จากเพื่อนถึงเพื่อน
จากเพื่อนถึงเพื่อน
จากเพื่อนถึงเพื่อน
สมัยเรียนหนังสือ ผมกับเพื่อนๆ 4 คน รวมตัวกันไปเรียนที่วิยาลัยเทคนิคยะลา สมัยปี 2529
โดยพวกเราไปเรียนต่อ ปวส.สาขา อิเล็กทรอนิกส์ เราทั้ง 4 ก็ไปเช่าบ้านหลังหนึ่ง อยู่ด้วยกัน ในราคา 600 บาท
อยู่ด้วยกันแบบ มีกินก็กินด้วยกัน อดก็อดด้วยกัน ต้มมาม่า ห่อเดียวล้อมวงกินกับข้าวกันก็มีช่วงปลายเดือน
ในห้องเรียน มีผู้หญิง 3 คน คือ กบ ต้อย และ ฝน ซึ่งเป็นเด็กเทคนิคยะลาเดิม คือเรียน ปวช.จากที่นั้น พวกเรา เป็นเด็กต่างถิ่นส่วนน้อย ไปเรียนด้วย แต่เพื่อนๆ ก็ให้ความสนิทสนมกลมเกลียวกันด้วยดี เรียนแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย มีการตัดเกรดอิงกลุ่ม ใครคะแนนเก็บได้มากก็ทำข้อสอบปลายภาคให้ได้น้อย เพื่อดึงเพื่อนๆให้ได้เกรดดีๆ
เพื่อให้ได้เรียนจบกัน การเรียนช่างมันหล่อหลอมให้ทุกคนรักกัน ช่วยเหลือกัน ใครโดนรังแกจากเพื่อนต่างคณะต่างแผนก เราก็พร้อมจะลุยช่วยเพื่อน ยิ่งต่างสถาบันเราก็พร้อมจะลุยช่วยเพื่อนในสถาบันเรา โดยไม่เกี่ยงว่า เพื่อนเราผิดเพื่อนเราถูก เพื่อนเราอยู่แผนกไหน จะรู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรือไม่กับเรา (ซึ่งอาจจะเป็นค่านิยมผิดๆก่อปัญหาตามมาจนถึงขณะนี้)
การปลูกฝังมาอย่างนี้มันก็มีข้อดีด้วย รุ่นพี่ รุ่นน้อง เพื่อนร่วมสถาบัน สมัยผมจบใหม่ๆ ไปสมัครงานที่แรก ยื่นใบสมัคร หัวหน้างานอ่านเสร็จเงยหน้าถาม มาทำงานได้เมื่อไหร่ รู้ตอนหลังเป็นพี่ร่วมสถาบันเหตุผลที่รับเข้าทำงานเพราะเป็นรุ่นน้อง ไม่ได้สนใจหรอกว่า ผมจบเกรดเท่าไหร่
พอผมทำงาน เมื่อที่ทำงานต้องการช่าง สิ่งที่ผมคิดถึงสิ่งแรกคือ เพื่อนที่เรียนกันมามีใครว่างงานอยู่อีกไม๊
สนิทส่วนตัวหรือไม่สนิทติดต่อด้รับหมด มีเพื่อนอีกคนได้งานเป็นหัวหน้าคนงานบริษัททำเทปรถยนต์ในกรุงเทพฯ เพื่อนคนไหนยังไม่มีงานทำก็ไปทำที่นั้นหมด จนกว่าจะสอบได้งานดีๆแล้วแยกย้ายกันไป
เข้าเรื่องที่อยากจะเล่า เย็นวันหนึ่ง หลังจากเลิกเรียน ผมกับเพื่อนอีก2-3คนรวมทั้งเพื่อนผู้หญิงที่ชื่อฝนซึ่งต้องทำรายงานกลุ่มเดียวกัน ได้ไปนั้งกินกาแฟที่ร้านกาแฟริมทาง เยื้องๆวิทยาลัยฯหลังจากทำรายงานกันเสร็จ
ในกลุ่มมีเพื่อนคนหนึ่งสูบบุหรี่ นั้งกินไปคุยกันไปสนุกสนาน ผมก็เอาบุหรี่ที่เพื่อนมาจุดดูดเล่น หัดดูด ก็ไม่ได้คิดอะไรคิดมากแกล้งเพื่อน ก็พ่นบุหรี่ใส่หน้า เพื่อนผู้หญิงที่ชื่อฝน ฝนก็เอามือมาปัดวีควันบุหรี่หัวเราะว่าแกล้งเราทำไม เราเหม็นน่ะ สนุกสนานไม่ได้มีอะไร ค่ำๆก็แยกย้ายกันกลับ
วันรุ่งขึ้นผมก็ไปเรียน ไปประมาณเที่ยง ผมมีเรียน บ่าย 3 – ทุ่ม เมื่อผมไปถึงแผนก ผมก็ถูกเพื่อนผู้หญิงดึงมือ ให้ไห้ไปหา ฝนซึ่งนั่งร้องให้อยู่ แบบน้ำตาเป็นเผาเต่าเลย แค่ผมถามว่า เกิดอะไรขึ้นใครทำอะไรเหรอฝน
แค่นั่นแหละฝนก็มาต่อว่าผมเป็นชุดๆ นี่แหละเราอุตส่าห์ไว้ใจคบเป็นเพื่อน เธอคิดอย่างนี้กับเราได้ไง เรานึกว่าเธอเป็นคนดี ฮื่อๆๆ ต่อไปเธออย่ามาพูดกับเราน่ะ เราเกลียดเธอ ...... สารพัดที่ผมโดน
สรุปว่า เธอมาถึง วิทยาลัยฯเธอก็ถามเพื่อนในห้องเรียนที่เป็นผู้ชายว่า การที่ผู้ชายพ่นบุหรี่ใส่หน้าผู้หญิง มันหมายถึงอะไร เพื่อนจึงสรุปให้ฟังว่า เค๊าหมายถึงผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงหาเงิน ใครมีเงินก็พาไปนอนด้วยได้ แต่คนที่พ่นใส่เขาแสดงให้รู้ว่าถึงฟรีๆเค๊าก็ไม่สนใจ เหมือนควันบุหรี่ที่พ่นทิ้ง ดูเพื่อนมันบอก ผมพยายามถามว่าใครบอกเธอ ฝนก็ไม่ยอมบอกแค่ยืนยันว่า รับปากไว้แล้วว่าไม่บอกว่าใครให้คำตอบ สรุปอีกครั้ง ชาตินี้เธอไม่ญาติดีกับผมแน่
ช่างเหอะ เธอแค่เพื่อน ผมก็ไม่ได้คิดจะจีบเธอนี่ เธอก็ไม่ได้สวยอะไร ผมก็ไม่สนใจ ต่างคนต่างอยู่ก็แล้วกัน เรื่องเรียนก็ไม่ได้ต้องพึ่งพาอะไรเธอ ผมก็ปลงๆแต่ก็รู้สึกเครียดนะเพราะมีคนเข้าใจผิด
ตอนค่ำ ผมกับเพื่อนๆ ก็มาพร้อมหน้ากันที่บ้านเช่า เราหุงข้าวแล้วซื้อแกงถุงกินด้วยกัน โดยลงกองกลางเป็นค่าใช้จ่าย ผมก็บ่นเรื่อง ที่มีเรื่องกับฝนให้เพื่อนๆฟัง ไอ้ป๋อง กับน้องใหม่ มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะ กลิ้ง สรุปว่า ไอ้ป๋องเป็นคนบอกฝน โดยไม่รู้ว่า ที่ฝนถาม มีเหตุมาจากผมไปพ่นบุหรี่ใส่หน้าเค๊า ไอ้ป๋องก็แค่โม้ไปเล่นๆเฉยๆ วันหลังผมพาไอ้ป๋องไปหาฝนเพื่อให้บอกว่าไม่ใช่เรื่องจริง ฝนกลับไม่เชื่อหาว่าพอรู้ว่าเป็นผมป๋องเลยแก้ตัว เวรกรรม.....
ผ่านไป 23 ปีแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายไปทำงานไม่มีโอกาสเจอกันเลยสำหรับบางคน ได้ข่าวครั้งหลังสุด ฝนทำงานอยู่การสื่อสารแห่งประเทศไทย ส่วนเพื่อนทั้ง4 ที่อยู่กันมา ยังติดต่อหากันเสมอ ถ้าฝนเกิดจับผลัดจับพลูผ่านมาได้อ่านเวปนี้ หวังว่าคงรู้แล้วน่ะว่า จริงๆ แล้ว ไอ้ป๋องมันอำเล่น แล้วเราก็ไม่ได้คิดอะไรเลยแค่อยากแกล้งให้ฝนสำลักควันบุหรี่ คิดถึงเพื่อนๆวันเก่าๆจัง
- บล็อกของ peenukrab
- อ่าน 9147 ครั้ง
ความเห็น
sailomloy
29 กรกฎาคม, 2010 - 17:02
Permalink
แจ่ม คิดถึงวันเก่าๆ
แจ่ม
คิดถึงวันเก่าๆ
ของผม...ดูดหญ้าที่เมามายด้วย..
กรรมเวรเถรชี
เอิ๊กๆ
ออกปากรุนท็อกที !!!
ann
29 กรกฎาคม, 2010 - 17:11
Permalink
ขำ..........
กรรมเวรเถรชี 5++++++
ดังลั่นบ้าน ..........
....ความสุขอย่างแท้จริง ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง....
sailomloy
29 กรกฎาคม, 2010 - 20:55
Permalink
จุ๊ๆ
อย่าโฉ อย่าฉาววววววววววววว
ออกปากรุนท็อกที !!!
เจ้โส
29 กรกฎาคม, 2010 - 21:11
Permalink
แหลงหรัยกัน
น้องนุ กะ สายลมลอย แหลงหรัยกัน ??????? แหลงดัง ๆ หิ๊ดทิ๊ ไม่ค่อยได้ยิน
garden_art1139@hotmail.com
sailomloy
29 กรกฎาคม, 2010 - 22:25
Permalink
เจ้โส
แหลงเรื่องนอกรีตแหละ เจ้โส เราพวกนอกรีต ....แฮ่ๆ
ชั่งหวมมันเต๊อะ...
อดีตคืออดูด พูดโฉไม่ได้....
ออกปากรุนท็อกที !!!
peenukrab
30 กรกฎาคม, 2010 - 08:58
Permalink
นี่แหละสายใย เจ๊โส
เพราะเราเป็นศิษย์ร่วมสำนัขกันครับเจ๊ เจอกันวันไหน ไม่หลับไม่เลิก
msn ครับ ยินดีรับการแอดพี่น้องบ้านสวนทุกคนครับ trang_ch@hotmail.com
peenukrab
29 กรกฎาคม, 2010 - 17:24
Permalink
รุ่นน้องก้าวหน้าหว่ารุ่นพี่
คลื่นลูกหลังมันดังหว่า จุ๊ๆๆ แต่พี่ก็เคยลองมั้งเหมือนกัน หิดๆหุ้ยๆ
msn ครับ ยินดีรับการแอดพี่น้องบ้านสวนทุกคนครับ trang_ch@hotmail.com
sailomloy
29 กรกฎาคม, 2010 - 20:58
Permalink
ไม่ใช่แค่ลองครับคุณนุ
ของผม ระกับ...เอาจิรงเอาจัง ทั้งพรรคพวกในสังคมไทยพุทธ และไทยมุสลิม...ล่อทัง้นั้น...
สวรรค์อยู่ในสายควันผ่านน้ำจริงๆ เจียวแลฯ
เด็กอย่าได้ลองเจียว...เสร็จมัน...
กำเวนเถนชีเจงๆ (วันภาษาไทยวิบัติ)
ออกปากรุนท็อกที !!!
ann
29 กรกฎาคม, 2010 - 17:09
Permalink
อ่านแล้วมีความสุข
อ่านแล้วมีความสุข....คิดถึงเพื่อน ๆ...........
คิดว่าตอนจบจะ....... ผิดเลย...
....ความสุขอย่างแท้จริง ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง....
peenukrab
29 กรกฎาคม, 2010 - 17:22
Permalink
ชิวิตจริงก็นี้แหละน้องแอน
ถ้าเป็นนิยาย แฮบปี้เฮนดิ้งได้ แต่ถ้าเจอกันตอนนี้ คงขำกันกลิ้งแหละเล่าเรื่องเก่าๆหัวเราะกัน
msn ครับ ยินดีรับการแอดพี่น้องบ้านสวนทุกคนครับ trang_ch@hotmail.com
หน้า