เก็บตก "คืนเหลิดผึ้ง" @ น้ำตกนกรำ # ..บทน้ำเคย..#
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้ไปเป็นลูกคู่เล่นหนังตะลุงกับพี่หยอยมาค่ะ ในระหว่างทางพี่หยอยได้ยื่นกระดาษเอ 4 ให้ปึกเล็กๆประมาณ 7 หน้าเห็นจะได้ พออ่านแล้วต้องรีบกลับมาบันทึกไว้ทันทีเลยค่ะ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับบทเหลิดผึ้งที่น้ำตกนกรำในคืนนั้น ที่พวกเราชาวบ้านสวนพอเพียงได้มีประสบการณ์ร่วมกันในค่ำคืนแห่งความทรงจำที่ไม่รู้ลืมค่ะ
อ่านแล้วต้องรีบเอามาแชร์ค่ะ
บทที่พี่หยอยส่งให้นี้คือบทที่คุณตานายพรานขับขานให้เราฟังในคืนนั้น แบ่งเป็นสามช่วงค่ะ คือช่วงแรกเป็น "บทน้ำเคย" ช่วงที่สองคือ "บทชมป่า ชมนก ชมไร่" และสุดท้ายคือ "บทเหลิดผึ้ง" ค่ะ
บทเหล่านี้ ถ้าเราอ่านเป็นภาษาใต้ จะได้อารมณ์มากค่ะ มีไฟล์เสียงประกอบด้วยค่ะ ท่านใดสนใจไฟล์เสียงแจ้งมาได้นะคะ
ขอออกตัวนิดนึงนะคะว่าที่พิมพ์มานี้ อาจจะไม่ถูกต้องกับสำเนียงใต้ทั้งหมด และบางคำก็ยังแปลไม่ออก แต่ดูจากบริบทแล้วคิดว่าน่าจะเป็นเช่นนี้ ก็เลยพิมพ์มาตามแบบที่เข้าใจค่ะ
อยากขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ สมาชิกที่ได้อ่านแล้ว เห็นว่าคำไหนที่ควรจะแปลว่าอะไร และควรออกเสียงว่าอย่างไร ช่วยแนะนำให้แก้ไขด้วยนะคะ เนื่องจากว่าอยากบันทึกไว้ให้เป็นต้นฉบับสำเนียงใต้แท้ๆเลยค่ะ
บทแรก "บทน้ำเคย"ค่ะ
บทน้ำเคย หม้อน้ำเคย เขาดังฝาก
เป็นทุกข์มาก แลไม่หลอด ไม่ทอดไหร
เหลือแต่น้ำ กับเกลือ ม้ายเหยื่อใน
มันขัดใจ ทุกครา เมื่อเวลาจะกิน
จานลง สองที แล้วไม่คร่ายเหม็ด
น้ำตามันเล็ด มูกมันไหล ใจถวิล
ว่าดีปลี ขี้นก มันไม่ได้กิน
จึงเผ็ดลิ้น ร้อนคอ มันก่อรำคาญ
กรรมบังโกรธ โลดออก นอกชายครัว
ผ้าโพกหัว กะไม่ชับ มือจับขวาน (โกรธจังแล้ว)
ปลูกเอาไว้ ข้างเรือน มันไม่ได้การ
ฟันให้พ่าน เสียสักหน แล้วขนลงคลอง
มันจองหอง พูดปลิ้น ลิ้นรอบคอ
จึงขอถาม ความลับ แล้วจับให้ได้
พูดหัวไม้ ถ้าโกรธ อีสาวนี้มันช่างพูดตะหมอ
ชาติอิญิง ระวังนะ คนอ้อร้อ
เปรียบเหมือน ดีปลี ที่ฉันฟัน
วันนี้ ใส่มากเห้อ มันไม่อยากเผ็ด
หวันเย็นว่า ใส่แต๊ด มันเผ็ดจนหัวสั่น
ว่าดีปลี ขี้นก อย่าไปคบพันธุ์
ใครลงครัว กลิ่นอาย หาม่ายมี
พูดวาจา มันไม่ตรง แล้วลงกับจิตร
พูดบัณฑิต ไปได้ อีสาวนี้มันไม่บัดสี
ถ้าซื้อวัว แล้วแลขวัญ แล้วเสียให้ดี
ถ้าซื้อปี่ คอยแลรู อย่าไปดูทอเป่า
เดือนสิบสอง เดือนอ้าย มันไม่ช่ายหนุก
มันมีทุกข์ จริงสะหวา มันหนักกว่าภูเขา
เด็กแลวัว แล้วแลควาย โทษมันไม่เบา
เหมือนนกเขา ติดกรง มันติดอยู่องค์เดียว
แลผ้านุ่ง ผ้าห่ม เหอผมเป็นเกลียว (ซ้ำ)
แบกจิงเกลียว พายสาร แล้วจากบ้านเรือน
มาปลูกหนำ ทำห้าง อยู่กลางป่า
ความเสดสา หาไหน ไม่มีใครจะเหมือน
ฝนสาดเบียง มาเลี่ยงกาย อยู่หลายเดือน
เปรียบเสมือน ติดคุก มันติดอยู่ทุกวัน
โถกบางคนฝากขัง แล้วเพื่อน ขังตาย
เอาหนังอ้าย พันโพก ยิ่งโศกศัลย์
ฝากไปสี่ แล้วหลบสาม ความสำคัญ
ข้อเท่านั้น แหละน้องอา ไม่ว่าใคร
กายของหมั่น คนโง่ แล้วไม่ไร้ไหร
เปรียบจะเหมือน จังไหร เท่มากิน แบดหัว
ช้าและท่าน ทั้งหลาย อย่าได้มัว
ให้หมดมัว สิ้นทรัพย์ และอับภรรยา
เกิดเป็นพี่ ร่วมท้อง น้องร่วมไส้
ถ้าฝากฝัง กันได้ แล้วเสียเลยหนา.....
ช่วยกรุณาถอดความเป็นภาษาภาคกลางด้วยจักเป็นพระคุณยิ่งค่ะ
ส่วนข้อความสีม่วงข้างบนนี้ คือยังสงสัยค่ะ พี่หยอยเขียนมาแบบนี้ แต่ส่วนตัวคิดว่า น่าจะเป็นคำว่า "มาเลี้ยงกาย" หรือเปล่าคะ
พรุ่งนี้มาต่อบทอื่นๆค่ะ
มีรางวัลให้สำหรับคนทายถูกด้วยค่ะ อิ อิ อิ เอารางวัลมาล่อก่อนนอนอีกแล้ว !
....อ้างอิงแหล่งที่มา....
บทน้ำเคย ขับบทโดย :ครูภูมิปัญญาท้องถิ่น บ้านน้ำตกนกรำ อ.กงหรา จ.พัทลุง
ถอดความโดย : พี่ประไพ ทองเชิญ
- บล็อกของ หมวยเล็ก
- อ่าน 3701 ครั้ง
ความเห็น
lekonshore
4 สิงหาคม, 2011 - 09:37
Permalink
น้องหมวยเล็ก เดี่ยวขอเวลาแปลให้นะ
"ถ้าซื้อปี่ คอยแลรู อย่าไปดูทอเป่า" หมายถึง ถ้าซื้อปี่ให้แลที่รู อย่าไปดูตอนเป่า
คำว่าอย่าไปดูทอเป่า ถูกแล้ว
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
lekonshore
4 สิงหาคม, 2011 - 11:56
Permalink
คำแปล มาแลกันต้า(มาดูกันค่ะ)
บทน้ำเคย หม้อน้ำเคย เขาดังฝาก
บทแกงพุงปลา หม้อแกงพุงปลา ที่เอามาฝาก
เป็นทุกข์มาก แลไม่หลอด ไม่ทอดไหร
เป็นทุกข์มาก ดูไม่ตลอดไม่ใส่อะไรเลยในแกงพุงปลานี้(คือไม่มีเนื้อ)
เหลือแต่น้ำ กับเกลือ ม้ายเหยื่อใน
มีแต่น้ำกับเกลือไม่มีเนื้ออะไรเลย
มันขัดใจ ทุกครา เมื่อเวลาจะกิน
มันจะขัดใจทุกครั้ง เวลาจะทาน
จานลง สองที แล้วไม่คร่ายเหม็ด
ราดน้ำแกงลงสองครั้ง ทานไม่ค่อยหมด
น้ำตามันเล็ด มูกมันไหล ใจถวิล
น้ำตามันหยด น้ำมูกก็ไหล ใจเป็นห่วง
ว่าดีปลี ขี้นก มันไม่ได้กิน
ว่าพริก(พันธุ์ชื่อขี้นก เม็ดเล็ก ๆ เผ็ดมาก)มันกินไม่ได้
จึงเผ็ดลิ้น ร้อนคอ มันก่อรำคาญ
เผ็ดลิ้น ร้อนไปถึงคอ ทำให้รำคาญมาก
กรรมบังโกรธ โลดออก นอกชายครัว
จึงโกรธมาก เดินออกไปนอกชานของครัว
ผ้าโพกหัว กะไม่ชับ มือจับขวาน (โกรธจังแล้ว)
ผ้าโพกหัวไม่ค่อยถนัด มือก็จับขวานไปด้วย(ความที่โกรธมากคือสั่นไปหมด)
ปลูกเอาไว้ ข้างเรือน มันไม่ได้การ
พริกที่ปลูกไว้ข้างบ้าน ไม่ได้การเสียแล้ว
ฟันให้พ่าน เสียสักหน แล้วขนลงคลอง
ตัดทิ้งให้หมด สักครั้งแล้วขนทิ้งในคลอง
มันจองหอง พูดปลิ้น ลิ้นรอบคอ
มันผยอง ว่ามันแน่ (แบบประชด)
จึงขอถาม ความลับ แล้วจับให้ได้
จึงอยากจะถามความลับ แล้วจับให้ได้
พูดหัวไม้ ถ้าโกรธ อีสาวนี้มันช่างพูดตะหมอ
พูดภาษานักเลง คือถ้าโกรธ สาวคนนี้เป็นคนช่างพูด
ชาติอิญิง ระวังนะ คนอ้อร้อ
ให้ระวังผู้หญิง อ้อร้อ
เปรียบเหมือน ดีปลี ที่ฉันฟัน
เปรียบเสมือนกับต้นพริกที่ตัวฉันได้ตัดไป
วันนี้ ใส่มากเห้อ มันไม่อยากเผ็ด
วันนี้ใส่มากใช่มั๊ย คือไม่อยากทานเผ็ด
หวันเย็นว่า ใส่แต๊ด มันเผ็ดจนหัวสั่น
ตอนเย็นใส่นิดเดียว แต่เผ็ดมากจนหัวสั่นเลย
ว่าดีปลี ขี้นก อย่าไปคบพันธุ์
ว่าพริกขี้นก อย่าไปคบมาทำพันธุ์
ใครลงครัว กลิ่นอาย หาม่ายมี
ไม่ว่ากับใครก็ไม่มีอาย
พูดวาจา มันไม่ตรง แล้วลงกับจิตร
พูดจาไม่น่าเชื่อถือ
พูดบัณฑิต ไปได้ อีสาวนี้มันไม่บัดสี
จะพูดแบบคนดี ๆ ทั่วไปก็ได้ไม่อาย
ถ้าซื้อวัว แล้วแลขวัญ แล้วเสียให้ดี
ถ้าจะซื้อวัว ให้ดูขวัญหัว ให้ดี ๆ (เหมือนคำว่าดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่)
ถ้าซื้อปี่ คอยแลรู อย่าไปดูทอเป่า
ถ้าซื้อปี่ ให้ดูที่รู อย่าไปดูตอนเป่า
เดือนสิบสอง เดือนอ้าย มันไม่ช่ายหนุก
เดือนสิบสอง เดือนอ้าย(เดือนแบบไทย)มันไม่สนุก
มันมีทุกข์ จริงสะหวา มันหนักกว่าภูเขา
มันมีทุกข์ จริงนะ มันมากคือหนักกว่าภูเขา
เด็กแลวัว แล้วแลควาย โทษมันไม่เบา
เด็กที่ดูวัว ดูควาย โทษไม่เบาเลยนะ
เหมือนนกเขา ติดกรง มันติดอยู่องค์เดียว
เหมือนนกเขาติดอยู่ในกรง มันติดอยู่ตัวเดียว
แลผ้านุ่ง ผ้าห่ม เหอผมเป็นเกลียว (ซ้ำ)
แล้วดูผ้านุ่ง ผ้าห่ม ผมเป็นเกลียว
แบกจิงเกลียว พายสาร แล้วจากบ้านเรือน
แบกยกขึ้นบ่า สะพายข้าวสาร แล้วออกจากบ้าน
มาปลูกหนำ ทำห้าง อยู่กลางป่า
มาสร้างขนำ ทำเป็นห้าง(ที่เขาทำไว้บนต้นไม้) อยู่กลางป่า
ความเสดสา หาไหน ไม่มีใครจะเหมือน
ความลำบากทุกข์อยาก จะหาได้ที่ไหน ไม่มีใครเหมือน
ฝนสาดเบียง มาเลี่ยงกาย อยู่หลายเดือน
น้ำฝนก็สาดที่ระเบียง มาหลบกาย อยู่หลายเดิอน
เปรียบเสมือน ติดคุก มันติดอยู่ทุกวัน
เปรียบเหมือน ตืดคุก ติดทุกวัน
โถกบางคนฝากขัง แล้วเพื่อน ขังตาย
ถูกบางคนฝากขัง แล้วเพื่อนก็ขังตาย
เอาหนังอ้าย พันโพก ยิ่งโศกศัลย์
เอา...... มาพันยิ่งโศกเศร้า
ฝากไปสี่ แล้วหลบสาม ความสำคัญ
ที่สำคัญ ฝากไปสี่ กลับมาสาม
ข้อเท่านั้น แหละน้องอา ไม่ว่าใคร
เท่านั้นแหละ ไม่ได้ว่าใคร
กายของหมั่น คนโง่ แล้วไม่ไร้ไหร
ร่างกายคงมั่น คนโง่ ๆ ไม่รู้อะไร
เปรียบจะเหมือน จังไหร เท่มากิน แบดหัว
เปรียบเหมือน สิ่งไม่ดีจะเข้าตัว(จังไหรเหมือนสิ่งไม่ดีจะขึ้นหัว คล้ายหัวเป็นโรค)
ช้าและท่าน ทั้งหลาย อย่าได้มัว
ทุกท่านอย่าได้ช้า
ให้หมดมัว สิ้นทรัพย์ และอับภรรยา
ให้หมดสิ้น ทรัพย์สิน และไร้เมีย
เกิดเป็นพี่ ร่วมท้อง น้องร่วมไส้
เกิดเป็นพี่น้อง ร่วมท้องแม่เดียวกัน
ถ้าฝากฝัง กันได้ แล้วเสียเลยหนา.....
ถ้าสามารถช่วยเหลือกันก็ดีหนักหนา
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
หมวยเล็ก
4 สิงหาคม, 2011 - 14:07
Permalink
พี่เล็ก..สุดยอด
หมายความว่า เป็นพี่น้องกันให้รักมั่นกลมเกลียวกันไว้ใช่ไหมคะ
พี่เล็กดูหนังลุงม้ายคะ
tikki
4 สิงหาคม, 2011 - 12:57
Permalink
บทเหลิดผึ้ง
อ่านเข้าใจง่านค่ะ เนื้อเรื่องสอนใจสัมผัสลงตัวได้ใจ เสียงตาพรานคงหวานไม่น้อยด้วย
หมวยเล็ก
4 สิงหาคม, 2011 - 14:13
Permalink
ไม่ใช่บท เหลิดผึ้ง
อันนี้ไม่ใช่บท เหลิดผึ้งค่ะคุณ ติ๊ก เขาเรียกว่าบทน้ำเคย น่าจะเกี่ยวกับอาหารมั้งค่ะถึงเรียกแบบนี้ บทเหลิดผึ้ง จะเอามาลงคืนนี้ค่ะ
เสิน
4 สิงหาคม, 2011 - 14:31
Permalink
น้องหมวย
..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..
แก่
4 สิงหาคม, 2011 - 20:55
Permalink
ขอบใจ
3 สาว น้องหยอยเจ้าตำรับ น้องหมวยถ่ายทอด น้องเล็กช่วยแปล อย่าแปลกใจว่าทำไมพี่ไม่ได้นั่งฟัง ปัญหาใหญ่ คือ ภาษา
หน้า