ไปทำบุญที่บ้านพักคนชรามาครับ .....
บล๊อกนี้ ขอออกนอกเรื่อง การเกษตร หน่อยนะ ครับแต่ก็หนีไม่พ้นวิถีพอเพียง และขอนำภาพ บางส่วน จากที่ผมได้ไปมา สะท้อนความรู้สึก บางอย่าง ออกมา ทำงานโรงงานแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อน พอมีเวลาและโอกาส สิ่งที่จะให้ใจสบายขึ้นมาบ้าง ก็คงหนีไม่พ้นการไปทำบุญ ซึ่งครั้งนี้ขอเลือกไปที่ "บ้านพักคนชรา"
.... จริง ๆ ไปมาประมาณ 2 เดือนแล้วละครับ ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ... ทำไมต้องมี "บ้านพักคนชรา" .....ผมคงไม่มีคำตอบให้ แต่จากการที่ได้ไปสัมผัส ได้พูดคุย คุณตา คุณยาย หลาย ๆ คน ก็แตกต่างกัน ออกไป ไม่ได้ไปถามเค้าหรอกนะครับ ว่าทำไม ถึงมาอยู่ที่นี่ แต่คุย ๆ กันไป แล้วเค้าก็จะเล่าให้เราฟังเอง บางคนมีลูก หลายคน แต่ไม่มีใครสนใจ ก็มาอาศัยที่นี่ บางคน มีทรัพย์สมบัติ มากพอที่จะเลี้ยงตัวเองได้จนถึงลมหายใจสุดท้าย แต่ ลูก ๆ ก็แย่งสมบัติกัน ก็เลยหนีออกจากบ้านมา ...ฯลฯ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผล ใด ๆ ก็ตาม .... มันก็มาจาก สถาบันครอบครัว ....แม่คนเดียว เลี้ยงลูก 10 คนได้ แต่ทำไม ลูก 10 คนเลี้ยงแม่คนเดียวไม่ได้ ... แปลกดีนะครับ และสิ่งเหล่านี้ มันก็จะเป็นกงกรรม กงเกวียน เวียนหมุน อยู่อย่างนี้ "ลูกทำกับ พ่อแม่ ไว้อย่างไร ต่อไปข้างหน้า เมื่อเรามีลูก ลูกก็จะทำกับเราแบบนั้นเหมือนกัน" .... สิ่งเหล่านี้ สะท้อนอะไร .... สังคม และ วัฒนธรรม ที่เปลี่ยนไป แต่มันใช่สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นในสังคมไทยหรือไม่ ...ครอบครัวไทย ในความคิดของผม "จะต้องมี คน 3 รุ่น อยู่ด้วยกัน นั่นก็คือ ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ และ ลูก" (ถ้าเป็น 4 รุ่นได้ก็จะดีมาก) .... เมื่อใดก็ตามที่เรายังต้องวิ่งตามระบบ ทุนนิยม อยู่อย่างนี้ ลืมว่า วิถีพอเพียง เป็นอย่างไร วิ่งตามกระแสนิยมจนต้อง ทิ้งให้พ่อ แม่ ที่แก่เฒ่าอยู่ข้างหลัง ไม่มีคนดูแล ภาพเหล่านี้ ก็คงจะมีให้เห็นอยู่เรื่อยไป ไม่สิ้นสุด .... บางคนอาจจะถามว่า แล้วที่ผมมาเขียน บล๊อก นี่ ตัวผมเองทำได้แล้วหรือ .... ผมก็ตอบได้เลย ว่า "ยัง" แต่จากการที่ได้ไปสัมผัส ได้เห็น ทำให้คิดได้ และวางแผน เตรียมการ ที่จะหนีออกจาก ทุนนิยม เพื่อไปสู่วิถีพอเพียง ....
ผมเขียนบล๊อกนี้ไม่ได้มีเจตนาจะกระทบกระทั่งใคร แต่หากข้อความของผม ทำให้ใครไม่สบายใจหรือไปกระทบกระทั่งกับผู้ใด ผมก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ผมเพียงแต่ต้องการสะท้อนมุมหนึ่งของสังคม มาให้ดูกันเท่านั้น...
โฉมหน้าเจ้าของบล๊อกชัด ๆ และ พาหนะ คู่ใจ
ไปที่นี่ครับ ที่นี่มีคนชราทั้งหมด ประมาณ 250 คนครับ
เป็นสถานที่ ที่คุณตา คุณยาย ปฏิบัติธรรม ครับ
คุณตา คุณยาย ที่มารอ พวกเราครับ
มีการทำกิจกรรม กันนิดหน่อย รำวง ครับ
ตอบปัญหาครับ ..
มีเต้น ไก่ย่าง ด้วยครับ คุณตา คุณยาย เต้นเก่งกว่าผมอีก
รับมอบของที่ระลึกครับ
เสร็จจากกิจกรรม คุณตา คุณยาย ให้พรครับ ปกติเคยรับพร จากพระสวด แต่คราวนี้ คุณตา คุณยาย สวดให้ ขนลุก เลยครับ
คณะที่ไปกันครับ
เสร็จจากนี้ คุณตา คุณยายก็ ไปทานข้าว ช่วยกันจัดกับข้าว ครับ
ทานข้าวกันครับ
บางท่าน ก็กินที่เรือนนอน เพราะลงมาไม่ไหวแล้ว คุณยายท่านนี้ อายุ 94 ปีแล้วครับ คุณยายบอกว่า ไม่เคยมีลูกหลาน มาเยี่ยมแบบนี้ บ้างเลย ตอนนี้คุณยายไม่สบายอยู่ ไม่รู้ว่าจะเป็นการไม่สบายครั้งสุดท้ายหรือป่าว พูดจบ คุณยายก็ร้องให้ พลอยทำให้พวกผมน้ำตาไหล ไปด้วย .....
สุดท้ายก่อนจะจบ ขอฝากบทกลอน ไว้ 1 บท ครับ ผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนแต่ง บทกลอน นี้ ขออนุญาต นำมาเผยแพร่นะครับ
"พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้าไม่อยู่นาน ...จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววารของคืนวัน
ใจจริงไม่อยากจาก เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน ...แต่ชีพมิทนทาน ย่อมร้าวรานสลายไป
ขอเถิดถ้าสงสาร อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ ....คนแก่ชะแรวัย คิดเผลอไผลเป็นแน่นอน
ไม่รักก็ไม่ว่า เพียงเมตตาช่วยอาทร ...ให้กินและให้นอน คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ
เมื่อยามเจ้าโกรธขึง ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย ...ร้องไห้ยามป่วยไข้ ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน
เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่ แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน ....หวังเพียงจะได้ยล เติบโตจนสง่างาม
ขอโทษถ้าทำผิด ขอให้คิดทุกทุกยาม ....ใจแท้มีแต่ความ หวังติดตามช่วยอวยชัย
ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง มีหรือหวังอยู่ทนได้ ....วันหนึ่งคงล้มไป ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง”
ส่งท้ายด้วยภาพนี้ครับ
- บล็อกของ Thanawit
- อ่าน 14536 ครั้ง
ความเห็น
ไอรินลดา
13 พฤษภาคม, 2011 - 13:30
Permalink
คุณThanawit ค่ะ
จ๋าขอร่วมอนุโมทนาบุญ กับการทำบุญครั้งนี้ด้วยค่ะ
แอบน้ำตาซึมสงสารคุณตา คุณยายที่ถูกทอดทิ้ง
เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย????
Thanawit
13 พฤษภาคม, 2011 - 14:39
Permalink
สาธุ ...ครับ คุณจ๋า ....
สาธุ ...ครับ คุณจ๋า ....
เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"
เจ้โส
13 พฤษภาคม, 2011 - 14:49
Permalink
สาธุ
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ มีโอกาสได้ทำบุญแบบนี้ การทำบุญไม่จำเป็นต้องที่วัดนะ เห็นแล้วมีความสุขมาก ๆ
:cute:
garden_art1139@hotmail.com
Thanawit
13 พฤษภาคม, 2011 - 14:59
Permalink
ใช่ครับ พี่โส การทำบุญ
ใช่ครับ พี่โส การทำบุญ ไม่จำเป็นต้องไปที่วัดเสมอไปครับ สาธุ ...ครับ พี่โส ...
เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"
สวนฟักแฟงแตงไทย
13 พฤษภาคม, 2011 - 15:00
Permalink
ซึ้งจัง
ขอบคุณที่แบ่งปันความดี มาเล่าสู่กันฟัง
ขออนุโมทนาบุญอันยิ่งใหญ่นี้
ความดีจงคุ้มครองคุณและครอบครัวตลอดไปค่ะ
Thanawit
13 พฤษภาคม, 2011 - 15:18
Permalink
ขอบคุณเช่นกันครับ สาธุ ครับ
ขอบคุณเช่นกันครับ สาธุ ครับ ...
เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"
ป้าเล็ก..อุบล
13 พฤษภาคม, 2011 - 15:03
Permalink
ดีจัง
ได้ไปแบบนี้กลับมาก้มีความสุข อิ่มบุญ ใช่มั้ย ยินดีด้วย
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com
Thanawit
13 พฤษภาคม, 2011 - 15:19
Permalink
ใช่ครับป้าเล็ก
ใช่ครับป้าเล็ก มีความสุขมากกว่า การไปทำบุญที่วัด อีกครับ ...
เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"
ป้าเล็ก..อุบล
13 พฤษภาคม, 2011 - 15:29
Permalink
เข้าใจอย่างดีเลยค่ะ
ป้าเล็กไปวัด และทำทานกับคน เมื่อก่อนคิดว่า ถ้าแก่ๆ แล้วจะเอาเงินไปถวายวัดทำกุฎิอยู่ ทำงานให้วัด แต่ไปวัดบ่อยก็ได้จออะไรมากมาย เคยเจอแบบนี้บ้างมั้ย
เณรลักพาข้าวของพระที่มีผลไม้ราคาแพงไปซ่อน
แม่ชีขโมยรองเท้ากัน
พระมาขอตังค์ค่าเรียนปริญญาโท
แม่ชีด่าคนที่เอาแกงถุงมาถวาย
แม่ชีขอกินกับข้าวที่อร่อยๆ
เราไปบริจาคของแต่คนรับยืนบ่นว่าเราแจกช้า ช้าอีกนิด ด่าเลย
ในวัดมีปัญหา108 มากว่าที่บ้านเราเป็น100เท่า แต่เรานับถือพุทธ เวลาไปทำบุญทำทาน ก็ให้ทำใจด้วยว่าเราไปให้ เพื่อเอาบุญ
084-167-4671
anongrat2508@hotmail.com
Thanawit
13 พฤษภาคม, 2011 - 15:46
Permalink
โห ....ป้าเล็ก ผมยัง
โห ....ป้าเล็ก ผมยัง ไม่เคยเจอ ขนาดป้าเล็กครับ .... ส่วนมากที่เห็น จะเป็นพทธพานิช กันส่วนใหญ่ .... แต่อย่างป้าเล็ก ว่า ครับ เรานับถือ พุทธ เวลาทำบุญ ก็อธิฐาน..ว่าเราทำด้วยใจ บริสุทธิ์ ... แม้ว่าข้าวของ เงินทอง ที่เราทำไป เค้าจะเอาไปทำอะไรก็ตาม ....
เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"
หน้า