ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร

ข้อปฏิบัติในการใส่บาตร มีด้วยกัน 5 ขั้นตอน มีดังนี้

1. นิมนต์พระ
หลังจากที่เราเตรียมสำรับกับข้าวเรียบร้อยแล้ว เราก็ยืนรอพระที่จะเดินบิณฑบาตผ่านมา

การยืนรอพระในขั้นตอนนี้ ควรศึกษาให้ดีเสียก่อนว่า เส้นทางนี้มีพระเดินผ่านหรือไม่
ไม่ใช่ว่าไปรอบนทางสายเปลี่ยวที่ไม่มีพระเดินผ่าน คงไม่ได้ใส่กันพอดี รอซักพัก พอมีพระเดินมาก็นิมนต์ท่าน



การนิมนต์ ก็ควรใช้คำว่า "นิมนต์ครับ/ค่ะท่าน" แค่นี้พระท่านก็ทราบแล้ว

ตอนเป็นพระเคยเดินบิณฑบาตที่ตลาดเขมร โยมนิมนต์ด้วยถ้อยคำอันรื่นหูว่า

"ท่านเจ้าประคุณเจ้าค่ะ นิมนต์เจ้าค่ะ" (ใช้คำไฮโซมาก)
มีอีกทีหนึ่งโยมใช้คำว่า
"นิมนต์เจ้าค่ะ พระอาจารย์"
(เอ่อ โยม อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว)
การนิมนต์พระควรนิมนต์ด้วยความสำรวมและใช้เสียงดังพอประมาณ
โยมบางคนเรียกพระด้วยเสียงอันดัง
"นิ โมนน!!"
(แง้ ทำไมต้องตะคอกด้วย - -")

การนิมนต์ควรสังเกตอายุของพระด้วย ถ้าอายุน้อยกว่าเรา หรือว่าเยอะกว่าไม่มากก็เรียกว่า
หลวงพี่ ถ้ามีอายุหน่อยก็เรียกหลวงน้า ถ้าแก่พรรษา มากก็เรียก หลวงตา หรือนอกจากนี้ก็อาจจะเรียกหลวงอา หลวงลุง หลวงปู่ฯลฯ แล้วแต่จะลำดับญาติ อย่างฉันปีนี้อายุ ๒๓ ปี หน้าตาค่อนข้างเด็ก แต่เคยมีโยมใช้คำว่า "นิมนต์ค่ะ หลวงลุง" ทำเอาเสีย self จนอยากสึกออกไปทำ baby face โยมบางคนคงเขินอายพระ เนื่องจากไม่ค่อยได้ใส่บาตรเท่าไร เวลาพระเดินมาก็ยื่นมือออกมาทำท่า กวักๆ ทำเหมือนพระเป็นรถเมล์ หลังจากนิมนต์พระ ก็เข้าสู่ขั้นตอนถัดไปคือ

2. จบ
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องจบแล้วนะ การจบ หมายถึง การเอามาทูนไว้ที่หัวแล้วอธิษฐาน การจบ ควรใช้เวลาอธิษฐานแต่พองาม ไม่ต้องอธิษฐานนานจนเกินไป

เคยมีโยมนิมนต์ไปรับบาตร ไอ้เราก็เดินไปเปิดฝาบาตรรอรับ โยมก็จบอยู่ ขอบอกว่านานมากๆ นานจนรู้สึกได้ นานจนอดคิดไม่ได้ว่า "โยมขออะไรเราน้า?"


3. ถอดรองเท้า ยืนด้วยเท้าเปล่า
จริงๆแล้ว จุดประสงค์ของการถอดรองเท้าคือเป็นการให้ความเคารพพระสงฆ์โดยการไม่ยืนสูงกว่าท่าน เพราะเวลาพระสงฆ์บิณฑบาตจะเดินเท้าเปล่า แต่มีญาติโยมบางคนไม่เข้าใจเกี่ยวกับการถอดรองเท้าซึ่ง มีหลายประเภทเหมือนกัน เช่น

บางคนถอดรองเท้าอย่างเรียบร้อยแต่ยืนบนรองเท้า - -" (สูงกว่าเดิมอีก)
บางคนถอดรองเท้าและยืนบนพื้นจริง แต่ว่าตัวเองยืนบนฟุตบาท พระยืนบนพื้นถนนซะงั้น (หนักกว่าเก่า) เคยมีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนหนึ่งยืนใส่บาตรพระ พระเห็นว่าโยมใส่รองเท้าเลยแนะนำโยมไปว่า
พระ : "โยม อาตมาว่าโยมควรถอดรองเท้าใส่บาตรนะ"
โยมมีสีหน้าตกกะใจ ตอบพระไปว่า
โยม : "เอ่อ จะดีเหรอคะ "
พระ : "ไม่เป็นไรหรอกโยม"
โยมก็จัดแจงถอดรองเท้า ยกขึ้นมาพร้อมกับถามพระว่า
โยม : "จะให้ใส่ข้างเดียวหรือว่าสองข้างเลยคะ "
บ้า!! ท่านหมายถึงถอดรองเท้าเวลาใส่บาตร ไม่ใช่ถอดรองเท้าเอามาใส่ในบาตร
อันนี้เป็นเรื่องที่หลวงน้าท่านหนึ่งเล่าให้ฟังระหว่างฉันเพล (เรื่องขำขันขณะฉันเพล)
พอถอดรองเท้าเสร็จก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สี่

4. ใส่บาตร
อันนี้ถือเป็นจุดไคลแมกซ์ของการใส่บาตร สิ่งสำคัญที่ทุกคนมองข้ามก็คือควรดูว่าของที่นำมาใส่บาตรนั้น เสียรึเปล่า บางคนมีเจตนาอยากทำบุญดี แต่ดันไปซื้อของเสียมาใส่บาตร พระฉันไป เข้าห้องน้ำไป พวกร้านค้าก็จริงๆ บางครั้งเอาของค้างคืนมาขายเอากำไร ไม่สนใจพระเจ้า เห็นแก่ตัว หากินกับพระ  ก็ฝากด้วยนะครับ เดี๋ยวทำบุญจะได้บาปเปล่าๆ  นอกจากนี้ ของที่นำมาใส่ ถ้าเพิ่งปรุงสุกเสร็จ ควรดูด้วยว่ามันร้อนมากรึเปล่า

เคยมีโยมใส่แกง ร้อนมากๆๆ บาตรเกือบหล่น ทั้งนี้เพราะบาตรทำจากโลหะ นำความร้อนได้ดี  ปริมาณไม่ควรมากจนเกินไป  
เคยมีโยมใส่บาตรด้วย "กล้วย ๓ หวี"

กล้วยเล็บมือนาง กล้วยไข่ อาตมาไม่ว่า  แต่นี่ใส่ "กล้วยหอม" (อันนี้เกิดกับตัวเองจริงๆ)
คิดดู "กล้วยหอม ๓ หวี" อยู่ในบาตร หนักมากๆ จนอยากบอกโยมว่า "โยม อาตมาไม่ใช่ช้าง"  
การใส่ก็ควรวางในบาตรด้วยอาการสำรวม  โยมผู้หญิงบางคนกลัวโดนพระ พอถุงกับข้าวถึงแค่ปากบาตร ก็ปล่อยลงมา ตุ๊บ!! นึกว่ากาลิเลโอกลับชาติมาทดลองเรื่องแรงโน้มถ่วงของโลก (วางดีๆก็ได้ 55)  ขั้นตอนต่อไปคือ

5. รับพร
หลังจากใส่บาตรเสร็จ พระสงฆ์ส่วนมากก็จะให้พร เราเป็นญาติโยม ก็ประนมมือรับพรกันตามระเบียบ โดยอาจยืนหรือนั่งยองๆ ก็ได้ ก้มหัวแต่พองาม  เคยมีโยมยืนประนมมือ แต่ก้มหน้ามาแทบชนพระ ห่างจากหน้าพระประมาณคืบเดียว ไม่ต้องใกล้ชิดศาสนาขนาดนั้นก็ได้โยม  (ตอนนั้นให้พรเบาๆ เพราะไม่มั่นใจเรื่องกลิ่นปาก)  ถ้าเป็นโยมผู้หญิงก็นั่งให้เรียบร้อยเหมาะสม ระหว่างนี้ก็อุทิศส่วนกุศลให้คนที่รัก เจ้ากรรมนายเวรและอื่นๆ ก็ว่ากันไป


การใส่บาตรที่อยากแนะนำก็มีประมาณเท่านี้  ขั้นตอนการทำบุญง่ายๆ  ตื่นเช้ามาใส่บาตรกันเถอะค่ะ พี่น้อง
(อ่านแล้วหัวเราะเบา ๆ )

 


เป็นเรื่องราวของพระที่บวช แล้วรวบรวมเหตุการณ์มาเล่า ต่อๆกันมาค่ะ

ขอบคุณมากนะครับสำหรับข้อปฏิบัติในการใส่บาตรครับพี่


วันนี้มาแนวฮา แฝงธรรมะปฏิบัติ กันเล็กน้อยค่ะ ช่วงนี้ว่างไม่มีการบ้านให้ทำ ..สบายๆ

กว่าจะเข้าบล๊อกพี่ยุพินได้ เล่นเอาเมื่อยเหมือนกันค่ะ เว็บอืดอีกแล้ว ไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้เจอกันนะค่ะ


ขอบคุณค่ะสำหรับเรื่องราวดีๆ

  ..... "เอ่อ โยม อาตมาเพิ่งบวชอาทิตย์เดียว"

    ใหม่ - เก่า มิใช่มาตรวัดความบริสุทธิ์ ของ "บวช" ละกระมัง

    ทำให้ถูกไว้ ดีแล้ว สำคัญอย่าให้ "พิธี" มาบังบุญซะ ล่ะ ....

      บริจาคทานด้วยใจบริสุทธิ์ บุญสำเร็จ ตั้งแค่คิดแล้วละ (สัมมาทิฐิ)

           สาธุ ๆ ๆ ...

ไม่ใช่พระซะหน่อย เจริญพรทำไม ..ขอบคุณค่ะที่แวะมาค่ะลุง

เป็นความรู้ที่ควรบอกต่อ  ขอบคุณมากค่ะพี่ยุพิน :admire2:

^^อยู่กับความสุขที่พอเพียง^^

ยินดีที่ได้รู้จักกัน..แวะมาทักทายกันอีกนะจ๊ะ

สาธุด้วยคนครับ

สาธุ..วันนี้ว่างๆ ค่ะส่งการบ้านครบหมดแล้ว เลยมาแนวฮาบ้างค่ะ

หน้า