การเดินทางของความฝัน The Jouney of Dream (3-End)

หมวดหมู่ของบล็อก: 

หวังว่าทุกท่านจะยังไม่เบื่อนะคะ ตอนนี้เป็นตอนจบแล้วค่ะ จริงๆ จากการที่ลองปลูกโน่นนี่ สารพัด ตอนแรกไม่ได้คิดแบบเป็นโครงสร้าง
แต่พอมานั่งพิจารณาสิ่งที่ทำ แล้วเรียบเรียงความคิดใหม่ จึงเข้าใจในสิ่งที่ตนเองทำ ว่าสิ่งต่างๆ ที่ทำมาและกำลังจะทำต่อเนื่องในอนาคต
อยู่บนหลักการของการปลูกพืช 3 อย่าง คือ เพื่อประโยชน์ใน 1.ระยะสั้น 2.ระยะกลาง และ 3.ระยะยาว

ด้วยแนวคิดของเกษตรแบบยั่งยืน นั่นคือ เอาตัวรอดได้ โดยการมีกิน มีใช้ มีแจกในระยะสั้น  สร้างความพออยู่ พอกินในระยะกลาง และท้ายที่สุด มีความยั่งยืน พึ่งตนเองได้ ช่วยเหลือคนอื่นได้ ในระยะยาว ทำให้การปลูกพืชที่ไร่สวนฝัน เป็นไปตามแนวคิด  3 อย่างที่กล่าวมา

ระยะสั้น ที่ให้ผลผลิตใน 2-6 เดือน

1.ดอกคัตเตอร์  ที่เล่าไปในตอนที่แล้ว  2.ดอกสร้อยทอง

 

 

จำได้ว่าเริ่มปลูกคัตเตอร์กับสร้อยทองพร้อมกันในช่วงวันแรงงาน นั้นเป็นการลงแรงทำงานเองอย่างเต็มตัว (แต่มีหลายคนช่วย) เริ่มจับจอบช่วยทำแปลง ขุดดิน ผสมเชื้อราไตโครเดอร์มา แช่ต้นพันธุ์เพื่อป้องกันเชื้อราก่อนปลูก ด้วยแนวคิดที่จะไม่ใช้สารพิษใดใด สารธรรมชาติจึงเป็นเครื่องมือในการปลูกครั้งนั้น แต่เพราะปริมาณการปลูกมันค่อนข้างเยอะ มีต้นพันธุ์สร้อยทอง 5000 ต้น ปลูกวันเดียวไม่เสร็จ ต้นพันธุ์ที่แช่น้ำยาแล้ว ก็ยังไม่ได้ปลูก วันต่อมาก็เอามาแช่อีก ด้วยความที่คิดเอาว่าที่แช่ไว้เมื่อวานคงหายไปแล้ว ประกอบกับการปลูกวันที่สองทำในช่วงเช้า ต้นไม้โดดแดด และวันถัดมาฝนตกพร้อมลูกเห็บ ทำให้ต้นสร้อยทองครึ่งหนึ่งตายหมด บางแปลงรอดประปราย บางแปลงตายหมด การเห็นต้นไม้ทีเราทุ่มเทแรงกาย แรงใจปลูกตายไปต่อหน้าต่อตา มันเป็นความเจ็บปวด แบบไม่มีคำบรรยาย ความคาดหวังของใครหลายคนที่ฝากไว้ที่เรา ความหวังของเราที่จะทำให้คนรอบข้างได้เห็นว่าเชื้อราที่ใช้มีประโยชน์ต่อพืช ตอนนั้นก็ต้องยอมรับมันให้ได้ ว่าความผิดพลาดได้เกิดขึ้น ได้แต่คิดว่าขอให้เราได้เรียนรู้จากมัน และค่อยๆ ขยายพันธุ์จากพวกที่เหลือรอดอยู่ในรอบต่อไป และหการจะใช้สารใดๆ แม้จะเป็นสารจากธรรมชาติ มันก็มีสัดส่วนเหมาะสมของมันอยู่ ต้องพิจารณาให้ดี

 พอพ้นการปลูก ก็มาถึงช่วงที่คัตเตอร์กับสร้อยทองกำลังเติบโต ศัตรูของสร้อยทองคือราสนิมน้ำค้าง หากไม่ฉีดพ้นไตรโคเดอร์มาหรือควันน้ำส้มอย่างสม่ำเสมอก็อาจป้องกันไม่ได้ ซึ่งตอนนั้นก็ดูแลได้ไม่ทั่วถึง ทำให้ผลผลิตบางส่วนได้ผลน้อยกว่าที่ควร แต่บางส่วนก็ได้ผลอย่างดี

ในขณะที่ศัตรูของคัตเตอร์ คือ โรครากเน่า พอฝนตกชะล้างหน้าดิน รากเริ่มโผล่ และคัตเตอร์เริ่มเอน เอียง และตายไปในที่สุด คัตเตอร์ตายไปเกือบ 100 ต้น แต่เราก็ยังยืนยันไม่ให้ฉีดสารพิษเพื่อฆ่ารา ได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น เพื่อที่จะได้เรียนรู้และหาทางแก้ไขมันในครั้งต่อไป  การสูญเสียอาจไม่ได้นำมาแค่ความเสียหาย แต่ก็นำโอกาสในการเรียนรู้ เพื่อแก้ไข เกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่ สิ่งที่ต่างหากที่จะอยู่ติดตัวกับคนที่ทำเกษตร ในคร้งต่อไปหากเจอปัญหาแบบนี้ เราจะมีปัญญาที่จะแก้ไขมัน แต่หากเราใช้สารเคมี เราก็จะไม่ได้เรียนรู้ แต่มันก็ต้องแลกมากับการสูญเสียบางอย่าง

ตอนนั้นทำให้เริ่มเข้าใจคำพูดที่ว่า ให้เริ่มทำจากสิ่งเล็กน้อยก่อน เพื่อให้เราได้เรียนรู้จากมัน แล้วค่อยขยายให้ใหญ่โต เพราะเเพื่อเรารู้จักมัน รู้ปัญหาของมัน เรามีประสบการณ์กับมัน เราถึงจะแก้ไขมันได้

 

แม่ดีเองค่ะ  พรีเซ็นเตอร์ดอกไม้

และแล้วก็มาถึงตอนที่ดอกไม้โตพอที่จะขาย  แล้วเราจะเอาไปขายที่ไหน  เริ่มต้นจาก ร้านดอกไม้ที่รู้จักกันเมื่อตอนปลูกมะลิ มี 2 ร้านใหญ่ ซึ่งร้านหนึ่งมีเจ้าประจำที่ส่งกันอยู่แล้ว ในขณะที่เจ้าที่สองรับซื้อดอกไม้เราได้ แต่ในปริมาณที่ไม่มากเท่าไหร่ ในช่วงที่ดอกไม้ออกไม่มากก็ส่งได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอดอกไม้ออกเยอะเขาก็ขายไม่ทัน แล้วจะทำอย่างไร  การออกหาตลาดจึงเป็นเรื่องจำเป็น ตอนนั้นก็ตัดตัวอย่างทั้งคัตเตอร์ สร้อยทอง เข้าไปคุยกับร้านดอกไม้ในตัวจังหวัด คุยประมาณ 4 ร้าน ปรากฎว่ามี 1 ร้านสนใจเริ่มสั่งของจากเรา โชคดีมากที่ว่าร้านนั้นคือร้านใหญ่ที่สุดในจังหวัด เขาต้องการดอกไม้ในปริมาณมาก ตลอด  เราก็เลยเริ่มส่งร้านนั้น แต่หลังงจากนั้นอีกสองร้านก็ติดต่อเข้ามา ประกอบกับร้านแรกที่เจ้าประจำของเขา ดอกไม้เริ่มหมดรุ่น รอโต เขาเลยมาสั่งกับที่สวนเรา กลายเป็นว่ามีออร์เดอร์เยอะกว่าของ ประกอบกับช่วงนั้นดอกไม้เริ่มจะหมดรุ่น เลยไม่ได้ส่งให้ทุกเจ้า  แต่อย่างน้อยการที่เราออกไปหาตลาด มันก็ได้เครือข่ายกลับมา แม้จะไม่ได้ค้าขายกันในครั้งแรก แต่มันก็มีโอกาสเกิดขึ้นในระยะยาว  ตอนนี้การวงแผนปลูกรอบใหม่เริ่มขึ้น ต้องปลูกต่อเนื่องทุกเดือนเพื่อให้มีดอกไม้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า                    

3.ดอกพุดซ้อน 100 ต้น เพื่อขายใบ/ดอกซ่อนกลิน : พอได้เครือข่ายร้านดอกไม้ ออร์เดอร์เพิ่มเติมมันก็มาเอง โดยอัตโนมัติ  เช่น พอไปส่งดอกไม้ เราก็จะเห็นว่าที่ร้านเขาต้องการดอกอะไรบ้าง เขาซื้อจากไหน ถ้าเรามีเขาจะซื้อไหม อันนี้ต้องยกความดีความชอบให้แม่ ที่เป็นนักการตลาดชั้นเลิศ เสนอขายทุกอย่างแม้จะยังไม่ได้ปลูก เลยทำให้ต้องขยายการปลูกอย่างอื่นตามมา

  พุดซ้อน                                                                      ซ่อนกลิ่น

        

 

4.ข้าวโพดข้าวเหนียว  ตอนแรกเข้าใจมาตลอดว่าข้าวโพดที่ราคาดีทีสุด คือข้าวโพดหวานสีเหลือง แต่เปล่าเลย ข้าวโพดข้าวเหนียวีขาวม่วงต่างหากที่ราคาขายสูงที่สุดในตลาดการซื้อเหมาตามสวน ข้าวโพดข้าวเหนียวใช้ระยะเวลาประมาณ 75 วันก็ขายได้ ขายได้ทั้งฝักแก่และฝักอ่อน ตามธรรมเนียมของบ้านทุกอย่างที่ปลูกจะเอาไว้กิน ขาย แจก ทำบุญ สำหรับข้าวโพดหวานรุ่นแรก นั้นก็เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติของบ้านเรา แม่เล่าว่าตอนต้มไปถวายวัดมีแต่คนติดใจเพราะหวาน อร่อย ใครแวะมาบ้านก็แจก ดีเองยังได้เอามาแจกเพื่อนๆ ที่ออฟฟิศ  เริ่มเข้าใจการทำเกษตร แม้เราจะทำเพื่อขาย แต่เราก็ไม่ได้ขายอย่างเดียว เรายังสามารถบรรลุวัตถุประสงค์อืนได้ด้วย เมื่อมีคนกินผลผลิตของเราแล้วเขาบอกว่าอร่อย มันคือความชื่นใจของคนปลูก จริงๆ

  

 

แต่ประโยชน์ของการปลูกข้าโพดยังไม่หมดเพียงแค่นั้น ยังสามารถเอาไปแลกกับขี้วัวกับฟาร์มวัวเนื้อได้อีก เพราะต้นข้าวโพดเป็นอาหารอย่างดีของวัว แม่อีกตามเคย ที่มีไอเดียบรรเจิด เจรจากับเจ้าของฟาร์มวัวในหมู่บ้าน ให้ส่งคนมาตัดต้นข้าวโพดไปได้เลยโดยไม่คิดเงิน แต่ขอแลกกับขี้วัวก็พอ

 

 

5.ถั่วลิสง : พืชตระกูลถั่วเพื่อบำรุงดิน ขายได้ และแจกได้เหมือนเดิม น้องๆ ลูกหลานของผู้ใหญ้บ้านมาเยี่ยมสวน เลยได้โอกาสเก็บถั่วเป็นของฝาก สนุกสนานกันใหญ่

 

 

6.ผักสวนครัว ตอนแรกเน้นกิน เน้นแจก แต่มันงามและกินไม่ทัน แม่เลยเอาไปขายร้านเขียงหมูในหมู่บ้าน เขาเลยขอรับซื้อเป็นประจำ ถ้ามีให้ส่งให้เขาได้ตลอดทั้ง ต้นหอม ผักชี ในขณะที่ สะระแหน่ ผักแพรว พริกขี้หนู ก็ส่งขายที่ร้านแหนมเนืองในเมืองได้  จริงๆ ที่ได้ออร์เดอร์ จากร้านแหมเนืองก็เพราะแม่ อีกแล้วครับท่าน คือไม่ได้ตั้งใจจะไปหาตลาด แต่พากันไปกินข้าวที่ร้านแหนมเนือง พอกลับมาถึงบ้านแม่ก็บอกว่า เราเอาผักไปขายที่ร้านดีไหม 55 หัวการค้าตลอด แม่อิชั้น รุ่งขึ้นรีบหาเบอร์โทรร้านทันที แล้วจากนั้นก็ได้ส่งไปส่งผักที่ร้านแหนมเนืองมาตลอด

 

         

สุดท้ายน่าจะเป็นเรื่องเล่าของถั่วฝักยาว ที่เห็นในรูปนี้คือรุ่นสอง ของต้นนี้ ฝักเขายาวจริงๆ อวบ กรอบ หวาน และอร่อย เพราะพ่อฉีดโฮโมนไข่

ทั้งกิน ทั้งฝาก เกือบทั้งหมู่บ้าน ใครมา ใครไป ได้กินทุกคน แต่ก็ไม่ยังไม่หมด ทั้งๆ ที่มีแค่ 10 ต้น แม้ไม่ได้อยากขาย แต่พ่อค้าที่มาซื้อข้าวโพดก็ขอซื้อไปขายเพะราฝักงามล่อตาล่อใจพ่อค้า ได้เกือบๆ 10 กิโล เลยทีเดียว

    

   

  7.ข้าวนาโยนแบบอินทรีย์ 100% : ไรซ์เบอร์รี่ หอมมะลิ และสินเหล็ก แต่กว่าจะมาเป็นนาโยน ต้องผ่านการเจรจา โน้มน้าวทั้งพ่อและแม่กันนานอยู่พอสมควร สิ่งที่ดีทำได้คือ จัดหาอุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ ตั้งแต่สั่งซื้อถาดเพาะกล้า พันธุ์ข้าว วิดีโอการทำนาโยน  ลองผิดลองถูกทำอยู่สองครั้ง ครั้งแรกข้าวในถาดเพาะตายไปเกือบ 50% เพราะในคลิปบอกให้เอาต้นข้าวออกกลางแดดได้เลย ไม่ต้องอยู่ในร่ม แต่ต้นข้าวอ่อนก็ไม่สามารถทนแดดของภาคตะวันออกที่แรงกล้าได้ เป็นภาระพ่อแม่ที่ต้องลากถาดเพาะกล้าเป็นร้อยถาดข้าวหลบแดดแทบไม่ทัน ตายไปก็เยอะ โยนรอบแรกก็งูๆ ปลาๆ ห่างบ้าง ถี่บ้าง แม่ถึงขั้นเอากล้ากลับมาดำใหม่ เพราะรับไม่ได้กลับสภาพนาโยน ที่ข้าวล้มและไม่เป็นแถว เป็นแนว แม้จะพยายามบอกว่าให้มันตั้งตัวเอง แม่ก็ไม่รับฟัง เพราะกลัวข้าวตาย เสียดาย แต่จากการทดลองโยนแปลงแรกผ่านไป เป็น 10 วันแล้วเห็นว่าข้าวที่ล้ม สามารถตั้งตัวได้เอง ก็เริ่มสบายใจแล้วว่ามันจะรอด พอโยนแปลงที่สองห่างกันเกือบเดือนเพราะช่วงนั้นฝนขาดช่วง ก็ทำให้เข้าใจการการทำนาโยนมากขึ้น พ่อ จากที่ครั้งแรกไม่ค่อยอยากทำเท่าไหร่ ถึงขั้นพูดว่า ถ้าทำนาแล้วมันสบายแบบนี้ก็ทำได้ตลอดแหละ อ้าว เห็นดีเห็นงามด้วยเลย ทีนี้ ข้อดีของนาโยน คือ ไม่ต้องก้มให้ปวดหลัง ให้เวลาโยนไม่นาน 1 ไร่ ไม่นานก็เสร็จ เร็วกว่าการดำนาเยอะมาก แต่ก็มีข้อเสียในเรื่อง ความไม่เป็นแถวเป็นแนว ทำให้ไม่สามารถใช้เครื่องมือเพื่อกำจัดวัชพืชได้ ต้องใช้แรงงานคนถอนอย่างเดียว แถมกระบวนการเพาะกล้านาโยน เตรียมดิน โรยมเล็ด ก็ต้องมีเทคนิค ต้องผ่านการเรียนรู้จากประสบการณ์ำจริง นอกจากนี้การเตรียมดิน ควบคุมน้ำเข้าออก ก็สำคัญ

 

   

พ่อดีเองค่า กับการค้นพบเทคนิคการโยนกล้าแบบบังเอิญ ปกติเราจะถอนกล้ามาใส่ในตะกร้า แล้วค่อยเอามาโยน แต่พอดีตอนนั้นกล้าที่ถอนไว้โยนหมดแล้ว เหลือแต่ที่ยังไม่ถอน พ่อเลยถัดแบบทั้งถาด แล้วปรากฎว่า สะดวกกว่าแบบถอนใส่ตระกร้า เลยได้เทคนิคใหม่

     

 

 

 

นอกจากนี้ปัญหาใหญ่สุดที่เจอ ถ้าคำนวนเวลาที่ข้าวจะออกรวงไม่ดี คือออกรวงก่อนคนอื่น ต้องพบกับนกนับพันที่มาจิกกิน นาโยนแปลงแรก แทบไม่เหลือข้าวให้เกี่ยวเลย เพราะนกกินหมด แม้จะหาวิธีไล่นกสารพัด ทั้งเคาะกะละมัง ทำธงไล่ ฯลฯ แต่โดยรวมแล้ว ก็ยังถือว่าเป็นการทำนาที่น่าสนใจ ซึ่งปีหน้าพ่อและแม่เห็นด้วยที่จะทำอีก และเชื่อว่าจะทำได้ดีกว่านี้แน่นอน ปีนี้กได้แต่ลุ้นกันว่า นา 1.5 ไร่บ้านเรา จะได้ข้าวกี่กระสอบ เพราะปกติจะได้ 15 กระสอบ ปีนี้ไม่รู้จะถึง 10 ไหม ได้แต่รอลุ้น

8.ผักสลัดไทย และเทศ อันนี้เพิ่งเริ่มทดลองปลูก แต่ดูแนวโน้มน่าจะรอด เลยสั่งซื้อเมล็ดพันธุ์สลัดมากจา ม.แม่โจ้ แม่เพิ่งโทรมาบอกวันนี้ว่าได้ออร์เดอร์จากร้านแหนมเนืองมาแล้ว งั้นก็ต้องถึงเวลาเดินหน้าศึกษา ทดลอง และปลูกสลัด กรีนโอ๊ค เรดโอ๊คแบบจริงจังแล้ว

 

สลัดไทย รอดแล้ว                                                                     สลัดเทศ "กรีนโอ๊ค" อยู่ในขั้นทดลองปลูก

     

 

ระยะกลาง ที่ให้ผลผลิตใน 6 เดือน - 3 ปี

1.ข่า  ปลูกไว้ในสวนป่าก่อน เพื่ออนุบาลให้เติบโต จากนั้นก็นำมาปลูกเพื่อขยายพื้นที่การปลูกให้มากขึ้น  ปลูกข่าเป็นโปรเจคของ พ่อแม่ ที่พยายามอย่างที่สุด เพราะพันธุ์ข่าไหาไม่ง่าย และจำนวนไม่ได้มากพอ  เมื่อต้องการพันธุ์ข่า พ่อแม่ก็จะมีเรื่องให้ไปเยี่ยมญาติ เยี่ยมเเพื่อนบ้าน บ้านไหนมีข่าก็ทั้งซื้อ ทั้งแลกของ ทั้งให้ฟรี สารพัดกว่าจะรวบรวมต้นพันธุ์ข่ามาปลูกอนุบาลได้เป็นไร่ แล้วนำมาขยายปลูกในพื้นที่ 3 ไร่

  

 

2.มันจาวมะพร้าว เนื่องจากเน้นแนวคิดการปลูกผสมผสานเพื่อใช้พื้้นที่ให้เกิดประโยชน์มากสุด เลยไม่มีรูปเดี่ยวของมันจาวมะพร้าวนะคะพี่บัว

มันน่าจะเก็บผลผลิตได้เดือนมกราคม แล้วจะเอาภาพหัวมันมาฝากค่ะ แต่ปีหน้าคงไม่ปลูกต่อ เพราะพื้นที่ตรงนี้จะเปลี่ยนไปปลูกลำไยและผักหวานป่า

3.ไผ่เลี้ยง 50 ต้น : เป็นพืชที่ใช้เวลานานมากในชักชวน พ่อแม่ให้ปลูก เพระาแต่ก่อนที่เราน้อย และไผ่ ถูกมองว่าเป็นพืชที่กินเนื้อที่อย่างอื่น พ่อมักบอกว่า ถ้ามีไผ่ แถวนั้นจะปลูกอะไรไม่ได้ เพราะรากไผ่มันยาว ก็อาจเป็นเรื่องจริง แต่ท้ายที่สุด ดีก็ค้นพบว่าดินขุยไผ่ เป็นดินที่มีมูลค่า นอกจากนั้น โคนไผ่ยังเป็นแหล่งอนุบาลเห็ดชั้นดี ดังนั้นกอไผ่ ถูกเล็งไว้เพื่อขยายพันธุ์เห็ดป่าในอนาคต นอกจากการขายหน่อ และลำไผ่

 รูปแรกช่วงเริ่มปลูก รูปด้านล่างคือปัจจุบัน อายุ 6 เดือน บางกอได้ลำต้นเพิ่มมา 3-4 ต้น คาดว่าปีหน้า น่าจะพอแบ่งขายได้บ้าง เพราะคงเหลือกิน

 

       

4.ถั่วดาวอินคา หรือโอเมก้าบนดิน พืชเพื่อสุขภาพ ที่มีประโยชน์มหาศาล ทั้งลดไขมันในเส้นเลือดและ บำรุงระบบประสาท มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ฯลฯ  เริ่มปลูกต้นแม่พันธุ์ไป 20 ต้นเมื่อปีที่แล้ว และปีนี้เป็นโครงการขยายพื้นที่การปลูกต่อ นั้นก็คือปลูกกับต้นไม้ในสวนป่านั้นเอง ประหยัดทั้งค่าเสา และพื้นที่ในการปลูก ผลผลิตที่ำด้จากเมล็ด และใบ นำมาให้คนในบ้านและคนใกล้ตัวกินก่อน ถ้ามีประโยชน์จริง ค่อยแจกจ่ายและขายต่อไป

 

  

 

                                                                                  ในเมล็ดมีน้ำมันโอเมก้า 3 เหมือนที่มีในปลาทะเลน้ำลึก ตอนนี้ที่บ้านเลิกซื้อน้ำมัน

                                                                                  ปลา เพราะจะทดลองกินเมล็ดถั่วดาวอินคากันว่าจะได้ผลไหม เพราะตอนนี้ในบ้าน คอ

 น้ำคลอโรฟีลจากใบถั่วดาวอินคา                                       เรสเตอรอลสูงกันทุกคนเลย

    

6.กล้วยน้ำว้าและเล็บมือนาง ปลูกกล้วยน้ำว้าไปเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว แต่ว่ายังไม่ออกลูก จริงๆ ตอนนี้ต้นโตกว่าในรูปแล้ว แต่ไม่ค่อยได้ถ่ายกล้วยเท่าไหร่กล้วยอีกอย่างคือ เล็บมือนางซึ่งเป็นต้นพันธุ์ที่เอาไปจากบ้านที่นทบุรี ซึ่งรสชาติหอม หวาน อร่อยมาก  แต่ด้วยความที่ยุ่งกันอยู่ และเลยไม่ค่อยมีใครสนใจเรื่องขยายพื้นที่ปลูกกล้วยเล็บมือนาง จนล่าสุดที่กล่วยสุกและได้กินอีกครั้ง พ่อถึงกลับออกปากว่า ต้องขยายพันธุ์ปลูกแล้ว เพราะมันอร่อยจริงๆในขณะที่แม่และน้องก็รับสนับสนุนเพราะสองคนนั้นกินกล้วยน้ำว้าแล้วท้องอืด แต่ไม่มีปัญหาอะไรในการกินกล้วยเล็บมือนาง

 

 

    

7.มะละกอ : คอนเซปของการปลูกพืช ที่เป็นข้อตกลงร่วมกันของที่บ้านคือ ไม่ปลูกเยอะ ปลูกพอประมาณ ดูเแลให้ทั่วถึง ขายให้ได้ราคาตามคุณภาพที่เราทำ เราปลูกมะละกอ 50 ต้น ในขณะที่สวนข้างๆ ปลูก 3 ไร่ น้าเขาขายส่ง กิโลกรัมละ 2-6 บาท ขึ้นอยู่กับราคาตลาด แต่บ้านเราโชคดีที่หาตลาดได้ นั้นก็คือร้านแหนมเนือง เจ้าเดิม บ้านเราขายในราคา กิโลกรัมละ 10 บาท แต่มันก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน เพราะของบ้านเราขายครั้งละ  30-60 กิโล ในขณะที่คนที่ปลูกเยอะ เขาขายที่ละ 100-1000 กิโล ก็แล้วแต่ว่าใครจะชอบแบบไหน  แต่ตอนนี้ต้องรีบขยายพื้นที่ปลูกมะละกอ โดยด่วนเพราะเดี๋ยวไม่มีส่งให้ลูกค้า เขาติดใจที่ลูกใหญ่ ยาว และเนื้อเยอะ ส่วนพวกที่กลมป้อม ก็รอส่งขายลูกสุกเข้าโรงงานอบแห้งต่อไป

  

8.ต้นหมากแดง (หารูปไม่เจอ เหมือนไม่ค่อยได้ถ่าย เพราะมันปลูกกระจาย เลยหายไปจากสายตา),ต้นยางอินเดีย และต้นมอนเตล่า สำหรับขายใบ

มอนเตล่ารอลงแปลงปลูก                                                         ยางอินเดียอายุ 1 เดือน

  

9.เลี้ยงมดแดง

10.เลี้ยงผึ้ง (โครงการอนาคต หลังปลูกลำใย) แต่เห็นศักยภาพของป่าและดอกไม้ที่สวน แล้วว่าน่าจะทำได้ ขนาดยังไม่ได้เลื้ยง ยังมีผึ้งน้ำให้กินตลอด

11.เห็ดป่า เช่น เห็ดระโงก เห็ดไค และเห็ดปลวก  เพราะมีป่าวงศ์ยาง เช่น ยางนา จิก รัง เลยทดลองปลูกเห็ดระโงก และเห็ดไค ไปเมื่อสองเดือนที่แล้ว ต้องรอหน้าปีหน้าถึงจะรู้ว่าได้ผลหรือไม่ ส่วนเห็ดโคนก็เพิ่งดลองไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คนขายบอกว่าขั้นต่ำ 3 เดือนจะมีดอก ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไป

                                                                                  เชื้อเห็ดระโงกและเห็ดไคผสมน้ำ รดโคนต้นยางนา หรือพืชวงศ์ยาง

 

เชื้อเห็ดโคน ผสมน้ำราดที่จอมปลวก

    

 

ระยะยาว 3 ปีขึ้นไป

1.สวนป่า ต้นไม้ที่จะมีมูลค่าสูงในอีก 30 ปีข้างหน้า แต่เป็นแหล่งอนุบาล อย่างดีของพืชอย่างอื่น เช่่น พริกไทย ผักหวานป่า ถั่วดาวอินคา แหล่งเลี้ยงมดแดง

2. พริกไทย  ปลูกต้นแม่พันธุ์ไว้แล้ว 20 ต้น ขอขยายปลูกในสวนป่าปีนี้

 

3. ผักหวานป่า  เป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจที่สามารถเพาะปลูกปลูกผักหวานป่าได้ แต่ตอนนี้ตี 4 แล้วง่วงมาก ไม่สามารถบรรยาย หากใครสจใจสามารถเข้าไปอ่านใน FB :https://www.facebook.com/dreamforestfarm?ref=hl ได้ เคยเขียนลงไว้ ว่าต้องเจออะไรมาบ้าง ทำอย่างไร แต่เนื่องจากที่่านมาเป็นการทดลองปลูก ซึ่งถือว่าได้ผล ฤดูกาลหน้าช่วง พค มิย จะเป็นการปลูกเต็มพื้นที่ทั้งหมด อาจจะเอามาเล่าตอนนั้น แต่ถ้าใครต้องการทราบก่อนจริงๆ ก็บอกได้ค่ะ รอบหน้าจะมาแชร์ให้

     

  

 

4. ลำใย มะขามเทศ พี่เลี้ยงของผักหวานป่าอีกชนิดนึง นอกจากจะเป็นพี่เลี้ยง ยังให้ผลผลิตในเรื่องการายผล และมีประโยชน์ต่อการเลี้ยงผึ้ง

5. ผลไม้หลากชนิด เพื่อรับประทานหรือขาย เช่น มังคุด ลองกอง เงาะ ทุเรียน ขนุน มะม่วง ฝรั่ง ฯลฯ

 

การทำเกษตร เป็นการทำงานกับธรรมชาติ เราไม่อาจควบคุม ดิน ฟ้า อากาศ  แสงแดด สายลม สายฝน สรรพสัตว์  สูตรต่างๆ ที่เคยสำเร็จในพื้นที่หนึ่ง

อาจไม่สำเร็จในพื้นที่หนึ่ง เพราะคำว่าบริบท ที่แตกต่าง ความร้อนแรงของแสงแดด ความชื้นของอาหาร ปริมาณฝน .... การทดลอง ทดสอบ สูตรที่เหมาะกับพืช และสภาพแวดล้อมแห่งนั้นเป็นเรื่องที่่ควรทำ และการเริ่มทำทีละน้อยเพื่อสั่งสมความรู้ ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ เป็นสิ่งที่ดีได้เรียนรู้ตลอดเวลา 10 เดือนที่ผ่านมา  ไม่น่าเชื่อว่าใน 10 เดือนได้ทำสิ่งต่าง ไปมากมาย ทั้งที่งานประจำก็รัดตัว แต่เพราะใจมันเรียกร้อง ความมุ่งมั่นมันเกินร้อย จึงทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้  ใครเคยมีความรู้สีกแบบดี บ้างไหมคะ คิดถึงต้นไม้ที่เราปลูก คิอถึงผักหวานป่า คิดถึงผักสลัดที่เราเพาะ ต้องโทรถามพ่อแม่ว่าผักเป็นไงบ้าง ถ่ายรูปส่งไลน์ให้ดูหน่อยได้ไหม  ถ้าไปคุยกับคนทั่วไปที่เขาไม่ได้สนใจเรื่องเกษตร เขาก็คงบอกว่า มันคงเพี้ยนไปแล้ว วันๆ คิด คำนึงถึงแต่ต้นไม้ ใบหญ้า  หลังๆ เริ่มทำอะไรเยอะเกิน พ่อก็ถามว่า ดี มันหลากหลายพอหรือยังลูก  เราก็ได้แต่หัวเราะ แหะๆ  ยิ้ม แล้วบอกพ่อว่า นิดหน่อยเองพ่อ ดียังมีไอเดียอีกเพรียบ ซึ่งพ่ออาจเริ่มระอาในใจ ว่าเมื่อไหร่มันจะหยุด 55 แอบคิดเอาเอง

สุดท้ายได้แต่หวังว่า การเเดินทางของความฝันอาจเป็นกำลังใจให้มือใหม่ที่อยากทำเกษตรได้บ้าง ไม่มากก็น้อยว่ามันไม่ได้ยากเกินความสามารถของเรา ขนาดดีซึ่งไม่เคยรู้เรื่องเกษตร ขุดดินก็ไม่เก่ง แค่พอทำได้ ก็ยังสามารถทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ทุกๆ คนก็สามารถทำได้เช่นกัน แล้วพบกันใหม่ในเรื่องราวอื่นๆ อภิมหาโปรเจคต่างๆ ที่ดีอยากทำต่อไปในอนาคต......ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

 

ความเห็น

ขยันจริงๆๆครับ มีครบหมดทุกอย่างเลย  มีคุณแม่เกร่งการตราดดีมากครับ  เต้มไปหมดเลยครับ  *ขอบคุณที่แบ่งปันสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้พี่ๆๆน้องๆๆบ้านสวนของเราได้เป้นความรู้ เป้นตัวอย่าง *  กว่าจะได้ขนาดนี้ใช้เวลาเหมือนกัน  อยู่ที่นัยครับ

ขอบคุณค่ะ อยู่ที่ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ค่ะ

แหม่ รีบจบจัง เป็นหนังไทย(หรือผมเอง) ยืดได้ 20 ตอนเลยครับ 55 ขอบคุณคุณ Deejang ได้มอบประสบการณ์และบทเรียนครับ ของผมยังอยู่ขั้นแรก (กำลังมั่ว ๆ อยู่) เห็นการพูดคุยและเข้าใจกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวแล้วเยี่ยมมากครับ หวังว่าจะได้รับประสบการณ์จากคุณ Deejang อีกเรื่อย ๆ นะครับ

ไร่สุโขทัยนี้ดี ไร่นี้มีแต่ความสุข

ยังมีหลายเรื่องที่อยากทำค่ะ ยังคงเจอกันอีกนาน เอาใจช่วยคุณถ้วยฟู เช่นกันค่ะ

โอ้โฮ เยอะจัง ค่ะ พี่บัวสงสัยว่า ทำกันกี่คน ตอนนี้ทราบคร่าวๆแล้ว 4 คน ...พี่บัว ไม่มีระยะสั้นค่ะ และตอนนี้ มีแต่ระยะกลางกับระยะยาว

ได้ความรู้เพิ่ม สำหรับข้าวนาโยน..และได้เห็นถั่วดาวอินคา (ประโยชน์ฺเยอะ จริง) มันจาวมะพร้าว ยังไม่เห็น 555 รอชม..พี่บัว มีกล้วยเยอะค่ะ ...คงต้องขอความรู้น้องดี ในกล่องข้อความ ด้วยนะคะ และขอชมเชย นักการตลาด ชั้นเยี่ยม ด้วยค่ะ ...ไม่เบื่ออ่าน นะน้อง ลงบล็อคได้เรื่อยๆ ของดีๆทั้งนั้น ได้ความรู้ด้วย ละ

ยินดีแบ่งปันคะพี่บัว ถ้าตอบได้จะรีบตอบ แต่ถ้าตอบไม่ได้ จะไปช่วยหาคำตอบให้ จริงๆ พ่อแม่ ทำเป็นหลัก 2 คน ดีเป็นพวกต้นคิด ริเริ่ม ทำตอนแรก แล้วพ่อแม่ช่วยดูแล ส่วนน้องก็เป็นฝ่ายสนับสนุน ถ้างานไหนต้องใช้คนเยอะ ถึงจะจ้างคนมาช่วยบ้าง ที่บ้านใช้เทคนิค ปลูกครั้งละไม่มาก ทะยอยปลูก เลยค่อยๆ ทำได้ค่ะ

เอามันจาวมะพร้าวมาฝากพี่บัว ตามคำเรียกร้องค่ะ   ตามกำหนดขุด คือช่วงเเดือน มกราคมปีหน้า  มันจาวมะพร้าวมีเนื้อสีขาว เหนียว นุ่ม มีรสหวานนิดๆ

เหมาะกับการทำขนมหวานต่างๆ เช่น แกงบวช นึ่งน้ำตาล หรือนึ่ง/ต้ม เพื่อผสมเป็นเครื่องเคียงของขนมหวาน 

    

ปลูกได้หลากหลายแถมได้ผลผลิตที่ดี เก่งจังค่ะ

ทำเยอะมาก แบ่งเป็นตอนๆก็ได้ครับ

..โอกาสไม่ได้มีทุกวัน..

 

หน้า