เส้นทางสายวัฒนธรรม....

หมวดหมู่ของบล็อก: 

อุตรดิตถ์ เมืองลับแลดินแดนแห่งนักรบพระยาพิชัยเกรียงไกรเรื่องเหล็กน้ำพี้ งดงามด้วยธรรมชาติภูสอยดาว โดดเด่นทางด้านวัฒนธรรมด้วยวัดสำคัญ

บนเส้นทางออมบุญที่วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง,วัดพระแท่นศิลาอาสน์,วัดพระยืนพุทธบาทยุคล วัดคู่บ้านคู่เมือง ที่มีมาตั้งแต่โบราณในการสร้างบ้านเมือง

เส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยขนบธรรมเนียมประเพณีความเชื่อวิถีชีวิตประวัติศาสตร์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมืองอุตรดิตถ์ 

เมืองอุตรดิตถ์หลาย ๆท่าน อาจมองแค่เป็นเมืองผ่าน...ไปท่องเที่ยวภาคเหนือตอนบนเท่านั้น

ในการเดินทางท่องเที่ยว  หลาย ๆครั้ง เราอาจแค่เดินทางผ่านเท่านั้นไม่เคยได้แวะเข้าไปเยี่ยมชมเมืองแห่งนี้....

วัดดงสระแก้ว ต.ไผ่ล้อม อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ที่เค้ากำลังฮิตไปลอดอุโบสถกัน

วัดดงสระแก้ว ตั้งอยู่ที่ บ้านดงสระแก้ว หมู่ที่ 5 ต.ไผ่ล้อม อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย 

เริ่มสร้างวัด ประมาณปี พ.ศ 2460 นามชื่อตั้งตามบ้าน  มีเนื้อที่ตั้งวัด 11 ไร่ 2 งาน 7 ตารางวา ได้รับวิคุงคามสีมา เมื่อวันที่ 14 มกราคม พ.ศ 2498

                      ด้านหน้า...อุโบสถ                                                                                          ด้านหลัง....อุโบสถ

สำหรับพระอุโบสถแห่งนี้สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง...ทรงล้านนาประยุกต์ ยกพื้นสูงประมาณ 60 ซ.ม. 

สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2460 มีความสวยงามแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของพระประธานทองเจือ ตั้งตามชื่อผู้ที่จัดสร้างพระประธานถวาย

ประวัติหลวงพ่ออู่ทอง

พระธรรมกิจโกศลได้รับแจกพระพุทธรูปจากวัดราชบูรณะ(วั ดเลียบ) หลังสงครามโลกครั้งที่2 (2482-2474) โดยวิธีจับสลาก

เพื่อนำไปเป็นพระประธาน แต่เมื่อจับสลากได้นั้นปรากฎ ว่าท่านจับได้พระปูน พระเศียรโต รูปร่างหาความงดงามมิได้ไป

ซึ่งวันที่จับสลากนั้น มีวัดประมาณ 50 กว่าวัด จึงเป็นที่ขบขันของบรรดา ท่านเจ้าอาวาสวัดต่างๆ

ที่อยู่ ณ ที่นั้นแต่พระธรรมกิจโกศล ก็ต้องนำเอาพระปูนเศียรโตกลับมา

ประมาณ พ.ศ 2508 ช่างกำลังมุงกระเบื้องหลังคาโบสถ์ ได้เกิดอุบัติเหตุกระเบื้องร่วงลงมา

ใส่หัวไหล่ข้างซ้ายของพระปูนพระเศียรโต ทำให้ปูนที่หุ้มแตก จึงไดทราบว่าข้างในนั้นเป็นพระพุทธรูปทองคำปางมาวิชั ย สมัยอู่ทอง จึงเรียกว่า "หลวงพ่ออู่ทอง" 

ต่อมาเมื่อปี พ.ศ 2520 หลวงพ่อได้หายไป ขณะที่ประดิษฐานอยู่ที่วิหาร

ชาวบ้านเสียใจมาก พยายามติดตามหาอยู่หลายปี ก็ไม่ได้คืนมา

เมื่อวันที่ 6มีนาคม 2548 พระครูปภากรสิทธิคุณ เจ้าอาวาส และชาวบ้านได้ร่วมกันหล่อหลวงพ่ออู่ทองขึ้นมาแทน

โดยขนาดเท่ากับหลวงพ่ออู่ทองเดิมที่สูญหายไป มาประดิษฐานอยู่โบสถ์ไม้ส้กทอง

ขอเล่าความเป็นมาก่อนที่โบสถ์แห่งนี้จะมีชื่อเสียง

มีอยู่ว่ามีคนจาก จ.สมุทรปราการ ได้ฝันว่าตัวเค้าเองนะจะต้องลอดโบสถ์ไม้สักที่มีใต้ถุน จึงจะมีสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตของเค้า ตัวเค้าเอง

จึงได้เสาะหาว่าโบสถ์ไม้สักที่มีใต้ถุน อยู่ที่ใหนในประเทศไทย ได้มาพบที่วัดดงสระแก้ว

จึงเดินทางมาที่วัดเพื่ออขออนุยาตจากพระที่วัด แล้วก็เป็นบุญวาสนาของตัวเค้าเองจากกิจการที่ย่ำแย่กับเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง

และได้กลับมาที่วัดอีกครั้ง และได้มาพบกับ พระครูปภากรสิทธิคุณ เจ้าคณะตำบลไผ่ล้อม และเจ้าอาวาสวัดดงสระแก้วองค์ปัจจุบัน

เพื่อเล่าถึงเหตูการณ์ที่ได้เกิดขึ้นกับตนและครอบครัว จึงเป็นที่มาของการลอดโบสถ์ในปัจจุบันนี้นั้นเอง

สาวน้อย....มุดเข้าไปด้านใต้อุโบสถ ความยามของการลอดประมาณ 20-30 เมตร ได้ค่ะ.....

ถ้าใครใด้มีโอกาสไปลอดโบสถ์...ที่วัดดงสระแก้ว อย่าลืมอธิฐานแต่สิ่งดีๆ... สิ่งที่ไม่ดีก็อย่าจำเอาไปนะค่ะ...

มีดอกไม้สวยๆๆมาฝากก่อนออกเดินทาง..." เส้นทางสายวัฒนธรรม " ...กันต่อค่ะ

วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง เป็นวัดเก่าแก่มีตำนานเกี่ยวพันกับอีก 2 วัด ที่อยู่บนเส้นทางสายวัฒนธรรม คือ วัดพระยืนพุทธบาทยุคล และวัดพระแท่นศิลาอาสน์เกี่ยวกับการเสด็จมาของพระพุทธเจ้า

วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้ง เดิมชื่อวัดมหาธาตุ สันนิษฐานว่าสร้างตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยตอนปลาย สมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไทย

ชาวบ้านนิยมเรียกว่า " วัดบรมธาตุ " แต่ส่วนใหญ่นิยมเรียก " วัดทุ่งยั้ง " ได้รับการประกาศเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติเมื่อปี 2548 และเขียนชื่อวัดนี้ว่า " วัดมหาธาตุ " เป็นชื่อทางราชการ 


   

ภายในวัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งมีโบราณสถานสำคัญ และ โบราณวัตถุที่สำคัญ คือพระมหาเจดีย์ทรงลังกาขนาดใหญ่พระบรมสารีริกธาตุ

พระวิหารหลวง และ พระประธาน พระอุโบสถ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพุทธาวาสทั้งหมดมีกำแพงศิลาแลงล้อมรอบทั้งสี่ด้าน

มหาเจดีย์ตั้งอยู่ด้านหลังวิหาร เป็นเจดีย์ทรงลังกา สูง 20 วา ฐานพระเจดีย์กว้าง 10 วา 3 ศอก

มีฐานสามชั้นก่อด้วยศิลาแลง ยอดเจดีย์มียอดฉัตรลักษณะแบบพม่า มีซุ้มจรนำประดิษฐานพระพุทธรูปทั้งสี่ทิศ 

แต่ละซุ้มได้มีการนำช่างชาวพม่ามาปฏิสังขรณ์ จึงมีรูปทรงที่เปลี่ยนไปจากเดิม

เช่นเดียวกับเจดีย์ทั้งสี่องค์ซึ่งตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมในชั้นที่ 1 ที่มีรูปลักษณ์เหมือนเจดีย์ของพม่า

ส่วนที่ยังคงรักษาของเดิมไว้คือส่วนที่เป็นองค์เจดีย์ ตั้งแต่ชั้นที่ 3 ขึ้นไปซึ่งเป็นลักษณะทรงลังกา ซึ่งเป็นองค์เจดีย์ที่นิยมสร้างในสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี 

ด้านหน้าองค์มหาเจดีย์เป็นพระวิหาร ซึ่งเป็นวิหารที่เป็นสถาปัตยกรรมไทยสมัยอยุธยา

ที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่สง่างามทรงคุณค่าทางด้านศิลปกรรมไทยโบราณ เป็นวิหารทรงไทยแท้ที่นิยมสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี

เป็นวิหารเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 300 ปี ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์มาแล้วถึงสามครั้ง

คือในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ในสมัยสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และในสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน 

 เนื่องจากพระบรมธาตุเจดีย์เป็นศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และมีความสำคัญประจำจังหวัด ในทุก ๆปี

จะมีการจัดงานประเพณี สำคัญ ก็คือในวันสงกรานต์เป็นประเพณีพระยาวัน หรือพิธีสรงน้ำองค์พระปฏิมาและพระสงฆ์

ในวันวิสาขบูชาจัดงานประเพณีถวายพระเพลิงพระบรมศพจำลองจองพระพุทธเจ้า หรือเรียกว่า " วันอัฐมีบูชา "

และประเพณีเทศน์มหาชาติ ใครที่อยากเข้าร่วมทำบุญในพิธีประเพณีต่าง ๆ ก็เชิญได้เลยตรวจสอบวันเวลาก่อนการเดินทางด้วยนะค่ะ...

ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองทุ่งยั้ง ในอดีตและเมืองอุตรดิตถ์ คือ " องค์หลวงพ่อโต " หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า " หลวงพ่อหลักเมือง " 

เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นขนาดหน้าตักกว้าง 2 วา 10 นิ้ว สูง 3 วา 10 นิ้ว ลงรักปิดทองคำเปลวทั้งองค์ เป็นพระพุทธรูปที่ชาวอุตรดิตถ์ให้ความเคารพศรัทธาเป็นอย่างมาก

ภายในวิหารเมื่อเข้าไปพบเห็นก็รู้สึกถึงความเก่าแก่ของวิหารหลังนี้ได้อย่างชัดเจน...เก่าและทรงคุณค่าจริง ๆ

วัดพระบรมธาตุทุ่งยั้งในสมัยกรุงศรีอยุธยา เคยใช้เป็นสถานที่ในการถือน้ำพิพัฒน์สัตยาของเหล่าข้าราชการทหารและพลเรือนก่อนเข้าทำงาน

นอกจากนั้นเป็นวัดที่พระพุทธเจ้าหลวง(รัชกาลที่ 5)เคยเสด็จมานมัสการพระบรมธาตุเจดีย์ในปี 2444 อีกด้วย...

เมืองอุตรดิตถ์เป็นเมืองน่าอยู่ที่มีทั้งผู้คนที่น่ารักใจดีมีทั้งวัฒนธรรมประเพณีมากมาย...

และ...มีสถานที่สำคัญบนเส้นทางสายวัฒนธรรม ที่เป็นศาสนสถานที่มีความศักดิ์สิทธิ์ที่มีมาตั้งแต่โบราณกาล

ที่คอยให้เหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลายเข้าไปเยี่ยมชม สัมผัสและกราบไหว้บูชา

เพื่อเป็นมงคลชีวิตและเพิ่มสร้างบุญบารมี

การเข้าวัดทำบุญนั้นช่วยทำให้จิตใจสงบ และ มีสติ และเมื่อมีสติปัญญาก็เกิด...

การเดินทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมนั้นเป็นการท่องเที่ยวที่ทำได้ทุก ๆโอกาส เสมอ 

หากต้องการทำบุญไหว้พระ เข้ามาบนเส้นทางสายวัฒนธรรมก็ได้อิ่มบุญกันถ้วนหน้า....

 

ตลอดเส้นทางสายวัฒนธรรมสายนี้ หากท่านใดมีโอกาสเดินทางมาอุตรดิตถ์...

บล๊อกหน้าพนิดาจะพาไปเที่ยวไหนโปรดติดตามนะค่ะ... 

ขอบคุณ...ข้อมูลจากการท่องเที่ยวอุตรดิตถ์

ขอบคุณ...สมาชิกบ้านสวนพอเพียง...ที่เข้ามาอ่านบล๊อกของพนิดานะค่ะ

ขอบคุณ...ผู้ใหญ่โสทร...ที่สร้างบ้านที่อบอุ่นด้วยมิตรภาพ และ การแบ่งปัน....

 

ความเห็น

ตามมาเที่ยว และอิ่มบุญไปด้วยค่ะ 

แบ่งปัน สร้างสรรค์ พอเพียง

 

หากมีโอกาสเดินทางมาอุตรดิตถ์...
คงได้มาลอดใต้โบสถ์ไม้สัก

 

ตาม ไป เที่ยว ด้วยครับ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ ค่ะ

ขอขอบคุณ  คุณ ป้าพนิดาค่ะ สำหรับ ข้อมูลดีๆ

ถ้าเกิดเข้ามาดู ขอให้รู้นะว่ายังคิดถึง

ข้อมูล ประวัติและรูปภาพละเอียดใช้ทำแผ่นพับเชิญชวนให้ท่องเที่ยวหรือทำรายงานส่งคุณครูได้เลยนะเนี่ย..

ผมจะส่งคุณครูอินเนียร์ก่อนเพื่อนเลย

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..

 

ฮา ! เสียหายแล้วพี่สิน ผมเป็นแค่นักเรียนครับ เพียงแต่ให้กำลังใจคุณพนิดาเพราะอ่านแล้วเขียนได้ดีและข้อมูลมากพอนะครับพี่เสิน อยากให้ช่วยกันเขียน

วัดสวยค่ะ ประวัติศาสตร์ยาวนาน เสียดายพระ คนขโมยก็ช่างไม่กลัวบาปกรรม Frown

ขอบคุณ ครับ

หัวใจสีเขียว

หน้า