ก้าวแรกกับการทำคอกหมูหลุม
ช่วงวันที่5-8 ม.ค.ที่ผ่านมาได้ลาพักร้อนกลับบ้านไปสร้างคอกหมูหลุมครับมาครับ หลังจากที่ได้สนใจการเลี้ยงหมูหลุมและได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงหมูหลุมมาพอสมควร ก็ได้เวลาลงมือทำคอกหมูหลุมกันสักที
ครับ
รูปสวนหลังบ้านและคอกหมูหลุมของผมครับ ขขาดกว้าง 3x6 เมตรครับน่าจะเลี้ยงหมูหลุมได้สัก 20 ตัวครับ ฝีมือพ่อผมเองครับ
ส่วนของโครงสร้างทั้งหมดทำจากไม้สักครับ สมัยปู่ผมเขาเก็บไว้เยอะก็ได้ใช้ประโยชน์งานนี้ละครับ ยกเว้นหลังคาครับ ซื้อมา 74 แผ่น ขนาด 1.50 ม. = 20 แผ่น ,ขนาด 1.20 ม. = 50 แผ่น +ค่าแรงคนช่วยทำโครงหลังคา 2 วันก็ตกประมาณ 3,000 บาทครับ พยายามประหยัดสุดๆครับ
จากนั้นก็ทำการขุดหลุมครับลึกประมาณ 70 ซม.ครับ ลงมือขุดกับพ่อสองคนใช้เวลาขุด 1 วันเต็มครับ เล่นเอามือคนทำงานในออฟฟิตอย่างผมบวมพองเลยครับ ปวมเมื่อยไปทั้งตัวตอนเช้าตื่นแทบไม่ไหวครับ
หลังจากขุดหลุมเสร็จเช้าวันต่อมาก็เริ่มด้วยการคลุกเคล้าจุลินทรีย์ขาวจากไผ่บางที่เตรียมทำไว้ก่อนหน้านี้ผสมกับขี้วัวและรำอ่อนรดน้ำพอชุ่มคลุกเคล้าส่วนผสมให้ทั่วปิดทับด้วยกระสอบฟางทับด้วยขอนไม้ป้องกันฝูงไก่ที่พ่อเลี้ยงไว้มาทำลาย
วันสุดท้ายของการลาพักร้อนก็เป็นการรองวัสดุในหลุมด้วยเศบใบไม้ต่างๆ เช่นใบไม้ที่ร่วงจากต้นไผ่หลังบ้าน ฟางที่พ่อมัดมาจากกลางทุ่งนา แกลบจากโรงสีข้าวข้างบ้าน เชื้อราจุลินทรีย์ขาวที่หมักเตรียมไว้ ลงจนเต็มพื้นคอก
รูปคอกหมูก่อนจากครับเนื่องจากวันนี้ต้องกลับไปทำงานที่ กทม.แล้ว ซึ่งสภาพคอกหมูตอนนี้ก็เสร็จเกือบ 90 เปอร์เซนต์ เหลือเพียงทำประตูทางเข้า และรางอาหาร รางนำดื่ม และเก็บรายละเอียดเล็กน้อย ๆ ครับ ใจจริงก็อยากอยู่ช่วยพ่อทำจนแล้วเสร็จครับแต่ยังไงก็คงต้องกลับไปทำงานประจำก่อนครับ ท้ายนี้ก็ขอขอบคุณพ่อผมเป็นอย่างมากที่ทุ่ม เท แรงกาย แรงใจช่วยผมทำคอกหมูหลุมคอกแรกในชีวิตจนสำเร็จเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ และขอขอบคุณข้อมูลทางวิชาการดีๆจากท่านผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ผมต้องขอเรียนว่าการที่เราศึกษาข้อมูลทางวิชาการกับการที่เรามาลงมือทำจริงนี้เราอาจไม่สามารถทำตามกระบวนการขั้นตอนให้ถูกต้องทุกขั้นตอนได้ครับขั้นตอนไหนที่ยุ่งยากที่จะทำงานให้เราไม่สำเร็จเราคงต้องจำเป็นที่จะต้องตัดมันออกไปบ้างครับ ไม่ควรยึดติดกับหลักวิชาการเกินำไปครับ (เป็นเพียงความคิดส่วนตัวของผมครับ) จากนีร้ก็คงเหลือนัดวัน เวลาที่จะนำลูกหมูลงคอกครับ ไว้จะได้นำรูปมาลงให้เพื่อนๆสมาชิกได้ดูกันอีกครับ......
- บล็อกของ kitipong
- อ่าน 50319 ครั้ง
ความเห็น
ป้าเล็ก..อุบล
9 มกราคม, 2010 - 17:44
Permalink
เก่งจัง
เก่งจัง คุณkitipong ทำได้จริง ๆ ด้วย
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com
kitipong
9 มกราคม, 2010 - 18:25
Permalink
ขอบคุณครับ
ขอบคุณป้าเล็ก...อุบลที่ชมครับ เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาก็มีเจ้าของลูกหมูที่เราติดต่อไว้โทรมาแจ้งว่าจะนำลูกหมูมาส่งครับ ที่แรกตั้งใจว่าจะลง 10 ตัวแต่ทางเจ้าของหมูบอกว่าตอนนี้เหลือ 9 ตัว ครับ อีกตัวตอนแม่หมูทับตายไปแล้ว (ว้าวเสียดายจัง) พอดีโทรไปแจ้งพ่อทางบ้านผู้เฒ่าผู้แก่แถวบ้านเขามักจะถือวันที่ดีมีฤกษมีชัยทางพ่ผมคงไปเช็คกับอาจารย์โหราศาสตร์แล้วบอกว่าวันจันทร์ที่ 11 นี้ถึงจะวันดีถึงจะนำลูกหมูมาเลี้ยงได้ ก็เลื่อนต้องเลื่อนนัดให้เขาส่งในวันจันทร์แทนครับ เพื่อความสบายใจของผู้เฒ่าผู้แก่ครับ
สวัสดีครับ จำป้อจายคนนี้ได้ก่
sothorn
9 มกราคม, 2010 - 20:02
Permalink
ยินดีด้วยครับ
ยินดีด้วยครับน้อง ขอให้ประสบความสำเร็จดังตั้งใจนะครับ
kitipong
10 มกราคม, 2010 - 08:01
Permalink
ขอบคุณครับ
แล้วโครงการเลี้ยงหมูหลุมของพี่โสธรนี่จะเริ่มลงมือทำเมื่อไหร่ครับ รอติดตามผลงานของพี่อยู่นะครับ
สวัสดีครับ จำป้อจายคนนี้ได้ก่
sothorn
10 มกราคม, 2010 - 19:27
Permalink
โครงการเลี้ยงหมูหลุม
โครงการเลี้ยงหมูหลุม คาดว่าจะขึ้นโรงโครงสร้างหลังไถพรวนเสร็จครับ น่าจะราวๆ ต้นกุมภาน่าจะเริ่มได้แล้วครับ
kitipong
10 มกราคม, 2010 - 14:14
Permalink
ต้องการลูกหมู
ต้องการลูกหมูลงคอก สัก 10 ตัวครับ พอดีเจ้าของลูกหมูที่นัดกันไว้เกิดมีปัญหาตัดสินใจขายให้คนอื่น ทั้งที่นัดกันว่าจะมาส่งให้ในวันจันทร์ที่ 11 นี้ครับ ผมเลยจำเป็นต้องหาซื้อลุกหมูใหม่ครับ ผมอยู่ จ.ลำปางครับ ใครมีช่วยแนะนำให้ด้วยครับ พยามยามSHEARG ทาง GOOGLE แล้วข้อมูลไม่ค่อยจะ UP DATE ครับ
สวัสดีครับ จำป้อจายคนนี้ได้ก่
udomsak
11 มกราคม, 2010 - 21:55
Permalink
อยู่ไกลกันเหลือเกิน
นี่ถ้าอยู่ใกล้ลูกหมูขุนในทีมงานหมูยโสดอทเน็ต ก็ไม่น้อยหน้าใครนะ คุณkitipongครับ ถ้าเลือกได้หมูหลุมควรเลือกลูกหมูสามสายจากพ่อดูร็อค ถ้าเกิดจากแม่สองสาย จะมีรอยด่างบริเวณสะโพกหลังน่ะครับ แต่ถ้าแม่ทั่วไปอาจมีสีแดงน้ำตาลปนบ้าง ตัวอย่างลูกหมูสามสาย http://www.mooyaso.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=87&sid=01a21cadc71bfd2f452042013e3c287a แต่แข็งแร็งเลี้ยงง่ายโตไวเนื้อดี หมูแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยก็ไม่ต้องใช้ยารักษา ไม่มียาตกค้าง ผู้บริโภคก็ปลอดภัย ลองเลือกดูก่อนนะครับ เหนมีสมาชิกอยู่ทางเหนือเลี้ยงหมูเหมือนกันนะครับแต่ไม่มั่นใจว่าจังหวัดใหน
สมาชิกเว็บหมูยโสอยู่ที่น่านครับ http://www.mooyaso.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=110&sid=91c3e477a2c44a2af44ada82c48ba32a
kitipong
12 มกราคม, 2010 - 11:32
Permalink
ราคาลูกหมูแสนแพงครับ...ลงทุนไปไม่รู้คุ้มหรือเปล่า
ตอนนี้ก็กำลังวุ่นๆอยู่กับการหาลูกหมูครับ เนื่องจากเราใจเราคิดที่อยากจะทำเหลือเกินครับแต่ติดตรงที่ไม่สามารถไปลงมือด้วยตัวเองได้ เนื่องจากเรายังทำงานอยู่ที่ กทม.นั่นเองครับก็อาศัยโทรคุย(ไม่เรียกว่าสั่งการ)ทางพ่อกับแม่ที่อยู่ ตจว.เอาครับ เท่าที่สอบถามดูช่วงนี้เป็นช่วงที่ราคาหมูดีมาก ลูกหมูค่อนข้างขาดตลาด ราคาแพงมาก อย่างล่าสุดลองถามกับฟาร์มแห่งหนึ่งในจังหวัดแพร่ ลูกหมูตกตัวละ 1600 บาท ลูกหมูที่ไว้ทำแม่พันธ์เสียค่าสายพันธุ์เพิ่มอีกตัวละ 3000 บาท คิดเบ็ดเสร็จถ้าเอาลูกหมู 10 ตัว ลูกหมูที่ไว้ทำแม่พันธุเอาสัก 2 ตัว นี่ค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จ 20000 บาท +ค่าอาหารต่อตัวที่เลี้ยงประมาณ 3 เดือนครึ่งจนได้ขาย (ซื้ออาหารจากฟาร์มอีก) ตัวหนึ่งใช้อาหารคิดเป็นเงิน 2300 บาท รวมค่าขนส่ง 2000 บาท รวมเงินที่ต้องลงทุนเบื้องต้นเกือบ 50000 บาท (เงินครึ่งแสนเลยครับ) คิดไปแล้วคงต้องใจเย็นๆ รอเอาหมูของชาวบ้านในอำเภอเดียวกันตัวละประมาณ 1000-1200 บาท (แล้วแต่หมูงามไม่งาม)ถึงแม้จะไม่รูจักสายพันธุ์ที่แน่ชัดก็ตาม ไม่ต้องเสียค่าสายพันธ์, ไม่ต้องเสียค่าขนส่ง ,ไม่จำเป็นต้องสังซื้ออาหารของเขา หักแล้วน่าจะประหยัดไปเกือบ 25000 บาท (เกือบครึ่ง) คิดว่าคงเลือกแบบประหยัดกว่า ไม่ต้องปวดหัวเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่ต้องกูหนี้ยืมสินมาลงทุน ใช้ MONEY ของเราเท่าที่มีอยู่ก็พอแล้ว ขอบคุณคุณหมออุดมศักดิ์ แห่ง www.mooyaso .net ที่ให้ข้อมูล และคำปรึกษาดีๆครับ ว่างๆคงได้โทรไปรบกวนขอคำแนะปรึกษาเพิ่มเติมอีกนะครับ
สวัสดีครับ จำป้อจายคนนี้ได้ก่
sothorn
12 มกราคม, 2010 - 11:58
Permalink
ลูกหมูแถวบ้าน
ลูกหมูแถวบ้านตัวละ 800 บ. ไม่รู้นะครับว่าพันธุ์อะไร
udomsak
12 มกราคม, 2010 - 13:04
Permalink
เลี้ยงหมูต้องคิดมากจริงๆครับ
เพราะว่าเราเลี้ยงหมูเพื่อขาย ไม่ใช่เลี้ยงกินเองทั้งหมด ดังนั้นเราจึงต้องมองลู่ทางให้ทะลุ ทั้งเรื่องตลาด พ่อค้า แหล่งอาหารหมู แหล่งพันธุ์หมู พรรคพวกพันธมิตร เวลามีปัญหาจะได้คุยกัน แล้วจึงค่อยลงมือ อย่าพยายามลุยน้ำที่ไม่รู้ความลึก หรือสู้ศึกโดยไม่รู้เขารู้เรา คิดถูกแล้วครับที่ต้องทบทวนเรื่องค่าใช้จ่าย และใจเย็นค่อยเป็นค่อยไป เห็นความตั้งใจมุ่งมั่นแล้ว ผมนับถือครับแต่อยากให้ประสบความสำเร็จ และยั่งยืนมั่นคง ลองอ่านบทความนี้นะครับพอจะเป็นแนวทาง วางแผนการเลี้ยง ทบทวนอดีต สร้างปัจจุบัน และวาดฝันถึงอนาคตด้วยครับที่ http://www.mooyaso.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=143&sid=ce4327f32656f4ea5c008e4b5f7fbdbd
จริงๆแล้วการเลี้ยงหมูไม่ว่าหมูขุน หรือหมูหลุม ก็เหมือนกันครับ ต่างกันตรงที่การจัดการเรื่องโรงเรือนและการกำจัดของเสีย ลดการใช้น้ำ ลดกลิ่นโดยใช้จุลินทรีย์ แต่เรื่องอาหาร หรือพันธุ์หมูยังคงยึดหลักการเดียวกัน
การเลี้ยงหมู อาหารเป็นที่หนึ่ง การจัดการ(รวมโรงเรือน)เป็นที่สอง ส่วนพันธุ์หมูเป็นที่สาม ความสำคัญตามลำดับ 70%ของงบลงทุนเป็นค่าอาหารครับ
ลองเปรียบเทียบแบบนี้ครับ หมูพันธุ์ดี กินอาหารไม่ดี ไม่โต แถมเจ็บป่วยบ่อย ตาย ขาดทุน เพราะหมูพันธุ์ดีมักไม่แข็งแรงหรือทนโรค แต่หมูพันธุ์ไม่ดีเท่าไร กินอาหารดีๆ โตได้ ไม่เจ็บป่วย(เพราะอาหารเป็นยา อาหารครบหมู่ร่างกายก็แข็งแรง) ไม่ตาย เหลือขายครบแต่อาจกำไรน้อยเพราะต้นทุนสูง(กินมาก ได้น้ำหนักน้อย ขายช้ากว่า และราคาอาหารดีๆจะแพงกว่า)
เรื่องการเลี้ยงหมูขุนแบบหมูหลุม เน้นการใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นครับ เช่น รำ ปลายข้าว มันเส้น ข้าวโพด หรือปลาป่น (เคยเห็นเกษตรกรนำปลาตัวเล็กหน้าน้ำหลาก ที่มีเยอะแยะ มาต้มเลี้ยงหมูเป็นอาหารโปรตีนแทนปลาป่น ผสมกับรำ ปลาย) ถ้าใช้ของพวกนี้ได้ การเลี้ยงหมูหลุมจึงจะได้เปรียบเรื่องต้นทุน(นอกจากการได้ปุ๋ยแล้ว) แต่ต้องเข้าใจเรื่องการใช้สัดส่วนวัตถุดิบแต่ละตัว เพื่อให้ระดับโปรตีน พลังงานเหมาะกับหมูแต่ละวัยครับ
สรุปแล้วก็คือต้องเตรียมงบไว้สำหรับเป็นค่าอาหารประมาณร้อยละ70 ปัจจุบันเลี้ยงหนึ่งแม่ต้องมีห้าหมื่นจึงจะได้ขายหมูขุน ครับ ยินดีให้ข้อมูลทุกด้านครับ ทั้งทางเว็บบอร์ดและโทรศัพท์ได้ครับ พอดีวันนี้อยู่สำนักงาน(สถานีอนามัย)คนเดียวครับ เลยมีเวลาคุยรายละเอียดกันเล็กน้อย ถ้าเสาร์อาทิตย์หรือตอนเย็นๆ สะดวกครับ
หน้า