อย่างไร...ไขมันจึงพอเพียง
“อย่างไร...ไขมันจึงพอเพียง”
ฟังข่าวสุขภาพเช้าวันนี้ คุยเรื่องไขมัน ...ใช่ อายุที่เยอะขึ้น เริ่มต้องห่วงไขมัน แต่ก็ไม่ใช่เท่านั้น สาวน้อยทั้งหลายก็ห่วงด้วย เพราะไม่อยากถูกระบุว่าอ้วน หรือ แม้แค่คำว่าท้วม
...พอเพียงจริงๆ แต่ไม่พอดี...
ข้อมูลความรู้ที่น่าสนใจมาก ทุกส่วนของร่างกายต้องอาศัยไขมันทั้งสิ้น แม้แต่ในสมอง ก็เป็นก้อนไขมัน จำได้วัยเด็กเคยกินสมองหมูตุ๋นยาจีน นัยว่าบำรุงสมองให้ไม่พิการ ถ้ากินในวัยผู้ใหญ่จะทำให้ไขมันในเลือดสูง จริงเท็จแค่ไหน ก็ต้องเรียนรู้ดูกันไป
โดยเฉพาะ คำว่า โคเสเตอรอลสูง มาจากไหน
หารู้ไม่ว่า
80%ของโคเลสเตอรอล ตับของเราสร้างขึ้นมาเอง
สมองต้องใช้ถึง 70% หากโคเลสเตอรอลต่ำ ความจำจะไม่ดี
โคเลสเตอรอลอีก15-20% ที่เหลือร่างกายได้รับจากอาหารที่กินเข้าไป ตับจะสร้างเพิ่มตามความต้องการของร่างกาย
เซล์ลทุกเซล์ลในร่างกายต้องการโคเลสเตอรอล
การสร้างสเตียรอยด์ในร่างกายก็ต้องใช้โคเลสเตอรอล ...เวลาตกใจยกโอ่งได้ก็อาศัยสเตียรอยด์ที่มาจากโคเลสเตอรอล
ถ้าขาดโคเลสเตอรอลหรือโคเลสเตอรอลต่ำหรือน้อย ร่างกายก็จะสู้โรคยาก คิดอ่านช้า เลือดจาง
ยังฮอร์โมนต่างๆในร่างกายอีก กว่าจะได้มาก็ต้องมีโคเลสเตอรอลเป็นตัวประกอบ
โคเลสเตอรอลจีงมีคุณค่ามาก
แต่เพราะว่าใครบางคนต้องการขายยาหรือเปล่าจึงกล่าวหาว่าเขาไม่ดี
LDL HDL ใครดีใครเลวจริงหรือ
ข้อมูลอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ถูกแจง ไม่ได้ถ่ายทอดให้มากพอที่จะเกิดความเข้าใจ
...โคเลสเตอรอลที่ตับสร้างขึ้นนั้น มี LDL(ที่ถูกระบุว่าเป็นไขมันเลว) แต่แท้จริงLDLทำหน้าที่เสมือนรถบรรทุกออกจากตับส่งไปทั่วร่างกาย เมื่อร่างกายใช้งานหรือได้โคเลสเตอรอลเพียงพอ HDLจะทำหน้าที่เป็นรถบรรทุกขนโคเลสเตอรอลส่วนเกินกลับมาที่ตับ ตับก็เปลี่ยนโคเลสเตอรอลนั้นมาย่อยไขมันในรูปของน้ำดี และนอกจากนี้HDLยังทำหน้าที่ต้านการอักเสบ
รู้ข้อมูลจริงหรือยังจึงสรุป!!!
ทุกวันนี้ เรากินน้ำมันจากพืชล้มลุก เช่น ถั่วเหลือง คำฝอย ทานตะวัน ซี่งมี โอเมก้า6 มากไป ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย (อาหารในทุกวันนี้มี โอเมก้า 6 ทั้งในข้าวกล้อง ข้าวฟ่าง ในอาหารเสริมที่นิยมซื้อเสริมกินเช่น evening prime rose ที่จริงต้องกินให้สมดุล ควรกินไขมันจากพืชยืนต้น เช่น มะพร้าว น้ำมันปาล์มบ้าง+++) ควรกินอาหารพวกโอเมก้า3ที่มีฤทธิ์ทำให้การอักเสบลดลงจะควบคุมสมดุลซึ่งกันและกัน
สัดส่วน โอเมก้า3:โอเมก้า6 ดี่ที่สุดควรอยู่ที่ 1:1 ไม่ควรเกิน 1:3 หรือ 1:4
โอเมก้า3 ได้มาจากน้ำมันตับปลา(ปลาทะเลน้ำลึก) งาขี้ม้อน/ขี้ม้อด(perilla) ที่มีลักษณะคล้ายงาดำ เมล็ดกลมและเล็กกว่า ปลูกได้ที่แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ซึ่งต้องฝากความหวังไว้ที่นักวิชาการที่จะศึกษา โคเลสเตอรอลจากพืช เมืองไทยมีพืชมากมาย
โอเมก้า3 จากพืช(เช่นงาขี้ม้อน/ขี้ม้อด)จะอยู่ในรูปสารตั้งต้นที่จะนำไปสู่การเป็นโอเมก้า3 ... เพื่อนำไปสู่การต้านการอักเสบในระบบต่างๆของร่างกาย
มาถึงบรรทัดนี้ อยากบอกว่า ยังไม่จบ ... ตราบเท่าที่เราจะเรียนรู้ต่อ ลงมือปฏิบัติให้เกิดความรู้ที่พอเพียง
และจากประโยคที่ว่า
“ที่จริงต้องกินให้สมดุล ควรกินไขมันจากพืชยืนต้น เช่น มะพร้าว น้ำมันปาล์มบ้าง”
ประโยคนี้ช่วยเป็นช่องทางให้บอกเรื่องที่ เคยมีผู้รู้เล่าไว้ ว่า ยังมีเมล็ดถั่วอายุยาว เมล็ดพืช ที่เป็นไม้ยืนต้น ให้กิน ได้ทั้งโปรตีน และไขมันเป็นต้นทุนให้สุขภาพได้เป็นอย่างไร วันนี้ นำเสนอ สองอย่าง
กระบก และ มะค่าโมง
เพาะให้งอก โดยกลบในขี้เถ้าแกลบ ให้รับแดดได้พอ รดน้ำวันละครั้ง อาจช้าสักนิดแต่ได้กินเร็วกว่าปลูกผัก เมื่อรากงอก พลังชีวิตของเมล็ดพืชเริ่มทำงาน (เอ็นไซม์ในเมล็ดพืช)
เอามาปรุงเป็นอาหารได้ เป็นการนำสิ่งที่มีชีวิต มาต่อชีวิต
บางเมล็ดก็ทิ้งให้โตเป็นต้น
กระบกเมล็ดงอก กินดิบก็ได้ ส่วนมะค่าโมงความว่ามีสารบางตัวที่ควรขจัดออกไปด้วยความร้อน โดยต้มให้สุก น้ำที่ต้มให้เททิ้ง เมล็ดมะค่าโมงกินวันละไม่ควรเกินสองเมล็ด(ใหม่ๆให้ฝึกกินทีละน้อยก่อน เนื่องจากระบบย่อยยังไม่คุ้นเคย หลังจากนั้นเต็มที่ไม่เกินสองเมล็ด)
เพราะอาหารเป็นหนึ่งในโลก เมล็ดพืชยืนต้นนี้ไม่ตัดแต่งพันธุกรรม ระยะเวลาสะสมธาตุอาหารยาวนาน เป็นแหล่งอาหารที่มีประโยชน์ ทำให้คนที่กินแข็งแรงเช่นเดียวกับสิ่งที่กิน และเมื่อคนกิน คนก็จะปลูกต่อ
ราคาไม่แพง และได้กำไรเมื่อสุขภาพแข็งแรง ก็ไม่ต้องสูญเสียเงินทองเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษา ไม่ต้องเอาเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตจ่ายเป็นค่าสุขภาพ...
- บล็อกของ สายพิน
- อ่าน 6456 ครั้ง
ความเห็น
จันทร์เจ้า
25 สิงหาคม, 2010 - 16:25
Permalink
กระบก
เรื่องไขมัน จันทร์เจ้าไม่สนหรอกค่ะ เพราะว่าไม่มีอิอิ แต่กระบก กับมะหมก อย่างเดียวกันมั้ยนะ อิอิ
พอเพียง และ เพียงพอ บ้านไร่จันทร์เจ้า
สายพิน
25 สิงหาคม, 2010 - 16:37
Permalink
กระบก-มะหมก
กระบกเป็นไม้ยืนต้นค่ะ เมล็ดที่เพาะงอกแล้ว เอามาเคี้ยวจะมีกลิ่มหอมออกหวานมันนิดๆ เคี้ยวอีกหน่อยจะระบุพอได้ว่าคล้ายเคี้ยวมะพร้าวน่ะค่ะ
ส่วนมะหมก...ไม่รู้จักน่ะค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรบ้างคะ คุณจันทร์เจ้า
รู้จักแต่ห่อหมก อร่อยค่ะ กินแล้วได้ไขมันไม่อิ่มตัวของกะทะจากมะพร้าว เป็นโมเลกุลสายสั้นของไขมัน(จำมาน่ะค่ะ) ที่ร่างกายใช้งานได้เลย ไม่ตกค้างเป็นไขมันส่วนเกินให้ต้องลำบากใจน่ะค่ะ(จำมาอีกเหมือนกัน...แต่ก็ลองอยู่นะคะกับการใช้กะทิและน้ำมันมะพร้าวที่ไม่ผ่านกรรมวิธีค่ะ)
สายพิน
25 สิงหาคม, 2010 - 20:28
Permalink
แก้ไขข้อมูล ไขมันที่ได้จากน้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันอิ่มตัวค่ะ
แก้ไขข้อมูลค่ะ ไขมันที่ได้จากน้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันอิ่มตัวค่ะ ต้องขออภัยอย่างยิ่ง
มานี มานะ วีระ ชูใจ
25 สิงหาคม, 2010 - 16:26
Permalink
ตึบ...
ตึบแต่...ควรรู้ไว้บ้าง
ขอบคุณคร้าบบบบ...
เป็นเพียงแค่มดตะนอย ตัวจ้อยจิด ทีพลัดติดกลางช่อ พอเพียงใหญ่
คือหนึ่งเสียงหนึ่งคิดเห็น ที่เป็นไป อาจถูกใจหรือไม่บ้าง ลองชั่งดู
สายพิน
25 สิงหาคม, 2010 - 16:42
Permalink
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณค่ะที่เยี่ยมชม เห็นด้วยค่ะว่ารู้ไว้บ้าง คุณมานี มานะ วีระ ชูใจ
วันหนึ่งอาตได้ใช้ประโยชน์จากไขมันนะคะ
chai
25 สิงหาคม, 2010 - 16:52
Permalink
ขอบคุณ
ขอบคุณมากๆครับที่นำเสนอสิ่งดีๆ
ทำความดีนะครับ จะได้มีความสบายใจ msn/krawmovie@hotmail.com
สายพิน
25 สิงหาคม, 2010 - 19:36
Permalink
ยินดีเลยค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ คุณชัย
ตั้ม
25 สิงหาคม, 2010 - 19:24
Permalink
ทุกวันนี้..ให้หมอเป็นคนแนะ
อย่างที่คุณสายพินว่า..ชีวิตต้องอยู่อย่างสมดุล..แต่บางครั้งมันก็ยากที่จะรู้ว่าดุลมันอยู่ตรงไหน..อะไรที่แน่นอนเช่นการออกกำลังกาย..การผ่อนคลายจากความเครียด..ยังพอจะดูแลตัวเองได้..แต่เรื่องอาหารกับสิ่งที่เกิดจากอาหารและอยู่ภายในนี่ลำบากหน่อย..ผมก็ได้แต่ให้หมอเช็คสุขภาพปีละสองครั้งว่าจะต้องเพิ่มหรือลดอะไรหรือต้องกินอะไรหลีกเลี่ยงอะไร..ทุกวันนี้ยังปกติตามเกณฑ์แต่ก็กลัวว่ามันจะไม่ตลอด..เหมือนกัน..
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
ลุงพูน
25 สิงหาคม, 2010 - 19:53
Permalink
ซือตี๋
ผมขอแนะนำให้หน่อยนะครับว่า หากมีการฝึกอบรมโดย หมอเขียว ละก็ขอให้รีบไปสมัคร แล้วจะรู้อะไรดีๆอีกเยอะครับ ไม่เชื่อลองถามคุณ ชวิน ดูก็ได้ครับ
ตั้ม
25 สิงหาคม, 2010 - 19:58
Permalink
ซือเฮีย
ผมเคยอ่านของเขาแล้ว..น่าสนใจ..อาจจะขอสมัครไปอบรมบ้าง..เค้าสมัครหรือดูโปรแกรมกันที่ไหนกันอะ..ซือเฮียพอบอกหน่อยได้มั๊ย..
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
หน้า