอกตัวเล็กนะ ไปไหนก็พาไปด้วยค่ะ
มีเรื่องหนึ่งอยากจะเล่ามาก.... ตอนที่ไปจับเสือ ...โดยใช้ลูกหมูล่อ มีกรงเล็กขังลูกหมูด้านในกรงใหญ่อีกทีค่ะ ไม่ต้องกลัวลูกหมูตายหรอก โห.. ตื่นเต้นมาก พี่สืบบอกว่า ห้ามจ้องตาเสือ ไอ้เรานี่คนชอบลอง พนักงานพิทักษ์ป่าบางคน ปืนตกก็มี แต่เรามันบ้า น่ะ และเสือตัวนี้ ล่าอยู่ตั้งหลายวัน พอไปตรงนู้น ชาวบ้านว่าไปทางนั้น ทางนู้นบ้าง หัวเวียน ใน เขตคลองแสง เขาสก ชาวบ้านก็กลัว เพราะมีข่าวว่าทำร้ายชาวบ้านและโดนยิง เล่าว่าเสือลำบากนี่น่ากลัว แต่รู้มั้ยพี่สืบบอกว่าต้องตามให้ได้ ไม่ใช่ไปฆ่ามัน หรอก.... ต้องตามให้เร็วที่สุดเพื่อช่วยเหลือมัน นี่แหละพี่สืบ ตามกันเป็นอาทิตย์ ตอนหลังต้องใช้ลูกหมูดัก ตั้ง 2- 3วันแนะ ต้องอยู่บนห้างบนต้นไม้ เสือ ตัวใหญ่มาก แต่พอมาอยู่ได้ 2-3 วัน มันตาย พี่สืบเศร้ามาก หน้าตางี้ แดง เราก็พลอยเศร้าไปด้วย โห...นี่หละ สืบ นาคะเสถียร
ระหว่างที่ขึ้นหาสัตว์บนเกาะต่างๆ ต้องเรียกเกาะแล้ว เพราะน้ำ...มันขึ้น..สูงเรื่อยๆ จากเขา กลับกลายไปเหมือนทะเล.. ไม่ว่าจะไปทางไหน ตามรอยสัตว์ชนิดไหน พี่สืบ จะเล่าว่าต้องสังเกตุ รอยเท้า ขี้ของมัน ขนาดเห็นลานดินก็จะรู้ว่าสัตว์ชนิดไหนเลย สุดยอด......
ครั้งหนึ่ง วันนั้น ขับเรือกลับจากการตระเวน ไปทั่วอ่าง ขากลับ อยู่ อยู่พี่สืบร้องขึ้นว่าเลี้ยวหัวเรือกลับ เรานึกในใจพี่เขาเห็นสัตว์ที่สำคัญมากมากแน่ รู้มั้ยมันคืออะไร กิ้งก่าน่ะ หือนี่แหละจิตใจของพี่เขา ใช้ที่ช้อนเอากลับมาปล่อยบนบกค่ะ วันไหนมีสัตว์ให้จับเยอะเราก็ดีใจกันทุกคน เพราะเหมือนกับว่าได้ช่วยชีวิตเขาให้พ้นจากน้ำ
จับเลียงผา วันนั้น รู้มั้ยนั่งกันในเรือ เรือจะออกไปด้วยกัน 2 ลำทุกวัน พี่สืบบ่นนะ ว่าไม่อยากใช้เรือยนต์เลย อยากได้เรือพาย เพราะเสียงมันดัง ทำให้ไม่เจอสัตว์ และทำให้สัตว์ตกใจ แต่หากใช้เรือพาย ก็ไม่สะดวกอีกพื้นที่มันกว้างมาก นี่คือข้อจำกัดของการทำงาน เราไม่รู้หรอกว่าพี่สืบใช้งบประมาณ อะไร จากไหน นักวิชาการเป็นใครบ้าง เห็นแต่มีกระบวนการทำงานที่จับสัตว์ พี่หลินพี่นิด วัดความยาว สัตว์ อนุบาล ฉีดยาให้ พี่ผู้ชายอีกคน ไม่แน่ใจว่าชื่ออะไร ตัวขาว ออกจีน ๆ ที่ช่วยพี่สืบทำงาน พี่เขาก็เก่ง ช่วยกันตัวเป็นเกลียว(นี่หากพี่รู้ว่าจำเขาไม่ได้จะเป็นไรนะ เรานี่แหละเด็กไม่ได้เรื่องเอง) ออบางทีมีเจ้าตัวนี้ช่วยนะ บางทีก็พาไป เพื่อไล่ต้อนสัตว์ค่ะ มันน่ารักมาก
ภาพจาก Google มิใช่ของผู้เขียน กระจง
หยุด หยุด พี่สืบ บอกให้ดับเครื่องยนต์ เราก็มองตามสายตาพี่สืบ บนชะง่อนผา มีอะไรตัวดำ ดำ กำลังไต่ อยู่ โอ....เลียงผา พี่สืบดีใจมาก เรามองออก เราก็ดีใจ เพราะเลียงผาเป็นสัตว์ป่าสงวนค่ะ และวิ่งเร็วมาก พอถึงตอนนั้น ทุกคนก็ขึ้นฝั่ง ช่วยกันต้อน คนละมุม ทุลักทุเล พี่สืบเปียกโชก ฟัดกับเลียงผา แต่ทุกคนก็เปียกนะเพราะลงน้ำ กว่าจะจับได้ เราก็ไม่รู้ว่าเป็นชั่วโมงหรือเปล่า แต่นานแหละ นานกว่าชั่วโมงแน่แน่ สนุกมาก ตื่นเต้น และมีอะไรมากมายที่ได้เรียนรู้ แต่ทุกครั้งที่จับสัตว์ พี่สืบเหนื่อย และมอมแมมทุกที วันนั้นเกือบมืด ต้องมาส่งสัตว์ที่เขาท่าเพชร ตอนเช้า แต่เจ้าตัวนี้รอดค่ะ....
ล้อมกระจง...ใครรูจักกระจงบ้าง เมื่อก่อน ตามวิถีชนบทมีเยอะมาก คนชอบล่า ไม่มีให้เห็นแล้ว ตาของเขาจะแววมากตอนกลางคืน เห็นดวงตาใส ใส อย่านึกว่าผีนะค่ะ เจ้าตัวนี้แหละ ..
ก็ออกไปทำงานปกติเหมือนทุกวัน แต่วันนี้พี่สืบแจ้งล่วงหน้า ว่าให้เตรียมอุปกรณ์ไป คือเราจะไปล้อมจับกระจงกัน นึก ภาพออก มั้ย ในสภาพที่ราบ เชิงเขา บางที่ก็เป็นภูเขาเตี้ย ๆ บางที่ก็เป็นภุเขาสูง แต่พอระดับน้ำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สัตว์ก็จะหนีน้ำขึ้นที่สูงไปเรื่อยๆ ก็ไปดูลาดเลากันแล้ว อุปกรณ์ที่เตรียมคือ รู้จักอวนตาห่างมั้ย บางคนชอบซื้อมาจากชาวเลที่ทำการประมงมา เพื่อทำเป็นที่กั้นคอกเป็ด คอกไก่ ในบ้านสวนก็มีน่ะ ที่ป้าเล็กให้ต้นบอบเลื้อยเกาะน่ะ นั้นแหละ แต่นี้เป็นผืนใหญ่มาก นำมาเย็บต่อกัน แล้วขึงไว้ที่สุดของเกาะอีด้าน เกาะเล็กนะค่ะหมายถึงประมารณน่าจะ100 เมตรได้ จำได้เราอยู่ด้านอวนนี่แหละพี่สืบให้ยืนเรียงแถวหน้าราะดาน และอีกด้านหนึ่ง ยืนเรียงแถวหน้ากระดานเช่นกัน มีไม้เป็นเครื่องมือ เดินพร้อมกันมา และตีไม้ในพงหญ้า พร้อมส่งเสียงดัง
เสียง ครึก....ครัก.... ครึก....ครัก.... วิ่งกันมาทางเรา พออีกฝ่ายมาถึงเราก็คลุมอวนทันที เพราะกระจงจะแล่นหนีมา วันนั้นจำได้เกาะแรก ได้เกือบ 60 ตัว ดีใจมาก มันน่ารักมาก และสะอาด พี่สืบบอกว่า จริงๆ แล้ว กระจงเป็นสัตว์ที่ตื่นง่าย กลัวมันตาย แต่ไม่รู้ทำไงต้องช่วยเหลือเขาค่ะ..
และสัตว์อื่นๆ อีกมากมาย เช่น ลิง ค่าง ชะนี(ที่เห็นในภาพตามเวปต่างๆนั่นแหละ) ลิ่น กระจงควาย เก้งหม้อ และอีกตัวที่สมเสร็จ แต่เจอแต่ซากที่ดดนใครไม่รู้แล่เนื้อหมดแล้ว อนาจใจ...พอนะ
พี่นิด หรือ พี่หลินแล้วไม่แน่ใจ กำลังช่วยพี่สืบ ทำงาน
ภาพจาก Google มิใช่ของผู้เขียน ภาพนี้ พี่คนนี้แหละที่จำชือไม่ได้.จับชะนี
โปรดติดตามตอนต่อไป......ค่ะ
- บล็อกของ ยายอิ๊ด
- อ่าน 7466 ครั้ง
ความเห็น
ยายอิ๊ด
30 ตุลาคม, 2010 - 13:02
Permalink
ค่ะเจมส์
ขอบคุณค่ะ
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
หน้า