ทำมากได้น้อย

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ขึ้นชื่อ หัวข้อว่าทำมากได้น้อย เพื่อนๆสมาชิกคงงง ผมหมายถึงงานประจำที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายของผม มานั่งคิดนอนคิดเรื่องงานที่เราทำลงไปในแต่ละวันช่างมากมาย คือผมทำงานเป็นช่างดูแลพวกตึกพวกคอนโดสูงๆๆ พิจารณาถึงการทำมากได้น้อยดังนี้

1.เริ่มเข้าทำงานเวลา 08.30 น. โดยวิธีการลงเวลา หากสายระบบคอมฯจะคิดอัตโนมัตินาที 0.73 บาท ช่วงแรกก็ปรับตัวไม่ทัน มีรถติด นอนตื่นสายบ้าง ก็โดนหักบ้าง แต่มองอีกมุมหนึ่งก็ยุติธรรมดีสำหรับพวกที่ชอบมาสาย มาช้านะ

2.เวลาเข้างาน 08.30 เวลาเลิกงาน 18.00 น.มานั่งนับดูหลังจากหักพักเที่ยง (ความจริงไม่ได้พักก็นั่งกินข้าวแล้วทำงานต่อในออฟฟิตเลย) ผมยังทำงานวันละ 9.30 ชม. เลย

3.เนื่องจากเป็นตึกสูงๆซึ่งมีระบบความปลอดภัยต่างๆมากเช่นระบบลิฟต์ ระบบไฟฟ้าสำรอง  ระบบแจ้งเตือนเพลิงไหม้ เป็นต้น จึงจำเป็นต้องมีช่างที่นอนเวรกลางคืนด้วย รายละเอียดดังนี้

3.1 ช่างกลางคืนเข้างานต่อผมเวลา 18.00 น. แต่ประทานโทษครับไม่เคยมาตรงเวลาหรอก มาที 1- 2 ทุ่ม อาจด้วยสาเหตุใดไม่ทราบได้ หลักจริงๆผมจะออกก่อนก็ได้ไม่ผิดเพราะเป็นเวลาเลิกงานแล้ว แต่มันเป็นจิตใต้สำนึกของความรับผิดชอบและจะปฎิเสธความรับผิดชอบร่วมไม่ได้กรณีเราออกไปก่อนแล้วเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นกับตึก ก็โดนทั้งสองคนอยู่ดี มานั่งคิดในใจก็เราไม่ผิดนี่น่าอยูรอก็ไม่ได้เงินเพิ่ม ทีมาสายยังหักเงินเรายังงี้ยุติธรรมไหมหนอ

3.1 กรณีที่ผมนอนเอง ก็แบ่งกับเพื่อนนอนคนนั้นแหละคนละ 15 วัน ผมก็ทำงานประจำที่ตึกนี้มาทั้งวัน และหลังจาก 6 โมงเป็นต้นไปก็เป็นการนอนเวรของผมจนถึงรุ่งเช้าของอีกวันหนึ่งแล้วก็ทำงานต่อไปอีก บางทีก็ 3 วันติด ถามว่าคุ้มไหมครับ 6 โมงเย็นจนถึง แปดโมงครึ่งของอีกวันหนึ่งได้คืนละ 250 บาทครับ

4.งานที่ผมทำเป็นงานลักษณะของงานบริการ ต้องรองรับอารมณ์ของลูกค้าที่มาใช้บริการที่ตึก และท่านเจ้าของร่วมทั้งหลายที่มักคิดว่าตัวเองถูกเสมอ

5.งานที่ทำบางงานเป็นงานที่เกินกำลังความสามารถที่จะทำคนเดียวได้ เช่นซ่อมลิฟต์ ซ่อมปั้มตัวใหญ่ร้องขอคนจากส่วนกลางก็ไม่เคยมีใครมาช่วย แต่พอทางลูกค้าร้องเรียนว่าทำไมยังแก้ไม่ได้ ก็จะซ้ำเราทันที หากงานไหนที่เราแก้ไขได้แล้วได้รับคำชื่นชม เจ้านายเราจะเข้ามาและคุยกับลูกค้าว่าผมมาดูแลช่วยเหลือน้องเขาตลอด ส่งทีมงานสนับสนุนมาช่วยน้องเขาเป็นประจำ เอาความดีไปซะหมด

 เป็นการระบายคร่าวๆครับซึ่งเกิดเกิดจากความเบื่อหน่าแต่ก็ต้องทนเพราะเรายังออกจากงานตอนนี้ไม่ได้ เราต้องทนทำไปก่อนหากเราพร้อมวันไหนเราคงได้ออกไปเป็นนายของตัวเอง ไม่ต้องมีใครมาสั่งการเรา และไม่ต้องคอยรองรับอารมณ์ของใคร  และที่สำคัญไม่ต้องมีใครชิงตัดหน้าเอาผลงานไป เราจะได้คำว่า ทำมากได้มากซะที เพราะเป็นกิจการงานของเราเองครับ

ความเห็น

ไม่มีไครได้อะไรมาง่ายๆสู้ต่อไปนะน้อง      หมดอะไรก็ได้หมดไป      แต่ขออย่าหมดกำลังใจ     ต้องเข็มแข็งและต้องสร้างกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ให้ตัวเองนะน้อง

มีภาระที่ต้องรับผิดชอบก็ต้องทำกันไปครับ
แต่เมื่อมีหนทาง ก็อย่าลืมบันทึกนี้ http://www.bansuanporpeang.com/node/477

พี่ก็เป็นอีกคนนึงที่ต้องทน ถามว่างานก็เหมือนเดิม มีปัญหาเหมือนกับทุกๆวัน จริงๆแล้ว ทุกอย่างมันแก้ไขได้ ซึ่งก็เป็นอย่างนี้มาตลอด แต่พอถึงจุดๆหนึ่ง ซึ่งรู้สีกว่า ตัวเองเริ่มทนไม่ได้ รู้สึกว่า เรามาทนทำอะไรอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่บ้านเราก็มีที่ทาง เมื่อก่อนเคยคิดว่า จะกลับไปทำอะไร เพราะที่บ้านทำเกษตรเชิงเดี่ยวมาตลอด เราก็เลยไม่รู้วาเราจะกลับไปทำอะไร แต่มีครั้งนึงที่กลับไปที่บ้าน ไปเห็น คนงานขอเช่าที่เพื่อปลูกผัก เห็นเขาปลูกอย่างสนุกสนาน พ่อ-แม่ลูก อยู่พร้อมหน้า หัวเราะ เล่นไป ทำไปอย่างมีความสุข... จนคิดย้อนกลับมาที่ตัวเอง เช้ามาทำงาน - เย็นกลับบ้าน จันทร์ - เสาร์ เป็นอย่างนี้มาสิบปี มีรถ 1 คัน บ้าน 1 หลังที่เพิ่งจะผ่อนได้ 3 ปี ที่สำคัญ มีลูกสาวตัวน้อยๆ อายุ 1.8 ขวบ แต่ที่ปวดใจที่สุด คือ เลี้ยงลูกด้วยโทรศัพท์ โทร เช้า-เย็น ทุกวัน ตอนนี้ส่งลูกไปอยู่ที่ตรัง ซึ่งต้องรอวันหยุดยาวๆ ถึงจะได้กลับไปหา... คนที่มีลูกจะเข้าใจดี ว่าเราทำทุกอย่างเพื่อลูก แต่..เราไม่ได้อยู่กับลูก...จริงหรือ ที่ทำเพื่อลูก.... ตอนนี้ตัดสินใจที่จะออกจากงานแล้ว คิดว่าไม่เกิน มิ.ย นี้... ไร้อะไรจะเกิดขึ้น แต ขออยู่กับลูกพร้อมหน้า พร้อมตาดีกว่าเพราะไม่รู้ว่า วันพรุ่ง อะไรจะเกิด...  

 

 

ถ้าต้องเลือก...เริ่มต้นตอนแก่ กับ "อดทน" จนแก่ตาย...
ควรจะเลือกอะไร...

ยังมีงานรองรับ   หมูหลุมโตหรือยังใกล้ได้ขายแล้วซินะ

ยังเลยครับป้า น่าจะประมาณต้นเดือนมิถุนายนนั่นแหละ ตอนนี้ให้พ่อทำคอกเพิ่มอีกคอกแล้วหมูมันตัวโตขึ้น คอกแรกเลยดูแคบลงไป เลยแยกมาอยู่จะได้ไม่เบียดเสียดกันยิ่งน่าร้อน สงสารมัน นึกถึงใจเขาใจเราครับ

สวัสดีครับ จำป้อจายคนนี้ได้ก่

หน้า