เทศกาลอีสเตอร์ (Easter)
เทศกาลอีสเตอร์จึงเป็นสัญญลักษณ์ของการเกิดใหม่ การมีชีวิตใหม่ จะมีการตกแต่งด้วยไข่ และ กระต่าย
และเทศกาลวันกระต่ายที่ผ่านมาครอบครัวตู่ก็ใช้เวลากับครอบครัว และที่สำคัญให้เวลากับลูก พากันไปเก็บไข่ตามที่สถานที่ต่างๆ จัดขึ้น สนุกมากค่ะ(เสียดายที่อากาศยังหนาวอยู่)
เริ่มจากการไปลงทะเบียนรายงานตัว ก็จะได้สติ๊กเกอร์ติดไว้ที่เสื้อ เจ้าสองแสบตู่สนุกกันใหญ่เลยค่ะ
หลังจากนั้นก็มาตัดกระดาษทำเป็นหน้าพี่กระต่าย
พอตกแต่งเสร็จเรียบร้อย ก็จะได้เจ้ากระต่ายแบบนี้ค่ะ
ขอบคุณสำหรับคำอธิบายเพิ่มเติมค่ะ พอดีว่าเมื่อคืนนี้ลงภาพดึกไปหน่อย เลยให้ข้อมูลไม่ครบ
วันอีสเตอร์ คือวันระลึกถึงวันเป็นขึ้นมาจากความตาย ขององค์พระเยซูคริสต์ ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ คำว่า “อีสเตอร์” ที่นำมาใช้สำหรับการฉลองนั้นมาจากคำว่า“EOSTRE” ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งฤดูใบไม้ผลิตของพวกทูโทนิคเป็นเทพเจ้าแห่งการฟื้นคืนชีพ เพราะก่อนถึงฤดูนี้ ต้นไม้ใบหญ้า ดอกร่วงหล่นเหลือแต่ซาก พอถึงฤดูใบไม้ผลิมันจะกลับผลิดอกออกใบมีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง ฉะนั้นฤดูใบไม้ผลิ จึงถูกนำมาเปรียบกับการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูด้วย จึงเรียกวันนี้ว่า “อีสเตอร์”
สมัยก่อน คริสตจักรต่างๆจัดฉลองวันอีสเตอร์ในวันอาทิตย์ที่ไม่ตรงกันจนถึงปี ค.ศ.325 สภาไนเซียหรือสภาผู้นำคริสตจักรทั่วโลกได้ประชุม และมีมติให้กำหนดแน่นอนให้คริสตจักรทั่วโลกฉลองเทศกาลอีสเตอร์ให้ตรงกัน โดยกำหนดวันอีสเตอร์คำนวนตามระบบจันทรคติทั้งนี้เนื่องจากต้องการให้การฉลองวันที่พระเยซูเป็นขึ้นมาจากความตาย ตรงกับเหตุการณ์ในครั้งแรกจริงๆ การฉลองวันอีสเตอร์ โดยทั่วไปจะเริ่มตั้งแต่เช้ามืดของวันอาทิตย์ คริสตชนจะไปรวมตัวกันที่โบสถ์ หรือที่สุสาน หรือในทุ่งกว้าง หรือตามป่าเขา ร้องเพลงนมัสการพระเจ้าตั้งแต่ยังมืดอยู่พอดวงอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นจากขอบฟ้าเสียงเพลง”เป็นขึ้นแล้ว”ก็จะดังกระหึ่มขึ้นเขาจะร้องเพลง อธิษฐานโมทนาพระคุณพระเจ้า และสรรเสริญพระองค์ที่ทรงเป็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้มีชัยชนะเหนือความตาย และทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ หลังจากนั้นก็ บรรยายถึงการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์หนุนใจให้คริสตชนดำเนินชีวิตอย่างมีชัย เหนือความบาป และความตายยืนหยัดอยู่ในความเชื่อศรัทธาที่มีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า จากนั้นส่วนใหญ่ก็จะรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน เสร็จแล้วบางแห่งก็จะมีการเล่นเกมส์สนุกๆ หลายแห่งนิยมเอาไข่มาระบายสีต่างๆ ให้ดูสวยงามและนำไปซ่อนให้เด็กๆ หรือหนุ่มสาวค้นหาอย่างสนุกสนาน คนโบราณในประเทศตะวันตกเชื่อกันว่าไข่เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตเพราะกำลังจะมีชีวิตใหม่เกิดขึ้น จึงได้มีการใช้ไข่เป็นสัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์ด้วยดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์ คือดอกลิลี่หรือดอกพลับพลึงขาวบริสุทธิ์
คริสเตียนถือว่า วันที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เป็นวันที่สำคัญที่สุด เป็นหัวใจของข่าวประเสริฐ เพราะถ้าไม่มีวันอีสเตอร์ วันคริสตมาสหรือวันศุกร์ประเสริฐ ก็ไม่มีความหมาย เพราะถ้าพระเยซูเสด็จมาเกิด และสิ้นพระชนม์โดยไม่ได้เป็นขึ้นมาใหม่ พระองค์ก็จะเป็นพระเจ้าที่ตายแล้ว ไม่สามารถช่วยเราได้ แต่เมื่อพระองค์ได้ชัยชนะเหนือความตาย บรรดาผู้เชื่อจึงมีความหวังที่แน่นอน ที่จะเป็นขึ้นจากความตาย มีชีวิตนิรันดร์ในสวรรค์สถานกับพระเจ้า ได้มีความมั่นใจในชีวิตนิรันดร์หลังความตาย สิ่งนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ว่า หลังจากพระเยซูคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตาย พระองค์ได้ไปปรากฏในที่ต่างๆ หลายแห่ง ท่ามกลางสาวก และได้อยู่กับสาวกเป็นเวลา 40 วัน จึงได้เสด็จสู่สวรรค์ท่ามกลางพยานถึง 500 คน เมื่อพระองค์ตรัสสั่งสาวกให้ไปประกาศข่าวประเสริฐ จนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก (มัทธิว 28:18-20) และพระองค์ทรงสัญญาว่าจะอยู่กับพวกเขาจนกว่าจะสิ้นยุด และยังสัญญาว่าจะกลับมารับพวกเขาไปอยู่กับพระองค์ พวกสาวกจึงได้ออกไปประกาศข่าวนี้ โดยไม่กลัวอันตรายใดๆ บ้างก็ถูกต่อต้าน ถูกจับทรมาน ถูกฆ่าตายแต่พวกเขาก็ไม่หยุดยั้ง เพื่อยืนยันถึงสัจธรรมที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นความจริงโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ยิ่งนับวันผู้คนติดตามพระองค์ก็มีมากขึ้น พระองค์ได้สถาปนาอาณาจักรของพระองค์ด้วยความรักที่สละได้แม้ชีวิตของพระองค์เอง ที่พวกเขาเชื่อว่าเป็นความจริง
กลับมาต่อด้วยการเก็บไข่กันนะค่ะ
พอใส่หน้ากากกระต่าย ตามมาด้วยการวาดภาพ ระบายสี ตกแต่งไข่
พอเสร็จกิจกรรมก็จะมายืนรอเข้าแถวรับของขวัญวันกระต่ายกลับบ้านค่ะ
- บล็อกของ ตู่
- อ่าน 7646 ครั้ง
ความเห็น
เซพ
7 เมษายน, 2010 - 04:26
Permalink
ชอบมากเลย
ที่จันก็มีนะพี่ตู่(ที่วัดคาทอลิกจันทบุรี)ผึ้งจะผ่านไปเอง
เซพเป็นคนคริตทุกปีจะมีการละเล่นซ่อนไข่กันสนุกน่านทุกปี
แต่ปีนี้ไม่ได้เล่นน่าเสียด่ายจริงๆแล้ววันอิสเตอร์วันที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนและหลังจากอีกสินพระชนแล้ว
ก็คืนชีพอีกสามวันทุกวันนี้ก็เลยเป็นเทศการอิสเตอร์
ยายอิ๊ด
7 เมษายน, 2010 - 08:25
Permalink
เซพ
วันอาทิตย์อย่าลืมไปโบสถ์ การอ่านพระคัมภีร์ วันหละ 7 หน้า 1 ปีเราจะอ่านจบ เล่ม พอดีจ้า...น้อง หากไม่มีเวลามากนัก อ่าน มานาบ้างก็ได้ค่ะ เพื่อเป็นอาหารเสริม
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
เซพ
7 เมษายน, 2010 - 20:54
Permalink
ข้อมูล
ขอบคณุสำหรับข้อมูลนะครับพี่อิ๊ด
วันอิสเตอร์ ขอบที่เตือนพี่อิสเดี่ยวนี้ไม่มีเวลาอ่านต้องทำงาน
จะพยายามจัดเวลาอ่านคิดถึงพระคัมภีร์เหมื่อนกัน
แล้วพี่อิ๊ดละอ่านบ่างเปล่า
ยายอิ๊ด
7 เมษายน, 2010 - 20:55
Permalink
ชัวร์.........
ชัวร์.........
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
เซพ
7 เมษายน, 2010 - 21:01
Permalink
อืม.ใกล้ถึง
ใกล้ถึงยุกสุดท้ายแล้ว
ยายอิ๊ด
7 เมษายน, 2010 - 21:02
Permalink
10 อย่าง
เกิดไปกี่อย่างแล้ว เห็นมั้ย ดูในบทวิวรณ์
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
ยายอิ๊ด
7 เมษายน, 2010 - 21:05
Permalink
ให้เซพ
http://www.youtube.com/watch?v=9fgAXBJcN1Q
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
เซพ
7 เมษายน, 2010 - 21:47
Permalink
เพลงเพาะ
เพลงเพาะดี
ยายอิ๊ด
7 เมษายน, 2010 - 21:53
Permalink
ต้องควบกล้ำ
เพลงเพราะค่ะ
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
ยายอิ๊ด
7 เมษายน, 2010 - 08:23
Permalink
อธิบายวันสำคัญของคริสตชน
ขออธิบายหน่อยนะค่ะ วันนี้เป็นวันที่ระลึก ถึงการตายของพระเยซู ที่โดนตรึงไม้กางเขน เพื่อไถ่ปาบให้กับมนุษย์ทุกคน (ตามความเชื่อของคริสตชน) คริสตชน มีหลายนิกาย การเรียกวันต่างๆ ก็เป็นไปตามนิกายนั้นๆ แต่การปฏิบัติมีความคล้ายคลึงกัน แตกต่างกันบ้าง เช่นการเรียกชื่อวัน การแสดงการระลึกที่ปฏิบัติ แต่วัตถุประสงค์ เดียวกัน คือระลึก ถึงพระเยซูวายพระชนม์จ้า.........
.วันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) คริสเตียนจะใช้คำนี้ค่ะ
เป็นการระลึกถึงการตรึงพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนและการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
หมายเหตุ: คาทอลิกเรียก “วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์” พระเยซูเจ้าทรงรับทรมานและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน (Good Friday of the Lord’s Passion)
อีสเตอร์ (อังกฤษ:Easter) คือ วันอาทิตย์แห่งการฟื้นคืนพระชนม์ขององค์พระเยซูคริสต์ เป็นวันที่มีความสำคัญมากวันหนึ่งและมีการเฉลิมฉลองกันของชาวคริสต์ จัดขึ้นระหว่างปลายเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน ในนิกายออร์โธดอกส์จะจัดขึ้นระหว่างต้นเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคม(กำหนดขึ้นเป็นวันใดวันหนึ่งในช่วงเวลานี้)เพื่อเป็นการสรรเสริญในการที่พระเยซูได้เป็นขึ้นมาจากความตาย ตามความเชื่อที่ว่าภายหลังสามวันที่พระเยซูได้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ตรงกับช่วงเวลาเทศกาลปัสกาของชาวยิว
#แตกต่าง.แต่.ไม่แตกแยก#
หน้า