เที่ยววัด เที่ยววัง #8

ได้เวลาเดินเล่นกันต่อแล้วครับ นั่งรถเมล์สายเดิมกลับเข้าไปลงในเมือง เวลาเดินรถของประเทศแถบนี้ ต้องปรบมือให้เขาจริงๆ ครับ บวกลบไม่เกิน 1-2 นาที เราสามารถกะเวลาล่วงหน้าได้เลย เพราะบางทีถ้าเรามาถึงป้ายรถเมล์ก่อนเวลามากๆ ก็ต้องยืนคอยนาน เพราะเขามาตรงตามเวลาจริงๆ เอาเวลาไปเดินเล่นก่อนได้สบายๆ

ลงจากรถก็หลงทิศกันก่อนเลย 555 เห็นต้นไม้เปลี่ยนสีสวยดีครับ เลยเดินมาถ่ายรูปเอามาฝากทุกๆ คนครับ ถ่ายรูปเสร็จแล้วมาหาทางเดินไปเขตเมืองเก่ากันต่อครับ

ในที่สุดก็หาทางเข้าจนเจอ ถนนเกเทรเดอกัสเซอ เป็นถนนที่จะนำเราเข้าไปสู่เขตเมืองเก่า ศูนย์รวมของที่นี่ สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านรวง ห้างสรรพสินค้า สินค้าแบนด์เนมชื่อคุ้นหู แต่ราคาไม่ค่อยเป็นมิตรกับเราสักเท่าไหร่ มาเยือนซาลซ์บวร์ก ก็ต้องแวะมาบ้านเกิดโมสาร์ทกันสักหน่อยครับ ข้างในเขาห้ามถ่ายรูป เลยถ่ายได้เฉพาะด้านหน้า บ้านหลังที่ทาสีเหลืองๆ นี้แหล่ะครับ

เดินต่อมาเรื่อยๆ เราก็จะมาเจอกับ 4 จตุรัสสำคัญใจกลางเขตเมืองเก่าครับ มีมหาวิหาร หรือโดมเป็นจุดศูนย์กลาง เราเริ่มต้นกันที่ โมสาร์ทพลัทซ์ มีอนุสาวรีย์โมสาร์ท สร้างขึ้นหลังจากเขา้สียชีวิตไปแล้ว 50 ปี ตั้งอยู่กลางจตุรัส ใกล้ๆ กันจะเป็นน้ำพุบารอครูปไตรตันและม้าพ่นน้ำ

เดินลัดเลาะด้านข้างของมหาวิหารต่อมาอีกนิดก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ แต่เราเลือกที่จะชื่นชมแค่ภายนอกก็พอครับ

พระราชวังในเขตเมืองเก่า ปัจจุบันเขาปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นสถานที่ราชการ โรงเรียน ไปจนถึงมหาวิทยาลัย เดินๆ อยู่ก็เจอคณะนู้น คณะนี้ น่าเรียนดีเหมือนกันนะ

เดินมั่วๆ (555) เลาะด้านข้าง จนมาเจอด้านหน้าของมหาวิหาร เข้าไปชมข้างในกันหน่อยครับ เป็นโบสถ์แห่งแรกของเมืองครับ สร้างครั้งแรกในปี 744 จนถึงปี 1598 ถูกไฟไหม้ อาร์คบิชอปจึงสั่งให้สร้างขึ้นใหม่ แต่เป็นสไตล์บารอค ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี

ออกจากมหาวิหารก็เดินกันต่อ เห็นยอดโบสถ์สวยดี แต่จำไม่ได้ว่าชื่ออะไร เข้าไปดูซะหน่อย ด้านในตกแต่งแบบเรียบง่าย แต่อากาศข้างในเย็นมากครับ เดินดูได้แป๊บเดียว ต้องรีบออกมาตากแดด

จากนั้นเราก็มาชมวังเรสซิเดนซ์ สมัยก่อนวังนี้เป็นที่พำนักของเหล่าปรินซ์ และอาร์คบิชอปผู้ปกครองเมืองในสมัยก่อน ใครที่ชอบดูโคมไฟใหญ่ๆ สวยๆ ไม่ควรพลาดที่นี่ รับรองไม่ผิดหวังครับ

หลังจากชื่นชมจนทั่วเขตเมืองเก่า เราก็กลับเข้าสู่ถนนเกเทรเดอกัสเซอ กันอีกครั้งครับ เราจะขึ้นไปชมวิวกันครับ แต่ต้องเดินไปจนสุดถนนเส้นนี้ สองข้างทางก็อย่างที่เห็นเลยครับ เลือกชิม เลือกช้อปตามอัธยาศัยครับ

อยากรู้ว่าร้านนี้ขายอะไร ก็แหงนคอขึ้นไปดูป้ายเหล็กที่แขวนอยู่หน้าร้าน (เหมือนที่คุณถ้วยฟูเคยเอามาลงไว้ก่อนหน้านี้อะครับ) เดินมาจนสุดทางเราก็จะเจอนี้เลยครับ Musem der Moderne ทางเข้าเป็นตึกแถวทาสีพาสเทลหลากสี ตัดกับผาหินที่อยู่ด้านหลัง การจะขึ้นไปชมพิพิธภัณฑ์ และวิวด้านบน จะต้องขึ้นลิฟท์ไปครับ มีค่าเข้าชม ราคาเท่าไหร่ไม่ทราบ เพราะเราใช่บัตร Salzburg Card เลยลืมดูราคา ไฮไลท์ของที่นี่อาจจะไม่ใช่วิวสวยๆ ด้านบนหรอกครับ แต่มันคือลิฟท์ครับ เขาเจาะภูเขาหินลูกนี้ขึ้นไปครับ เจ๋งไหมละครับ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้นจริงๆ ขึ้นไปชมวิวกันดีกว่าครับ

งานโมเสคขนาดใหญ่ ติดตั้งอยู่บริเวณโถงทางเข้าพิพิธภัณฑ์ครับ มาเห็นตอนลงมาแล้ว 555

ว้าวๆๆๆๆ วิวด้านบนครับ มองเห็นป้อมปราการโฮเฮนซาล์ซบวร์ก อยู่ไกลๆ

มหาวิหาร และป้อมปราการจากมุมสูง เราสามารถขึ้นมาชมวิวของเมืองนี้ได้ทั้งสองจุดครับ คือที่นี้ และที่ป้อมปราการโฮเฮนซาล์ซบวร์ก ซึ่งเรากำลังจะไป

ลงจากลิฟท์ เราก็เดินย้อนกลับมาที่จุดแรก ที่จตุรัส Kapitalplatz เพื่อที่จะไปชมวิวบนป้อมปราการโฮเฮนซาล์ซบวร์กกัน คราวนี้เปลี่ยนเป็นขึ้นด้วยรถรางบ้างครับ เสียค่ารถรางไป-กลับ คนละ 3.8 ยูโร แต่เหมือนเดิมครับ ใบเดี่ยว เที่ยวทั่วเมือง 555 

ชมบ้านเมืองเขากันครับ

บนป้อมปราการโฮเฮนซาล์ซบวร์ก ตั้งอยู่บนยอดเขาเฟสตุงส์บวร์ก สร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 11 เป็นยุคของการแย่งชิงอำนาจกันระหว่างจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์กับพระสันตะปาปา อาร์คบิชอปจึงต้องสร้างป้อมนี้ขึ้นมา เพื่อเป็นฐานที่มั่นในการป้องกันการบุกรุกครับ

ทิวทัศน์ด้านล่างครับ จัดมาให้ชื่นชมกันแบบ 360 องศา เลยครับ ใครมีที่เยอะๆ ลองทำแบบบ้านหลังนี้ดูก็เข้าท่าดีนะครับ

นาฬิกาบอกเวลาว่าต้องเตรียมตัวกลับกันแล้วครับ

แรงยังเหลือ เดินซึมซับ สัมผัสบรรยากาศยามเย็มกลับบ้านกันดีกว่า

บทเพลงแห่งสายน้ำ ยังคงก้องกังวาล บทเพลงแห่งชีวิต ก็ยังคงดำเนินต่อไป ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ

ขอบคุณที่ติดตาม และแนะนำ ติชม แล้วพบกันตอนต่อไป

หนุ่มบ้านนอก