ไปทำบุญ สารทเดือนสิบให้บรรพบุรุษ

หมวดหมู่ของบล็อก: 

วันนี้ไปทำบุญ สารทเดือนสิบให้บรรพบุรุษผู้ซึ่งล่วงลับไปแล้ว

ที่บ้านน้า อำเภอทุ่งสง นครศรีธรรมราชมาจ้า

เป็นการรวมญาติมิตร รุ่นเดอะ รุ่นดึก และ รุ่นเด็ก


 



พ่อเจ้าฟ้าใส รอไม่ไหว หิว
















ป้าโจกับน้องฟ้าใส ฟ้าใสแผลงฤิทธิ์

 


โจ๊กกับน้องฟ้าใส


จูนกับน้องฟ้าใส


พี่เอ็มม่าแม่บ้านชาวเมียนม่า กับน้องฟ้าใส อีกแล้ว อิอิ




ความเห็น

แถวนคร นามสกุลนี้เยอะมากค่ะ

ขนมวุ้นสีสวย น่ากินมากๆ ค่ะ 


ซื้อหรือทำเองค่ะ  เห็นหน่อไม้ต้มกะทิ กลืนน้ำลายเลยค่ะ


 

ขนมชั้น กับวุ้นสีสวยถูกใจมากเลยค่ะ พี่โจทำเองหรือเปล่าคะ :love:

สุดมือสอย ก็ปล่อยมันไป^^ ธรรมะ จากท่าน ว.วชิรเมธี

ขนมชั้นสีสวยดีนะครับพี่


ขออนุโมทนาบุญด้วยครับพี่โจ แถวอิสานจะเรียกบุญข้าวสากหรือบุญเดือนสิบครับจะจัดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปีครับ

บุญข้าวสากหรือข้าวสลาก ( สลากภัตร )

 ...นิยมทำในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนสิบ เป็นการทำบุญเพื่ออุทิศให้แก่ผู้ตายหรือเปรต บางท่านว่าเป็นการทำบุญอุทิศกุศลให้
เปรตอีกครั้งหนึ่ง โดยมีเวลาห่างจากเวลาบุญข้าวประดับดิน 15 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่เปรตต้องการกลับไป ณ ที่อยู่ของตน
ก่อนการทำบุญข้าวสากชาวบ้านจะเตรียมข้าวเม่า ข้าวพอง ข้าวตอก ขนม และอาหารคาวหวานอื่นๆ ตลอดผลไม้ต่างๆ ไว้ทำบุญ
สำหรับข้าวเม่า ข้าวพองและข้าวตอกนั้น จะคลุกเข้ากันและใส่น้ำอ้อย น้ำตาล ถั่วงา มะพร้าวให้เป็นข้าวสาก ( ภาคกลางเรียกว่า
ข้าวกระยาสารท)

 ...ก่อนจะนำของถวายพระชาวบ้านจะจับสลากชื่อพระภิกษุสามเณรก่อน สลากที่จับถูกชื่อพระภิกษุสามเณรรูปใด ก็นำของ
ไปถวายแต่พระภิกษุสามเณรรูปนั้น วิธีหนึ่ง ผู้ถวายจะเขียน ชื่อของตน และคำอุทิศส่วนกุศล ใส่กระดาษไปด้วย เมื่อชาวบ้านไป
พร้อมกันที่วัดแล้ว จะนำเอาสลากนั้นไปใส่ลงในขันหรือบาตรรวมกันคลุกให้เข้ดีแล้ว จะมีการจับสลากขึ้นมาทีละใบ เมื่อจับ
สลากถูกใบใด ก็จะมีการอ่านชื่อผู้เจ้าของสลากพร้อมคำอุทิศส่วนกุศล พออ่านจบเจ้าของข้าวสากจะนำห่อ ชะลอมหรือสำหรับ
อาหารต่าง ๆ ไปถวายพระภิกษุสงฆ์

 ...บางแห่งชาวบ้านยังนิยมเอาห่อหรือชะลอมข้าวสากไปวางไว้ตามที่ต่าง ๆ ในบริเวณวัด พร้อมจุดเทียนและบอกกล่าวให้
เปรตหรือญาติผู้ล่วงลับไปแล้วมารับเอาอาหารต่าง ๆ ที่วางไว้ และขอให้มารับส่วนกุศลที่อุทิศให้ด้ว

 

ความเป็นมาของสลากภัตร

 ...ในสมัยหนึ่งพุทธองค์ได้เสด็จไปกรุงพาราณสี ในคราวนี้นบุรุษเข็ญใจ พาภรรยาประกอบอาชีพตัดฟืนขายเป็นนิตย์เสมอมา
เขาเป็นคนเลื่อมใสพระพุทธศาสนายิ่งนัก วันหนึ่งเขาได้ปรึกษากับภรรยาว่า "เรายากจนในปัจจุบันนี้เพราะไม่เคยทำบุญ-ให้ทาน
รักษาศีลแต่ละบรรพกาลเลย ดังนั้นจึงควรที่เราจักได้ทำบุญกุศล อันจักเป็นที่พึ่งของตนในสัมปรายภพ-ชาติหน้า"ภรรยาได้ฟังดังนี้
แล้ว ก็พลอยเห็นดีด้วย จึงในวันหนึ่งเขาทั้งสองได้พากันเข้าป่าเก็บผักหักฟืนมาขายได้ทรัพย์แล้วได้นำไปจ่ายเป็นค่าหม้อข้าว 1 ใบ 
หม้อแกง 1 ใบ อ้อย 4 ลำ กล้วย 4 ลูก นำมาจัดแจงลงในสำรับเรียบร้อยแล้วนำออกไปยังวัด เพื่อถวายเป็นสลากภัตตทานพร้อม
อุบาสกอุบาสิกาเหล่าอื่น สามีภรรยาจับสลากถูกพระภิกษุรูปหนึ่งแล้วมีใจยินดี จึงน้อมภัตตาหารของตนเข้าไปถวายเสร็จแล้วได้
หลั่งน้ำทักษิโณทกให้ตกลงเหนือแผ่นปฐพีแล้วตั้งความปราถนา "ด้วยผลทานทั้งนี้ข้าพเจ้าเกิดในปรภพใดๆ ขึ้นชื่อว่าความยากจน
เข็นใจไร้ทรัพย์เหมือนดังในชาตินี้ โปรดอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้าทั้งสองเลย ขอให้ข้าพเจ้าทั้งสองเป็นผู้มั่งคั่งสมบูรณ์เพียบพร้อมด้วย
ทรัพย์สมบัติและมีฤทธิ์เดชมาก ในปรภพภายภาคหน้าโน้นเถิด" ดังนี้

 ...ครั้นสองสามีภรรยานั้นอยู่พอสมควรแก่อายุขัยแล้วก็ดับชีพวายชนม์ไปตามสภาพของสังขาร ด้วยอานิสงฆ์แห่งทานสลากภัต
จึงได้ไปเกิดเป็นเทพบุตร เทพธิดาในดาวดึงส์สวรรค์ เสวยสมบัติทิพย์อยู่ในวิมานทองอันผุดผ่องโสภาตระการยิ่งนัก พร้อมพรั่งไป
ด้วยแสนสุรางค์นางเทพอัปสรห้อมล้อมเป็นบริวาร มีนามบรรหารว่า "สลากภัตตเทพบุตรเทพธิดา" กาล กตวา

 ...ครั้นจุติเลื่อนจากสวรรค์แล้วก็ได้ลงมาเกิดเป็นกษัตริย์ในเมืองพาราณสี มีพระนามว่าพระเจ้าสัทธาดิส เสวยราชสมบัติอยู่
84,000 ปี ครั้นเบื่อหน่ายจึงเสด็จออกบรรพชา ครั้นสูญสิ้นชีวาลงแล้วก็ได้ไปเกิดในพรหมโลก และต่อมาก็ได้มาอุบัติเป็นพระ
ตถาคตของเรานั่นเอง นี่คืออานิสงฆ์แห่งการถวายสลากภัตต์ นับว่ายิ่งใหญ่ไพศาลยิ่งนัก สามารถอำนวยสุขสวัสดิ์แก่ผู้บำเพ็ญทั้งง
ชาติมนุษย์และสวรรค์ ในที่สุดถึงความเป็นพระพุทธเจ้าได้

ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงหรือต่ำอยู่ที่ทำตัว


บุคคลจะล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร

สาธุ  สาธุ  สาธุ  อนุโมทนามิ...

การทำบุญให้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว... ย่อมแสดงให้เห็นถึงความกตัญญูของลูกหลาน...

อานิสงค์อันประเสริฐ จะทำให้ลูกหลานเจริญรุ่งเรือง ทำมาค้าขึ้น เฮง ๆ ๆ ๆ   สาธุ........... :embarrassed:

.................

ที่บ้านก็จะทำบุญให้ ปู่ ย่า ตา ยาย วันที่ 18 ค่ะพี่โจ นานๆ ญาติๆ จะได้รวมตัวกัน ที่สำคัญคือของกินเยอะมาก.. อยากนั่งแย่งหนมโต๊ะวัยรุ่นจังนิ

งานนี้เป็นการแสดงถึงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ได้ก่อร่างสร้างฐานมาให้ลูกหลาน คนไทยส่วนใหญ่ต่างหลงลืม ถูกใจกดไลท์ให้นะจ๊ะ



แต่สงสัยนะพี่โจ ทำไมป้ายหินเขียนว่า มรณะภาพหละครับ  :confused:

ถ้าเดินเรื่อยไป ย่อมถึงปลายทาง

พี่โจมาปละนี้ ไม่รู้ข่าวเลย ว่าอิชวนไปกินหนมจีนเส้นสดเมืองทุ่งสงสักหิด:sweating:

หน้า