ยางเข้าปีที่ 10 เบิกหน้าเข้าปีที่ 3 แล้วครับ ภูมิใจจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อแม่

สวัสดีครับ ผมสมาชิกใหม่   ยินดีที่ได้รู้จักเพื่อนเวป บ้านสวนพอเพียงทุกท่านครับ

ผมเป็นคนอุบลเดินกำเนิดครับ   พ่อกับแม่รับราชการครูทั้งคู่  ปู่ ย่า  ตา ยา  พื้นฐานก็มาจากชาวนาโดยตรงทั้งสองคน 

ตอนนี้มีที่ดิน ปลูกยาง   ห่างจากบ้าน ประมาณ 1 กิโลเมตร   พร้อมกรีดได้ ประมาณ 1,300 ต้น จาก 16 ไร่   มีต้นที่ซ่อม และกรีดไม่ได้  เนื่องจากโตไม่ทันเพื่อน น่าจะ 100 กว่าต้นแล้ว

สวนทั้งหมด พ่อจะดุแลหลักๆ ดูแลเอง มาจนโตเลยครับ    ก่อนไปโรงเรียน  ตี 5  ถึง  7 โมง     แล้วพ่อก็จะกลับมาแต่งตัวไปสอนนักเรียน  ส่วนตอนเย็น หลังเลิกเรียน  พ่อก็เข้าสวน  จนถึง  ตะวันตกดิน   ถึงได้กลับเข้าบ้าน   และแม่  ก็ดูแลตามกำลัง      ส่วนผมและน้องๆ  ก็ดูแลตามกำลัง และเวล่าว่างจากการเรียน      ผมยอมรับในความสามารถของพ่อเลยครับ  ทำเองทุกอย่าง จนต้นยาง  โตมาจนป่านนี้          

ก่อนหน้าที่เราจะมีที่ดินผืนนี้  ไม่ใช่ที่มรดก เลย  เนื่องจาก พี่น้องทางพ่อและแม่เยอะ   คนไหนเรียนสูงๆ จึงไม่ได้ที่นาเหล่านี้   จึงเสียสละให้พี่น้องคนอื่นทำไป  แต่ก็ยังช่่่วยเหลือเกื้อกูลกันปกติ

ตอนนี้เรามี  สวนยาง  ประมาณ 21 ไร่ ซื้อเองจากน้ำพักน้ำแรงการทำงานของพ่อและแม่   กรีดได้แล้วประมาณ 15 ไร่  ส่วนอีก 5 ไร่ปลูกใหม่ได้ปีเดียว     พ่อก็ดูแลเองทั้งหมด  และมีเวล่าดูแลเต็มที่เพราะเกษียณจากอายุราชการ  เมื่อปีก่อน  ส่วนแม่ เหลืออีก 10 ปี ถึงจะเกษียณ  

ส่วนที่นา    มีอีก 25 ไร่โดยประมาณ  ตัวนี้ก็ได้จากน้ำพักน้ำแรงของพ่อและแม่เช่นกัน

ทั้งที่นาและที่ดินปลูกยาง ไม่ได้ซื้อเงินสดหรอกครับ  ก็กู้ออมทรัพย์ครู  มาซื้อ

มาชมรูปกันดีกว่าครับ

จากภาพมีแผนที่่จาก กู้เกิ้ล ที่จะได้ดังนี้

 อันนี้เป็นแปลงสวนยางใหม่ปีก่อน  5 ไร่  ซื้อต่อญาติ   จัดการถางเตรียมปลูกยาง  (ภาพเก่า)

ภาพพวกนี้เป็นภาพตอนเปิดกรีด 2 ปีก่อน  (ยางปีที่ 7 )

ถามว่ารายได้เป็นกอบเป็นกำไหม  ปีแรกเปิดกรีด 8 ไร่  ประมาณ 800 ต้น   เปิดกรีด  เดือนตุลาคม 54  - มกราคม  55  ระบบกรีด วันเว้นวัน  ได้เฉลี่ยวันละ 15 แผ่นเท่านั้น (ยางปีแรกก็อย่างนี้)   ยางโลละ 100-110 บาท    ขายได้  เกือบ 70,000 บาท  จากผลผลิต  600 กว่ากิโลกรัม หักค่าแรง ค่าปุ๋ย  เหลือประมาณ 40,000 กว่าบาท    3 เดือนได้เท่านี้ ถือว่าคุ้ม ยางก็ราคาดี

มาปีที่ 2 ยังคงเปิดกรีด 8 ไร่ จาก 21 ไร่เหมือนเดิม  เพราะยางที่เหลือ ไม่ได้ปลูกพร้อมกัน  เริ่มเปิดกรีด กลางเดือนพฤษภาคม 55   ยาวไปจนถึง มกราคม 56   ได้ผลผลิต  2,400 กิโลกรัมโดยประมาณ  ได้ระบบกรีด 2 วันเว้น 1 วัน

เดือนที่กรีดได้น้อยที่สุด คือเดือน สิงหาคม  กรีดได้ 12 วัน เนื่องจากฝนตกบ่อย   ส่วนเดือนที่กรีดได้เยอะที่สุด ก็คงเป็น 20 วัน  จะเป็นหน้าหนาว   เฉลี่ยแล้ว ทั้งเดือนจะกรีดได้  15 วันโดยประมาณ     ราคายางปี ก่อนเริ่มลดลงจากปัญหาน้ำท่วมใหญ่ที่ญี่ปุ่น  และที่ไทย  และเศรษฐกิจยุโรปมีปัญหา    ทำให้ราคายางเฉลี่ยทั้งปี 55  อยู่ที่  93 บาทต่อกิโลกรัม  ส่วนที่อุบล ถ้าจะขาย ลบส่วนต่างจากราคาตลาดหาดใหญ่ไป 5 บาท    ถ้าหาดใหญ่ 93 บ้านเราก็ขายได้  88 บาท  เขาบอก มันต้องมีค่าขนส่ง ลงไปใต้   เลย  แตกต่างกันบ้าง หากคิด  2,400    ผมกลับขายได้จริงๆ แค่ 206,400 บาทเท่านั้น    เพราะราคายางแต่ละเดือนไม่เท่ากัน  และที่อุบล ตลาดรับซื้อไม่รับซื้อทุกวันเหมือนที่ใต้   จะรับซือ อาทิตย์เว้นอาทิตย์ หรือไม่ก็เว้นสองอาทิตย์ไปเลย   เฉลี่ยแล้วปีนี้  ผมขายยางแผ่นดิบได้เฉลี่ยโลละ 86 บาทเท่านั้นเอง  ต่างจากปีมากพอสมควร หากเทียบเป็นกิโล  แต่ก็ไม่เป็น  ราคา80-100 ชาวสวน อยู่ได้    แต่ถ้าต่ำกว่านี้  ลำบากแน่ กับค่าครองชีพแบบนี้  เงิน 206,400  หากหักค่าปุ๋ย ค่าจ้างคนกรีด35%  จะเหลือจริงๆ  ประมาณ 120,000 บาท  ก็ถือว่าคุ้ม  ไม่ได้ลงแรงเอง    เงินที่ได้ถือว่าพออยู่ได้กับรายได้เสริม  แต่ไม่มาก    ราคายางควรจะดีกว่านี้    ชาวสวนและคนกรีดจะไม่ได้ลำบาก

ส่วนรายละเอียด การเปิดกรีดปีที่สาม  และรายละเอียดอื่นๆ จะมาต่อในกระทู้ต่อไปนะครับ  ขอบคุณที่ท่านที่อ่าน   ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านอีกครั้งครับ

ทิ้งท้ายด้วยรถตรวจการณ์ ประจำบ้านคันนี้  ขับไปลุยสวนแค่ครั้งเดียวเท่านั้น  เพราะส่วนให่ญ่ขับแต่จักรยานต์ไป