บ้านนอกเข้ากรุงตอนอวสาน

หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่อยู่บ้านพี่ดา 5 พ.ค ช่วงเช้าอิ๋วและพี่มายยังไม่ละความพยายาม ต้องเอาความรู้จากพี่ดากลับไปให้ได้เยอะ ๆ รู้สึก ช่วงเช้าแกะดอกรักเร่แต่เป็นกลีบดอกที่ค่อนข้างยากมากมาดูซิค่ะว่ายากขนาดไหน ใช้แครอทแกะ หลังจากนั้นก็จัดกระเช้าดอกไม้แกะสลัก บางดอกที่ใช้หัวไชเท้าก็ผสมสีเพื่อความสวยงามค่ะ

                      

           ดอกนีัเลยค่ะเป็นดอกสุดท้ายก่อนเก็บมีดใส่กระเป๋าเพื่อกลับบ้าน

            

            

 สองตระกร้านี้ทำเสร็จเมื่อเย็นวันที่ 4 ค่ะ

            ส่วนอาหารมื้อสุดท้ายพี่ดา ทำก๋วยเตี๋ยวไก่สูตรที่คนญี่ปุ่นชอบค่ะหม้อใหญ่มากเลย

           

        

หลังจากทานก๋วยเตี๋ยวเสร็จก็เตรียมตัวกลับ ขึ้นรถประจำทาง ต่อรถไฟใต้ดิน ลงสถานีโอเทบาจิ เดินเข้าไปในสถานีโตเกียวเพื่อต่อชินกันเซนกลับนาโกย่า

   แต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของวันหยุดที่ญี่ปุ่นเรียก golden week ดังนั้นวันนี้คนเยอะมาก ๆ จนตัวเองกลายเป็นคนเงอะ ๆงะ ๆ ทั้ง ๆ ที่อยู่นาโกย่าไม่ใช่แบบนี้ เดินไปในไหนมาไหนด้วยความมั่นใจ และเดินแบบสบาย ๆ ไม่ต้องกลัวอะไร แต่วันนี้ทำไมเป็นแบบนี้ เราทั้งหมด 4 คน มีอิ๋ว พี่มาย พี่ดา ญาติของอิ๋่ว 1คน ( 10ปีที่ไม่ได้เจอกัน เลยนัดเจอกันพี่บ้านพี่ดา ) เดินตามหลังสามีพี่ดาไปเป็นแถว  ๆ ( กลัวหลง ) วันนี้คนที่นี่เยอะมาก อิ๋วรู้่สึกเหมือนเห็นผู้คนเป็นมด ที่กำลังหนีภัย หรือกำลังขนอาหารเพื่อย้ายรังไปทางไหนก็มีแต่ผู้คน ของที่หิ้วกลับก็ชักเริ่มหนัก เพราะอิ๋วหิ้วมะละกอ 2ลูกพร้อมด้วย กระถางมะกรูด 1 ต้น และของฝากคนที่บริษัท รวมทั้งที่บ้านของแม่สามี ซึ่งเป็นธรรมเนียมญี่ปุ่นที่ต้องซื้อของฝากกลับไปทุกครั้ง หลังจากร่ำลาพี่ๆ ทุกคนแล้ว ก็เดินขึ้นไปข้างบนเพื่อรอชินกันเซน ซึ่งรถมาเร็วมาก เกือบหาหมายเลขไม่ทัน ดีแต่ว่ารู้แล้วว่าต้องทำแบบไหนเลยทั้ง เดินทั้งวิ่งเพี่อไปให้ทันตอนนั้นรถชินกันเซนจอดเทียบท่าแล้ว ของก็เยอะ คนก็เยอะ วิ่งไปชนคนไป ขึ้นรถเที่ยวบ่าย 3 โมงถึงนาโกย่า ประมาณ 5 โมงเย็น ตอนลงจากชินกันเซนรู้สึกเหมือนโล่งมาก เหมือนคำพังเพยที่ว่า เหมือนยกภูเขาออกจากอก พอเริ่มเดินออกมานอกชานชาลารู้สึกตัวเองศรีษะหมุนได้ เดินไม่ตรง วันเดินออกไปด้านข้าง  ต้องรีบหาที่นั่งเพื่อรอให้สามีมารับ ถึงบ้านก็เกือบ 6 โมงเเย็นแต่อาการยังเหมือนเดิม อาบน้ำนอนโดยที่ไม่ได้ทานอาหารเย็น เพราะทานไม่ได้ วันนี้ไปทำงานแค่ครึ่งวันเพราะ ดูท่าไม่ไหว โทรไปหาพี่มายเป็นเฉพาะอิ๋วหรือเปล่าอาการนี้ ที่ไหนได้พี่มายก็เกิดอาการเหมือนกัน เป็นเพราะสาเหตุอะไรใครรู้ช่วยตอบด้วยค่ะ

                   

        กระถางมะกรูดที่ได้จากพี่ดาจะเอามาปลูกที่บ้าน ทีแรกตั้งใจว่าจะย้ายใส่ถุงพลาสติกแล้วหิ้วมาคงสะดวกกว่าแต่กลัวหักยิ่งมีอยู่แค่ต้นเดียวเลยหิ้วมาทั้งกระถางนี้เลยค่ะ

              

อันนี้ดอกไม้ที่บ้านเพิ่งจะบานไม่รู้ชื่ออะไร

             

ส่วนดอกนี้ของคุณป้อม สัญญาว่าจะถ่ายรูปมาลงให้ชัด ๆ แต่ไม่มีเวลา วันนี้ทำตามสัญญาแล้วนะค่ะ

ความเห็น

ถ้าเป็นเจ้คงต้องนั่งร้องไห้แถวสถานีนั่นแหละ  เพราะหลง  Smile

แต่กลัววิ่งไม่ทันรถไฟเลยทำเป็นเก่งไว้ก่อนค่ะ

ทุกวินาทีมีค่า ถ้าเรามีความหวังเราจะไม่เคยพ่ายแพ้

Surprised  ต้องพกมือถือตลอดนะคะ ไปไหนไกลๆๆคนเดียวด้วยโทรถามด้วย ถามนายสถานีรถไฟได้ค่ะ

ดอกสีเหลือสดใสมากค่ะ อาการแบบนี้ท่าจะเครียดกับสิ่งแวดล้อมละมั้ง

อยู่นาโกย่า คนไม่เยอะ ไม่พลุกพล่าน ไม่แออัด อยู่บ้านนอกนี่แหละดีแล้ว ลาก่อนเมืองกรุง (แต่ก็จะหาโอกาสไปเรียนอีกค่ะ)

ทุกวินาทีมีค่า ถ้าเรามีความหวังเราจะไม่เคยพ่ายแพ้

Laughing     เวลาปนัดดาจะกลับบ้านสามีที่นาโกย่าทั้งทีจะรู้สึกโล่งมากเลยค่ะ คนนาโกย่ามีไม่มากค่ะ บรรยากาศจะคล้ายๆๆที่กรุงเทพเลย ที่โอซาก้ามีคนจะมากในรถไฟอยู่แน่นเป็นบางเวลาคะ สำหรับที่โตเกียวนั้นผู้คนจะแน่นมากเบียดกันตั้งแต่นั่งในรถไฟ เดินก็เบียดกันมากเลย นานมาแล้วไปเที่ยวดิสนีย็ซีที่โตเกียว มา ตอนนั้นยังไม่มีลูกกันไปไกลๆๆได้สบายค่ะ แต่ตอนนี้ต้องรอให้โตก่อนจึงจัะไปไกลๆๆได้คะ

เดินตามหลังสามีพี่ดาไปเป็นแถว ...กลัวหลง.... บรรยายได้เก่งมาก ....นึกภาพออกเลยนะ ส่วนเดินเอียงนี่คงจะเมาก๋วยเตี๋ยว (ป่าว) .....Laughing

เมาส้มตำไตปลามากกว่า  

วันนี้ก็เมาทั้งวัน แต่ก็ยังพยายามเข้าบ้านสวน เพราะต้องทำเวลา วันต่อไปคงไม่ค่อยได้เข้าถ้าทำงานเหนื่อยมาก ๆ

ทุกวินาทีมีค่า ถ้าเรามีความหวังเราจะไม่เคยพ่ายแพ้

แต่พี่ดาก็ไม่ได้ใส่เหล้าลงไปไหนก๋วยเตี๋ยวนี่ค่ะ เมาได้งัยค่ะเนี่ยะ

ทุกวินาทีมีค่า ถ้าเรามีความหวังเราจะไม่เคยพ่ายแพ้

หน้า