ความพอเพียง แค่ใหน ถึงจะ เพียงพอ
นั่งอ่านย้อนหลังกลับไปหลายๆ บล็อก ของเพื่อนร่วมสมาชิก ทำให้ความฝันที่มีอยู่ ไม่หล่นหายไปใหน
แต่คำถามเริ่มเข้ามาเรื่อยๆ คำว่าเกษตรพอเพียง เราจะก้าวเดินไปในเส้นทางนี้ได้แค่ใหน
คำตอบ ที่ยังคลุมเครือ พอเพียง หรือ เพียงพอ เป็นอย่างไร แค่ใหนถึงจะเรียกว่าพอเพียง
ยกตัวอย่าง มีบ้านหลังใหญ่ มีแอร์ เครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ขับรถฮาเล่ย์ ขับรถยนต์ยุโรป ยังใช้เสื้อผ้าแบรนด์เนม
แต่อีกด้านหนึ่งของครอบครัวนี้ ปลูกผักสวนครัว ปลูกผลไม้ แบบไร้สารพิษ เลี้ยงไก่เล้าเล็กๆ ไว้เก็บไข่ทานเองในครอบครัว
ที่ยกตัวอย่างมา เพื่อนๆ คิดว่า ตัวเขาเป็นเกษตรพอเพียงมั้ย เพราะว่าบางครอบครัวสามีภรรยา ไม่สามารถทานอาหารชนิดเดียวกันได้ เช่น สามีทานอาหารฝรั่ง แต่ภรรยาทานอาหารไทย ซึ่งข้อจำกัดตรงนี้ทำให้เกษตรพอเพียงมีปัญหาเหมือนกัน
วันนี้ได้คุยกับรุ่นพี่คนหนึ่ง ตอนนี้เป็นเชฟใหญ่ เงินเดือนเยอะ แต่พี่เขาวางแผนจะกลับเมืองไทย ไปทำเกษตรกรแบบพอเพียง นั่งคุยกันไปก็ได้คำถามกลับมาให้ขบคิด
พี่เขาวางแผน ทำนาข้าวหนึ่งไร่ครึ่ง เลี้ยงปลาในสระน้ำที่ขุดไว้แล้ว มีสวนมะยงชิด ปลูกไว้ประมาณห้าปี ตอนนี้ได้รับผลแล้ว ถ้ากลับไปจะปลูกผักสวนครัวเพิ่ม เลี้ยงไก่ไข่ ไว้ทานเอง แต่คงต้องหาอาชีพเสริม คือจะให้ภรรยาเปิดร้านขายของชำ ส่วนสามีปลูกผัก
ตามแผนการแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ติดตรงที่ว่า ถ้าลูกชายกลับไปเรียนที่เมืองไทย ต้องเรียนโรงเรียนอินเตอร์ แล้วค่าเรียนแสนแพง จะไหวมั้ย เพราะลูกต้องเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษเท่านั้น เพราะภาษาไทย พูดได้ดีมาก เขียนได้นิดหน่อย
แต่พี่เขาบอกว่า ถ้ายางพาราได้กรีดและราคาดีอย่างทุกวันนี้ คงไม่มีปัญหา เพราะพี่เขามียางพาราประมาณ หนึ่งร้อยไร่
ส่วนเราเอง อยากกลับเมืองไทยมาก แต่ต้องวางแผนกันนานทีเดียว ตอนนี้ปลูกยางพาราทิ้งไว้ มีที่ใต้ กับที่จังหวัดเลย
อยากกลับไปทำเกษตรแบบพอเพียง แต่จะเพียงพอต่อการใช้ชีวิตหรือเปล่าหนอ เป็นโจทย์ที่ต้องคิด เพราะเราเป็นเกษตรพอเพียงที่ยังไม่เพียงพอ ใช่มั้ยค่ะ
แฟนของพี่คนไทยที่คุยกันวันนี้บอกว่า เกษตรแบบพอเพียง เราไม่สามารถกำหนดกฏเกณฑ์ต่างๆได้หรอก เอาเป็นว่า เราปลูกผักที่เราอยากทาน ปลูกทุกอย่างที่ทานได้ ทำแล้วมีความสุข ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร และตัวเราก็ไม่เดือดร้อนด้วย นี่แหละความพอเพียง เราไม่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองมาก
- บล็อกของ M Browne
- อ่าน 4462 ครั้ง
ความเห็น
sothorn
28 กรกฎาคม, 2010 - 06:32
Permalink
พอเพียง
จากบันทึกของน้อง Montha ความพอเพียง กับ เกษตรพอเพียง ต้องแยกออกจากกัน
คำว่าพอเพียงเอาไปใช้ได้กับทุกอย่างไม่ว่าเกษตร ธุรกิจ การดำรงชีพ ครอบครัวหนึ่งไม่ได้ปลูกข้าว ไม่ได้ปลูกผักกินเอง แต่มีความเป็นอยู่ที่ไม่ฟุ้งเฟ้อ รู้จักประยัดอดออม มีคุณธรรม อย่างนี้ก็เป็นครอบครัวพอเพียงได้
ส่วนเกษตรพอเพียงนั้น ไม่มีขีดจำกัดว่าจะทำกี่ร้อยกี่พันไร่ ถ้ามีกำลังที่จะทำ แล้วไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน และที่สำคัญก็ต้องไม่พึ่งพาสารเคมีหรือปัจจัยภายนอกมากเกินไปถึงจะพอเพียง
ความพอเพียงของแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่างที่น้องยกตัวอย่าง มีบ้านหลังใหญ่ มีแอร์ เครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ขับรถฮาเล่ย์ ขับรถยนต์ยุโรป ยังใช้เสื้อผ้าแบรนด์เนม ถ้าครอบครัวนี้ไม่เป็นหนี้ล้นตัว ทุกคนอยู่กันอย่างมีคุณธรรม ไม่คดโกงใคร ไม่ฟุ้งเฟ้อ ก็เป็นความพอเพียงของเขา
อยากให้น้อง Montha ลองทำความเข้าใจตรงนี้อีกทีครับ http://www.bansuanporpeang.com/node/1
M Browne
28 กรกฎาคม, 2010 - 17:43
Permalink
ขอบคุณค่ะ
อืม คำตอบของพี่โส ทำให้ก้อมองเส้นทางของเกษตรพอเพียงได้ชัดขึ้นค่ะ
peenukrab
28 กรกฎาคม, 2010 - 08:19
Permalink
ไม่มีอะไรแนะนำครับ
แต่ชอบแนวคิด ชอบเหตุผล ของน้องครับ พี่ว่า
msn ครับ ยินดีรับการแอดพี่น้องบ้านสวนทุกคนครับ trang_ch@hotmail.com
สะเออะไปรักเขา
28 กรกฎาคม, 2010 - 09:17
Permalink
คำว่า "พอ" ของคนไม่เท่ากัน
ผมว่า คำว่า "พอ" ของคนไม่เท่ากัน
เหมือนที่พูดละครับ คนชอบกินไม่เหมือนกัน คนที่ทำเกษตรพอเพียงจึงไม่เหมือนกัน
บางคนปลูกทุกอย่างที่อยากปลูก สวนเลยกลายเป็นป่า ป่าก็ดูแลตัวเอง อุดมสมบูรณ์เอง ธรรมชาติจัดการทุกอย่างเอง สร้างปุ๋ยให้ตัวเอง โดยที่คนแค่นั่งเก็บผลประโยชน์
แต่เมื่อคนเข้ามาจัดการทุกอย่างแทนธรรมชาติ คนจึงต้องเรียนรู้ และสร้างทุกสิ่งทุกอย่างเอง แทนที่จะให้ธรรมชาติจัดการทุกอย่าง
ผมเคยดู คุณนฤทธิ์ คำธิศรี ซึ่งปลูกต้นไม้ โดยวิธีง่ายๆ แล้วบอกว่า ต้นไม้มีอายุ และวิวัทนาการมากกว่าคน เขาเลย ทำการปลูกแบบง่ายๆ โดยการปลูกพืชแล้วใส่ปุ๋ยมูลสัตว์แบบสดๆ แล้วรดน้ำน้อยๆ ให้ต้นไม้ใช้รากหากินเอาเอง และไม่ตัดหญ่าหรือวัชพืช ต้นไม่ก็ไม่ตาย ถ้าตาย แกก็บอกว่า ปลูกใหม่... นั่งคิดๆ เออแฮะทำเกษตรพอเพียงอย่างงี้ ก็ได้ อิอิ
http://www.youtube.com/watch?v=2AjbuS4HXk0
มานี มานะ วีระ ชูใจ
28 กรกฎาคม, 2010 - 12:57
Permalink
ชอบ....
เป็นมุมมองที่ดีมากครับ...หลายท่านก็มักจะมีมุมมองแบบนี้รวมทั้งตัวผมเองด้วยครับ
อันที่จริงความพอเพียงนี้...มีมานมนานแล้วครับ หากแต่ซ่อนอยู่ในรูปแบบต่างๆที่กระจัดกระจายกันไป
ดังนั้นหลักใหญ่ใจความจึงอยู่ที่...วิธีคิดครับ....ก็คือเราคิดและปฏิบัติอย่างไรต่อ...ตัวเรา..ตัวเราเองเป็นหลักก่อนแล้วค่อยไปลามปามถึงอื่นๆใน สังคมต่อไป
ถามตัวเองก่อนว่าเราพร้อมไหม...ที่จะพอเพียง แทบทุกคนครับรวมทั้งผมด้วยจะบอกว่าไม่พร้อม ด้วยมูลเหตุต่างๆ เพราะผมก็คิดเหมือนกับท่านว่าถ้าพอเพียงแล้ว มันแปลได้ว่าต้องทำเกษตร อยู่กับไร่ไถนา กินพืชผักที่ปลูกเอง แบ่งปัน เหลือขาย แล้วค่าเทอมลูกหละ รถที่ต้องผ่อนหละ จะนั่งกินนอนกินอยู่เฉพาะข้าวปลาอาหารที่ตัวเองมีอยู่นั้นหรือ....ชอบจะมี...แต่ยากที่จะเป็น
ก็ถามตัวเองอีกทีว่า...อ้าวเมื่อตัวเองไม่พร้อมแล้วใครจะพร้อมหละ ก็เอามาสักเรื่องก่อนซิ...จากชีวิตประจำวันที่ดำรงอยู่นะ...อะไรก็ได้ ก่อนจะถึงหนึ่งในสามในสี่....ก็เอาจากหนึ่งในร้อยของตัวเองมาก่อนเป็นปฐมบท
ผมเริ่มต้นด้วยน้ำมันรถครับ...เติมครั้งละหนึ่งพันบาท..จดทุกครั้งที่เติม..ทำให้รู้ว่า....ตายแล้ว(เอามือจับหน้าอก) ปีละหลายหมื่น
จากนั้นก็เริ่มคิดเป็นลิตรว่า...ลิตรละกี่กิโลเมตร....โอ้ สิบสี่กิโลกว่าๆ
จากนั้นก็ลองขับสักแปดสิบถึงร้อยซิ......ยกเว้นช่วงที่แซงบ้าง....ว้าว..ได้ตั้งสิบแปดโลกว่า....
ผมมีกำไรสี่กิโลครับ....เท่ากับผมประหยัดน้ำมันได้เกือบหนึ่งในสามลิตรในระยะทางที่เท่ากัน...เวลาไม่คิด(เวลาผมยากท่จะประเมิน)....แต่ถามว่ายังดื่ม เอสเปรสโซ แก้วละหกสิบเจ็ดสิบอยู่ไหม.... ยังดื่มครับ....
ถามว่าแล้วพอเพียงตรงไหนแค่ประหยัดตังค์ค่าน้ำมัน...ก็กาแฟแก้วละหกเจ็ดสิบก็ยังกินอยู่..จะพอเพียงไปทำไม
.ก็จะตอบแบบกำปั้นทุบดินนะครับว่า..
....ผมใช้ชีวิตประมาทไหม
.... เบียดเบียนทรัพยากรน้ำมันเพิ่มขึ้นไหม
.....ร้านกาแฟก็ยังได้ขาย เอสเปรสโซ ผมได้
.... เด็กในร้านก็มีงานทำ มีรายได้
ชีวิตผมไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลยนอกจากนั่งในรถนานขึ้นอีกนิดเดียวเอง...แต่ดูผลที่ตามมาซิครับ อีกอย่างมันก็ถูกชดเชยด้วยความปลอดภัย
จากนั้นผมได้ใช้ชีวิตในแบบ ไม่เร่งรีบแต่จำเป็นครับ หมายความว่า ส่วนมากงานที่ผมทำ จะไม่เร่งรีบทำแม้งานนั้นจะเป็นงานที่จำเป็นหรือสำคัญ นั่นหมายถึงผมได้มีเวลา การวางแผนล่วงหน้า มีเวลาคิด มีเวลาตัดสินใจ และมีเวลาทบทวน
ถามว่าเมื่อเป็นแบบนี้ผมต้องเครียดไหม..ก็ตอบว่าไม่...แล้วมันพอเพียงตรงไหน...
ก็ไม่เบียดเบียนตัวเองไง อารมณ์ดีได้คุยกับลูกเพราะๆอีกต่างหาก
ก็ค่อยๆเรียนรู้กันไป...ด้วยความเคารพในกันและกัน...ชื่นชมครับ..
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
M Browne
28 กรกฎาคม, 2010 - 17:39
Permalink
เป็นเรื่องที่คิดไม่ตก
คือจริงๆ แล้วสำหรับเราเอง ถามว่า ใจเรารักในเกษตรพอเพียงมั้ย รักมากค่ะ อยากทำ แต่เวลาคุยกับใครว่าจะไปใช้เกษตรพอเพียง ทุกคนจะมองพร้อมคำถามแบบเดียวกันซะส่วนใหญ่ เค้าบอกว่า เปลี่ยนยี่ห้อกางเกงยีนส์ให้ได้ก่อน ซื่งมันมีความหมายในตัวคือ ก่อนจะไปใช้คำว่าพอเพียง ให้เราเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตเสียก่อน
แต่อ่านแนวคิดของพี่แล้ว อืม เราก็น่าจะทำได้ แค่ปรับในบางเรื่อง ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปเลย ใช่มั้ยค่ะ
แดง อุบล
28 กรกฎาคม, 2010 - 15:34
Permalink
ความพอเพียง
สำหรับแดง มันอยู่ที่ใจเราค่ะ
"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"
nunui1979
28 กรกฎาคม, 2010 - 17:15
Permalink
เหมือนกัน
เหมือนกับพี่แดงค่ะ มันอยู่ที่ใจ
ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเขา......... จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร แค่บินไกลให้ถึงฝันเท่านั้นพอ.........จำเขามา5555555
หนุ่ย แม่กำปั้น
ท้อ..แต่ไม่ถอย
lสู้..สู้..
M Browne
28 กรกฎาคม, 2010 - 17:25
Permalink
ใช่ค่ะ
ใช่ค่ะ พยายามมองว่าใจสำคัญที่สุด
แก้ว กุ๊ก กิ๊ก
28 กรกฎาคม, 2010 - 17:43
Permalink
ชอบพูดกันว่าพอเพียง
มันฟังดูมี หลักการ มี...แนว
จริงๆแล้ว ทำใจกันให้ได้ ก็ไม่ได้ต้องการหลักการอะไรมากมายแล้ว
เห็นด้วยกับผู้ใหญ่โสค่ะ มีที่ทำกิน ก็เป็นเกษตรพอเพียง
ทำใจให้เป็น ก็เป็น ชีวิตพอเพียง
เด๋วนี้คุยกันจนฟุ้งไปค่ะ
ที่จริงขอแค่อย่าฟุ้งซ่านก็พอแล้ววว
หน้า