ความลี้ลับของเขายายเที่ยงในอดีต
ใหนๆพี่หยอยก็เล่าความสวยงามของเขาเจ็ดยอดไปแล้ว งั้นอ๊อดขอเล่า "ความลี้ลับของเขายายเที่ยง" บ้าง ในอดีตเขายายเที่ยงนั้น ถือว่าเป็น "ป่าแรง" อีกหนึ่งขุนเขาเลยก็ว่าได้ อ่านประวัติเขายายเที่ยงได้ที่ วิกิพีเดียนะค่ะ
แต่ประวัติที่จะเล่าต่อไปนี้ คือ สิ่งที่อ๊อดได้ยินมาจากปากคนเฒ้าคนแก่ ตั้งแต่ครั้งสมัยอ๊อดยังเด็กๆ เท็จจริงแค่ใหนนั้น โปรดใช้วิจารณญาณ เพราะเขาเล่ามา อ๊อดก็เล่าต่อ ชาวบ้านคนเก่าแก่ เล่าว่า "ทำไมถึงเรียกเขายายเที่ยง" เพราะว่ามียายคนนึงชื่อ เที่ยง ขึ้นเขาไปหาขุดหน่อไม้ แล้วไปสับเอาหน่อทอง ได้ทองกลับบ้าน เลยเรียกเขายายเที่ยง ว่างั้น...ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า หรือว่าแค่นิทานหลอกเด็ก
เป็นที่ทราบกันดีว่า ในอดีต เขายายเที่ยงนั้น มีความอุดมสมบูรณ์มาก เคยมีสัตว์ป่าหลายชนิดอาศัยอยู่ แต่ปัจจุบันสัตว์ป่าได้สูญพันธุ์เนื่องจากถูกล่า และบางส่วนหนีอพยบไปที่เขาใหญ่ สมัยก่อนตอนที่อ๊อดยังเด็กๆ ชาวบ้านที่ทำไร่ อยู่เชิงเขา และเขตไกล้เคียง จะโดนหมูป่าลงมากัดกินพืชไร่เสียหายอยู่เป็นประจำ จนทำให้ชาวบ้านต้องขึ้นไปล่าจนถึงบนยอดเขา
ตามภาพด้านบน ซ้ายสุด จะเป็นพื้นที่ติดกับ "เขื่อนลำตะคอง" ขวาสุดจะเป็นเขากุดโง้ง ซึ่งไร่อ๊อดจะอยู่บริเวณนั้น แต่ไม่ใช่บนเขานะ คืออยู่ห่างจากชายเขามาประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นที่มีโฉนด และ นส.3 เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ หลายหมู่บ้าน มีโรงเรียน
พ่ออ๊อดเป็นนักเดินป่าตัวยง เขาลูกนี้พ่อจะท่องจนชิน และรู้ทุกเส้นทางตลอดเส้นเขา พ่อและเพื่อนๆ จะชอบขึ้นเขายายเที่ยงไปหาผึ้ง หาของป่า บางครั้งก็ไปกับแม่ไปหาหน่อไม้ หาเก็บลูกหวาย ไปตัดหวายมาทำโซฟาขาย พอหน้าเห็ดกระด้างก็จะพากันไปเก็บเห็ดมาขาย อ๊อดจำได้ว่าเคยขอตามแม่ขึ้นไปตอน 7 ขวบ เพราะความที่อยากเห็นว่าเห็ดมันอยู่ยังไง มันเกิดขึ้นได้อย่างไร
เคยตามพ่อขึ้นไปหาผึ้งโพรง จะเห็นวิธีการเอาผึ้งแบบแปลกๆ ตามแบบฉบับของผู้ชาย บางครั้งก็นั่งขำตามประสาเด็ก แต่พ่อจะสอนว่า เวลาเข้าป่า เข้าดง ให้สงบปากสงบคำ เห็นอะไรห้ามถาม ถ้าสงสัยอะไรให้กลับมาถามที่บ้าน อย่าเรียกชื่อกัน ให้เรียก "วู้ย วู้ย โว้ย โว้ย" สื่อสารกันด้วยภาษามือ เหมือนคนใบ้คุยกัน
********
วันนึง หลานชายของพ่อมาจาก กทม. มาเที่ยวหา แล้วอยากไปเดินป่า ขอให้พ่อพาไปเดินชมป่าเขายายเที่ยง พ่อก็รับปากพาไป โดยไปกัน 4 คน กับเพื่อนพ่ออีก 2 อายุก็ไล่เรี่ยกัน ห่อข้าวไปกันทุกคน น้ำคนละขวด มีดคนละเล่ม สะพายย่ามไปคนละใบ จุดหมายปลายทางคือ "ป่าไผ่นางนวล" พ่อจะรู้ว่าป่าไม้แต่ละชนิดนั้นอยู่ตรงใหน เพราะแกท่องเขาลูกนี้จนช่ำชอง
แต่วันนั้นพ่อก็พลาดจนได้ เพราะความปากพล่อยของหลานชาย ขี้สงสัยไปทุกเรื่อง ถามทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่พ่อไม่ตอบ รอจนกลับมาถึงบ้าน พ่อถึงด่าหลานว่า "ลูกอีชั่งสงสัย" ถามอยู่ได้ ถามจนหลงป่าเกือบเอาชีวิตไปทิ้ง
*********
และแล้วก็เป็นครั้งแรกที่ พ่อ พาลูกสมุน "หลงป่า" ทั้งๆที่ป่าก็เล็กแค่เนี๊ย ตะวันก็ต่ำลงทุกที ไกล้จะมืด แต่ยังหาทางออกจากป่ากันไม่ได้เลย ที่ไปด้วยกันก็เริ่มใจคอไม่ดี จาก"ตื่นเต้น"ก็กลายเป็น หวาดกลัว จาก"หวาดกลัว" ก็กลายเป็น" หวาดระแวง" พ่อเป็นคนนำทาง พ่อจะใช้มีดอีโต้ที่แบกไปด้วย กระทุ้ง เพื่อช่วยพยุงเดิน แล้วก็ไปกระทุ้งเอาปากถ้ำ ดัง "โป๊ง โป๊ง" เสียงดังก้องกังวาฬ พ่อ ก็บอกทุกคนว่า "สงสัยตรงนี้จะเป็นถ้ำแน่เลย แล้วพ่อก็เดินหาทางเข้าถ้ำ แล้วก็เจอปากถ้ำจริงๆด้วย ซึ่งอยู่หลังพุ่มไม้ และมีหินก้อนใหญ่บังอำพรางไว้ พ่ออยากเข้าไปข้างใน แต่ไม่ได้เอาไฟฉายไปด้วยเลยไม่กล้าเข้าไป กลัวเจองู แกพูดกับทุกคนว่า วันหน้ามาจะมาแวะ จะเอาไฟฉายมาด้วย แกก็แอบคิดในใจว่า "ถ้ำนี้หรือเปล่านะ ที่หลายคนมาเจอเสือสมิง" แต่ตอนนั้น พ่อต้องการพาทุกคนออกจากป่าก่อนพระอาทิตย์ตกดิน
พอเดินไปได้สักพัก ก็เห็นป่าหวาย มีลูกหวายกำลังสุก พ่อก็เลยบอกให้หลานชาย กับเพื่อนๆที่มาด้วยกัน เก็บลูกหวายรอ ส่วนตัวแกขอตัวไปเดินสำรวจรอบๆ เพื่อหาทางกลับบ้าน แล้วพ่อก็เดินวกกลับมาที่ปากถ้ำ เพื่อจะมาทำเครื่องหมายไว้ว่ามีถ้ำอยู่ตรงนี้ คราวหน้ามา จะได้เข้าไปข้างใน
แต่ก็ต้องประหลาดใจ เพราะจากปากถ้ำไปหาป่าหวายมันแค่ 20 เมตรเอง มองเห็นหลังกันไวไว แต่พอวกกลับมาหาปากถ้ำ กลับไม่เจอแล้ว เจอแต่พุ่มไม้ และก่อนหินหนาเตอะ ลองเอามีดกระทุ้งก็ไม่มีเสียงดังก้องเหมือนครั้งแรก อ้าว!!! แล้วเมื่อกี้นี่เห็นอะไร!!! ปากถ้ำหายไปใหน หรือว่าเมื่อกี้คิดไปเอง ว่าแล้วพ่อก็ไม่คิดติดใจอะไร เดินกลับไปหาหลานชายและเพื่อนที่มาด้วยกัน และชวนกันหาทางออกจากป่า
แต่พอหันหลังกลับมาทางเก่า กลับเจอแต่ป่าหนาม หนามไผ่ทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะไปทางใหนก็เจอแต่กอไผ่ ตีแผ่วงกว้างออก กว้างออกไปเรื่อยๆ ไม่มีวี่แววว่าจะเจอทางของชาวบ้านที่เคยมาหาเห็ด น้ำที่ห่อไปก็เริ่มหมด ทุกคนเริ่มคอแห้ง หิวน้ำ เริ่มหมดแรง
********
ทุกคนเดินกันแบบลืมเหนื่อย แต่ก็เดินวกไปวนมา กลับมาที่เก่าที่เพิ่งผ่านกันไปหยกๆเฉยเลย หลานชายก็ปากเสียอีกตามเคย "อ้าวลุง ทำไมพาพวกเราเดินกลับมาที่เก่าล่ะ ฮุ้ย...คราวหน้าผมไม่มากับลุงแล้ว" แล้วหลานชายก็บ่นโน่นบ่นนี่ตามประสาวัยรุ่น 18-19 ต้นๆ พ่อเห็นท่าไม่ดี เพราะมีอะไรผิดปกติหลายอย่าง
พ่อนึกขึ้นได้ อยู่ๆก็นั่งลงพนมมือบ่นพึมพำในลำคอ ท่องคาถาล่องหน ฮ่าๆๆๆ แล้วก็ก้มลงกราบกอไผ่ ป๊ก ป๊ก ป๊ก สามที ไอ้หลานชายบ้านั่นก็นั่งหัวเราะ ชอบอกชอบใจ ว่าลุงหลงป่าจนเป็นบ้า ท่าจะเสียสติ อยู่ๆก็กราบกอไผ่
พ่อไม่พูดอะไร แต่เก็บความรู้สึกไว้ไปจัดการกับหลานชายตอนถึงบ้าน แล้วพ่อก็ลุกขึ้น บอกให้ทุกคนเอาทุกอย่างที่เก็บระหว่างทางทิ้งไปให้หมด เราจะไม่เอาอะไรกลับบ้านทั้งสิ้น นอกจากลมหายใจ หลานก็ทำหน้างงๆ โห...อุตส่าเก็บลูกหวายไปฝากแม่ที่ กรุงเทพฯ ดันมาบอกให้เอาทิ้งอีก หลานชายจะไม่ยอมเอาทิ้ง ยืนยันจะเอาไปให้ได้ พ่อก็เลยตามใจ "งั้นเองแบกไปให้ถึงบ้านนะ" แล้วก็ออกเดินทางต่อ
**********
เหมือนปาฏิหาริย์ก็ว่าได้ หลังจากที่พ่อกราบกอไผ่ แค่เดินออกมา 10 ก้าวก็เจอทางลงเลย เป็นทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรเดินขึ้นลงเขามาหาของป่า วะหว่างทาง หลานชายก็ยังไม่เลิกบ่นอีก เหนื่อย หิว ร้อน หนัก ไม่รู้ว่าหนักอะไร แค่ลูกหวายไม่ถึงกิโล หนักเหมือนแบกคนทั้งคน หนักจนไปต่อไม่ไหว ต้องโยนลูกหวายทิ้งทั้งหมด
*****
อ๊อดจำได้ว่า พ่อพาพวกเขากลับมาถึงบ้านตอน 2 ทุ่มกว่า ในสภาพ เหนื่อยอ่อน ไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกันมาสักอย่าง แล้วคืนนั้น หลานชายก็เป็นไข้ป่า นอนละเมอ พูดพร่ำไปทั่ว หัวเราะคนเดียว พ่อก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น อ๊อดเห็นพ่อจับหลานชายนั่ง แล้วจุดธูปยัดใส่มือให้หลานชาย แล้วพูดว่า "สิ่งที่มันทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โปรดอย่าได้ถือสา ยกโทษให้มันเถอะ มันยังเด็ก แค่นี้ก็พอแล้ว" แล้วหลานชายก็ล้มตึ้งลงไปนอนชักกระตุกสองสามที แล้วก็เงียบไป ตื่นมาตอนเช้า ถามอะไรเขาก็บอกว่าจำไม่ได้ ไม่รู้เรื่องเลย แล้วพ่อก็เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น รวมถึงตอนที่แกกราบกอไผ่ แกบอกว่า "พวกเราทุกคนโดนลงโทษ จากเจ้าที่ เพราะ มะ..รึง.งคนเดียว ไอ้...เ...น" เดินป่าเดินเขาแล้วปากเสีย เกือบหาทางกลับบ้านไม่ได้ใหมล่ะ ถ้าไปใหนกับคนปากเสียอย่างเอ็ง คราวหน้าเอ็งตายก่อนเพื่อน...
**********
ยังมีเรื่องเล่าอีกหลายเรื่องที่อ๊อดได้เจอกับตัวเอง เกี่ยวกับป่าผืนนี้ ไว้บล๊อกหน้าจะมาเล่าต่อถึงความเฮี้ยน และความลี้ลับนะค่ะ
%%%%%%
- บล็อกของ oddzy
- อ่าน 20095 ครั้ง
ความเห็น
teerapan
4 กุมภาพันธ์, 2012 - 00:22
Permalink
Re: ความลี้ลับของเขายายเที่ยงในอดีต
:sweating: กลัว
“Stupidity is an attempt to iron out all differences, and not to use them or value them creatively.”
― Bill Mollison
oddzy
4 กุมภาพันธ์, 2012 - 11:17
Permalink
Re: ความลี้ลับของเขายายเที่ยงในอดีต
ขออภัยที่ทำให้กลัว ไม่มีเจตนาพี่นึก
ธนนันท์
4 กุมภาพันธ์, 2012 - 01:21
Permalink
Re: ความลี้ลับของเขายายเที่ยงในอดีต ปําดดดดดดด..อ๊อด
เอื้อยออกไปแล้ว กลับเข้ามาใหม่...บ่หน่าเลย...เฮ็ดได๋ เอื้อยสินอนหลับ...เอาเรื่องหยังมาเล่าดึก ๆ ดื่น ๆ บรื๊อออออ....คลุมโปงอีกแหล่ว....บ่หน่าหลงกลเข้ามาเบิ่งเขายายเที่ยงเลย...
oddzy
4 กุมภาพันธ์, 2012 - 01:37
Permalink
โอ้ยพี่นันท์กะดาย ตกใจเบิ้ด
ตกใจเบิ้ด ว่าแม้นเอิ้นหยัง :uhuhuh: :uhuhuh: :uhuhuh:
สาวน้อย
4 กุมภาพันธ์, 2012 - 01:45
Permalink
Re: ความลี้ลับของเขายายเที่ยงในอดีต
เคยเจอเหมือนกันค่ะพี่อ๊อด..แต่ไม่ใช่กับตัวเอง..ตอนเดินป่าที่ปางสีดา มีเพื่อน ตัดกิ่งต้นพญายามา...แล้วเอามาไว้ในกระเป่นในเต็นท์ กลางดึก เค้าบอกว่าน้อยไปเขกหัวเค้า... ทั้งที่เราหลับสนิท...ตอนเช้าเล่านายพราน ลุงบอกให้นำกลับไปคืนและขอขมาด้วยค่ะ
ชีวืตที่เพียงพอ..
oddzy
4 กุมภาพันธ์, 2012 - 11:16
Permalink
น่ากลัวเนาะ
น่ากลัวเนาะ โดยเฉพาะกับสิ่งที่เรามองไม่เห็น
วรพจน์ เอียดจันทร์
4 กุมภาพันธ์, 2012 - 02:34
Permalink
Re: ความลี้ลับของเขายายเที่ยงในอดีต
เป็นความลี้ลับที่หากไม่ประสบกับตัวเองก็ยากที่จะทำความเข้าใจ...สำหรับผืนป่าทุกป่า
การทำงานต้องรู้จริงทำจริงจึงประสบกับความสำเร็จ
oddzy
4 กุมภาพันธ์, 2012 - 11:16
Permalink
จริงๆเนาะ
บางสิ่งบางอย่าง เหนือคำบรรยาย ยากที่จะอธิบายได้ ต้องเจอกับตัวเอง
เกิดกับหมอตำแย
4 กุมภาพันธ์, 2012 - 02:47
Permalink
Re: ความลี้ลับของเขายายเที่ยงในอดีต
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ :sweating:
sudjai_waitong@hotmail.com
0805401058
oddzy
4 กุมภาพันธ์, 2012 - 11:14
Permalink
ใช่ค่ะพี่ใจ
อ๊อดก็เป็นคนที่เชื่ออะไรยากซะด้วยซิ ถ้าไม่เจอกับตัวเอง ตอนเด็กๆ เจอแทบทุกรสชาติ ป่าผืนนี้อาถรรพ์จริงๆ แต่ตอนนี้ไม่เหลือร่องรอยของความอาถรรพ์แล้ว หายไปกับความเจริญของตึก รถลา และผู้คน
หน้า