เด็กเมืองนางรายงานตัวครับ
หวัดดีครับ ผมเป็นสมาชิกบ้านสวนมาสองอาทิตย์กว่าๆแล้ว มาแอบดูบล็อกชาวบ้านเค้าก็ตั้งนาน
ชอบมากเลยครับ ตอนแรกเข้ากูเกิลหาวิธีการเลี้ยงไก่ไข่ ไปมาเลยมาโดนเว็บนี้แบบไม่ตั้งใจ
แต่ความไม่ตั้งใจกลับทำให้เจออะไรมากมายในนี้ สมช.บ้านสวนพอเพียง เป็นกันเอง ดูไปเหมือนคนในหมู่บ้าน
หมู่บ้านที่มีความหลากหลายในวิถีชีวิต แต่ที่ๆเหมือนกันและสังเกตุได้คือ ความสุขแบบพอเพียง
เมื่อตอนเข้ามาคิดแค่ว่าคงเป็นเว็บที่มีเนื้อหาที่เป็นวิชาการเรื่องเครียดๆ แต่ไม่เลยเป็นเว็บที่สบายๆ เหมือนเล่าบอกประสบการณ์ที่สมช.เจอมา แล้ว เล่าต่อซึ่งเป็นความรู้ ที่นำมาต่อยอดได้ดีมากๆ ผมดีใจจริงๆ ที่เห็นสมช.คนรุ่นใหม่ที่ไม่ทิ้งบ้านเกิด ทุ่งนา ไร่สวน ของพ่อแม่ตัวเอง เพราะผมคิดจะดูแลที่นาของพ่อ ผมจบสาขาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ2 แต่คิดอยากกลับมาทำเกษตร เลี้ยงสัตว์ ซึ่งเป็นสาขาเกษตรกรรม แล้วมันไม่ได้เกี่ยวกันเลยกับที่เรียนมา กลัวมากเลยที่คิดว่าจะกลับมาทำเกษตร กลัวแรงเหวี่ยงจากพวกที่เรียนสาขาซ้ำเติมและสาขาทับถม ย้ำ กลัวแรงเหวี่ยงจากพวกที่เรียนสาขาซ้ำเติมและสาขาทับถม(เอกนี้เปิดสอนทุกที่ที่มีคน55555) ที่กลัวก็เพราะเคยมีพี่คนหนึ่งในหมู่บ้านจบมาแล้วไม่มีงานทำ ทำก็ได้ไม่นาน แกชอบทำนา ชอบเลี้ยงวัว ตอนแรกผมรู้ก็ตกใจเฮ้ยท่าจะไม่เต็มบาทแล้ว จบป.ตรีมาเลี้ยงวัว เนี้ยนะ เจริญ!(เป็นความคิดผมตอนที่เคยเรียนสาขาซ้ำเติมและสาขาทับถม)แต่ตอนที่ผมเรียนใกล้จบ มาคิดทบทวนตัวเอง แล้วเดินมานั่งอยู่ใต้ต้นกระถินณรงค์ใกล้กับคันนา มองดูท้องฟ้า ฟังเสียงนกเอี้ยงร้อง เสียงวัวร้องเรียกลูกของมัน ในใจคิดว่าเราต้องจากบ้านจาก นาเราอีกแล้วหรอ ? แล้วจะได้กลับมาที่นี่อีกตอนไหน ? เราจะสบายใจมีความสุขบ้างมั้ยถ้าไปอยู่ในที่ที่ไม่ใช่บ้านเรา เราต้องการอะไรกันแน่ในชีวิต ตอนนั้นคิดว่าช่างเถอะเรียนมาก็ไปทำงานอย่างที่เรียนมาก็แล้วกัน แล้วก็ลุกจากที่นั่นทันที
นี่จะสามปีแล้วที่ไม่ได้กลับไปอีก แต่เมื่อคุยกับพ่อจะกลับไปบ้านหางานทำที่บ้านและจะช่วยดูแลนาให้พ่อ
พ่อถามว่าจะมาทำนาหรอ ?ผมบอกว่าไม่เชิงหรอก(ดูหน้าตาและหุ่นด้วยพ่อ55555) แต่คิดว่าต่อไปก็ต้องมาทำอยู่ดีจะมาอยู่ให้ชินมือชินเท้า พ่อบอกว่าเอาไว้มีทุนก่อนจะกลับมาทำก็มา ผมดีใจมากเลย ผมเลยเสาะหาความรู้ที่เกี่ยวกับเกษตรไว้เยอะๆ เอาไว้อ่าน ตอนนี้โทรให้แม่เพาะมะพร้าวน้ำหอมไว้ให้ด้วย จะเอาไปลงที่นา แม่ก็บอกจะทำให้
เมื่อก่อนแม่จะไม่ค่อยพอใจที่เราบ่นว่าอยากกลับบ้าน จนแม่ถามมาว่าที่บ้านมีอะไรดีนักหนาอยากกลับอยู่นั่นแหละ
ได้แต่บอกว่าไม่รู้ครับ รู้แต่ว่ามันมีความสุขกว่าอยู่ที่กรุงเทพ ที่บ้านมีแม่ มีญาติพี่น้องเราที่มีแววตาซื่อและบริสุทธิมีนาที่มีซังข้าว ท้องฟ้ามีเมฆสีขาวเป็นปุยๆ มองแล้วสบายใจเท่านั้นเอง แกคัดค้านประมาณปีกว่าๆ จนทุกวันนี้
แม่บอกว่าจะทำอะไรก็ทำ อยากให้ทำงานเลี้ยงตัวเองให้รอด ผมก็บอกว่าจะกลับไปทำงานประจำ และจะดูแลนาให้พ่อด้วย แม่คงรอดูผมด้วยความเป็นห่วงอีกตามเคย และคิดว่าความคิดแบบนี้มันจะอยู่กับผมได้นานแค่ไหน จะทนแรงจากสังคมได้มั้ย ตอนนี้มีแต่กำลังใจที่สร้างให้ตัวเอง จากพ่อ และแม่ที่รอช่วยเหลือแบบห่างๆ ผมจะพยายามเพราะมันคือความสุขของผมที่ผมเลือกเอง ตอนนี้กำลังดูกระแสจากสาขาซ้ำเติมและสาขาทับถมว่าแรงแค่ไหนแล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่ จะเก็บของก่อน เพราะคืนนี้จะกลับไปช่วยงานแต่งน้องชายที่บ้านเกิด
- บล็อกของ วัชรพงษ์
- อ่าน 5175 ครั้ง
ความเห็น
lekonshore
21 กันยายน, 2010 - 11:25
Permalink
พี่เข้ามาเป็นกำลังใจให้นะค่ะ
พี่เข้ามาเป็นกำลังใจให้นะค่ะ
ต้องมีก้าวแรกค่ะ จึงจะมีก้าวต่อไป
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
Nee
21 กันยายน, 2010 - 11:33
Permalink
ยินดีต้อนรับค่ะ
ขอให้ประสบความสำเร็จ ดังใจที่ตั้งความหวังไว้
มาบ้านนี้ไม่ผิดหวัง
เราคงได้แชร์ ความรู้ ต่อกันนะคะ
9wut
21 กันยายน, 2010 - 11:35
Permalink
อ้าว หลงทางมาเหรอ
อ้าว หลงทางมาเหรอ นั่งพักก่อนน่ะครับ
ยินดีต้อนรับครับ
วิธีลงรูปประจำตัว |การใช้งานเว็บบ้านสวน |การแทรกรูป |การแทรก VDO
chai
21 กันยายน, 2010 - 11:41
Permalink
เป็นกำลังใจให้นะครับ
เป็นกำลังใจให้นะครับ
ทำความดีนะครับ จะได้มีความสบายใจ msn/krawmovie@hotmail.com
วัชรพงษ์
21 กันยายน, 2010 - 11:41
Permalink
ขอบคุณครับที่เข้ามาให้กำลังใจ
ขอบคุณครับที่เข้ามาให้กำลังใจเด็กเมืองนาง ก็งงอยู่มาได้ไง มาหาไก่ไข่ ดันมาเจอมากกว่าไก่ไข สงสัยจะได้ผักได้ปลากลับไปอีกมาก![Laughing Laughing](http://www.bansuanporpeang.com/sites/all/libraries/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/img/smiley-laughing.gif)
ก็แฟนผมมันเป็นผู้ชายนี่หว่า
แก้ว กุ๊ก กิ๊ก
21 กันยายน, 2010 - 12:05
Permalink
ยินดีต้อนรับค่ะ
มาหาความรู้เยอะๆนะคะ
มีปัญหา ปรึกษาพี่แก้วได้ตลอดเลย...
แต่อาจจะได้แค่ปรึกษา พี่แก้วไม่ค่อยรู้อะไร...อิอิ
แจ้ว
21 กันยายน, 2010 - 12:26
Permalink
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
บ้านสวนยินดีต้อนรับนะคะ.....เอาเรื่องราวดี ๆ มาเล่าสู่กันฟังและอ่านบ่อย ๆ... ต่อไปก้จะคุ้นเคยกัน.....
ทำงานที่อยากทำจะมีความสุขกับงานที่ทำค่ะ![Laughing Laughing](http://www.bansuanporpeang.com/sites/all/libraries/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/img/smiley-laughing.gif)
ดงดม
21 กันยายน, 2010 - 13:28
Permalink
เข้มเเข็งใว้
สู้ๆ ทำไปเถิดอย่างที่คิด เสียงนกเสียงกาแถวบ้าน อย่าไปฟังมาก เปลืองสมองนะ
witlessness
21 กันยายน, 2010 - 12:55
Permalink
มาให้กำลังใจครับ
มาให้กำลังใจครับ แนวคิดของน้องพี่ว่าดีนะ ทำเลยไม่ต้องรอครับ แต่ค่อยๆทำไปทีละน้อยๆ เป็นการปูพื้นไว้รอวันข้างหน้าครับ
ตั้ม
21 กันยายน, 2010 - 13:22
Permalink
พี่ขอเสนออีกแนวคิด
ชีวิต..ควรมีครบทุกรสชาด..ลองทำในสิ่งที่ที่คิดว่ายากที่สุดก่อนโดยใช้วิชาความรู้ที่บ่มเพาะมาสร้างรากฐานให้กับชีวิต..ทั้งกระบวนการเรียนรู้ในตัวเนื้องาน กระบวนการทางสังคมเชิงซ้อนที่ค่อนข้างซ่อนเงื่อนในแวดวงชีวิตลูกจ้างทีมีหลากหลายมิติที่ต้องสัมผัสและเรียนรู้ทั้งจากเพื่อน หัวหน้า เพื่อนต่างหน้าที่หรือลูกน้อง(อนาคต) คือทั้งแนวดิ่งและแนวราบ การแก้ปัญหาและความคิดเชิงระบบ สิ่งต่างๆเหล่าเราจะหาได้สัมผัสได้ด้วยการทำงานในองค์กร..มันจะค่อยๆหล่อหลอมเติมเต็มให้กับชีวิตแต่ก็ต้องแลกมาด้วยความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ..เมื่อสะสมทุนรอนได้สักพัก..มีความคิดอ่านและวิสัยทัศน์ชัดเจนต่อโลกทัศน์และชีวทัศน์..ค่อยลงมาทำอะไรที่อยากทำก็ไม่สาย (ถ้าวางแผนชีวิตดีๆและมีการติดตาม)
ผมมีลูกสาว..มีกิจการที่เขาสามารถสืบต่อได้แบบสบายๆ..แต่ผมก็ไม่คิดให้เขาทำทันที..บอกกับลูกว่า..หนูต้องไปเรียนรู้การใช้ชีวิตการทำงาน เรียนรู้จะอยู่ในสังคมคนกินคน เรียนรู้และสร้างเสริมความคิดเชิงระบบก่อนสัก 3- 5 ปี แล้วค่อยคิดกลับมาทำอะไรง่ายๆ..
หากเราผ่านการหล่อหลอมทั้งร่างกาย จิตใจและความคิด..เราก็จะมีภูมิต้านทานต่อแรงเหวี่ยงในสังคม..และใช้ประโยชน์ต่อโมเมนตั้มที่เกิดขึ้นได้อย่างสมกับที่ได้เรียนหนังสือมา..ได้อย่างแตกต่างและมีมูลค่าเพิ่ม
แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย
หน้า