โยนิโสมนสิการสิ่งดีๆที่สังคมไทยลืมนำมาใช้
โยนิโสมนสิการหมาย ถึง การคิดอย่างถูกต้องตามความเป็นจริง โดยการใช้วิธีคิดอย่างเป็นระบบและเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ หรือกล่าวโดยย่อว่า คิด วิเคราะห์ แยกแยะ
สรุปได้ว่าโยนิโสมนสิการมีสี่แบบด้วยกัน ดังนี้
๑.อุปายมนสิการ คือคิดอย่างถูกวิธี การศึกษาสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต คนเราไม่มีใครเก่งคนเดียว กล่าวได้ว่า เราเป็นครูคนละอย่าง ต้องฝึกสอนให้คนคิดอย่างถูกต้องและมีแบบแผน.
๒.ปถมนสิการ คือคิดอย่างเป็นระบบ ต้องสอนให้คนคิดต่อเนื่องอย่างเป็นระบบ มีที่มาที่ไป เพื่อนำไปสู่เป้าหมาย.
๓.การณมนสิการ คือคิดมีเหตุผล ต้องรู้ได้ว่าสิ่งไหนผิด สิ่งไหนถูก มีข้อมูลอย่างไรมาสนับสนุนความคิดเหล่านั้น.
๔.อุปปาทกมนสิการ คือคิดเป็นทางบวกและสามารถแยกแยะข้อมูลที่ได้รับมา นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์สูงสุดและเหมาะสมได้.
เป็นที่น่าเสียดายว่าทั้งที่เราได้อยู่ใกล้ในคำสอนของพระพุทธองค์มานาน แต่ในสังคมกับไม่ได้นำมาใช้เป็นหลักปฎิบัติในชีวิตและครอบครัวมากนัก ต่างประเทศหลายๆสถาบันได้ศึกษาในพระธรรมคำสั่งสอน และได้นำไปปรับใช้และมาแต่งเป็นตำราทางวิชาการมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำราที่เกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และองค์กร, ที่ซ้ำร้ายก็คือ เรากลับไปยึดถือตำราเหล่านั้นเป็นแบบอย่าง และยกย่องอย่างมากมาย ทั้งที่เราอยู่ใกล้ เสมือนหนึ่งว่าใกล้เกลือกินด่าง.
หากประขาขนไทยสามารถ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ได้ ไม่ว่าปัญหาใดๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเราย่อมที่จะมีภูมิคุ้มกันได้ เรามีสุดยอดทฤษฎี เศรษฐกิจพอเพียง 3ห่วง2เงื่อนไข ซึ่งครอบคลุมทั้งหมด หากเราดำเนินรูปแบบชีวิตตามทฤษฎีมีหรือที่ชีวิตจะผิดพลาดได้.
เรามีภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นองค์ความรู้ที่ชาวบ้านถ่ายทอดกันมารุ่นสู่รุ่น ซึ่งแม้แต่ต่างประเทศก็ยอมรับ ภูมิปัญญาท้องถิ่นเหล่านี้ไม่ใช่ว่าเกิดขึ้นโดยบังเอิญเป็นความรู้ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ การแก้ไขปัญหาต่างๆมีการศึกษา สังเกต และวิเคราะห์ จนตกผลึกเป็นองค์ความรู้ในปัจจุบัน จะสังเกตุได้ว่าการเรียนรู้เหล่านี้ก็มาจากการ คิด วิเคราะหื แยกแยะ หรือเทียบเคียงกับโยนิโสมนสิการนั่นเอง.
ง.
- บล็อกของ อ้วน
- อ่าน 4225 ครั้ง
ความเห็น
สร
4 มีนาคม, 2011 - 19:01
Permalink
คุณอ้วน
:sweating: คนไทยยังหลง(ทาง)อยู่ จะมีใครบ้างมาช่วยนำทาง ในเมื่อตั้งแต่ผู้บริหารระดับประเทศ ไล่ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงผู้บริหารระดับท้องถิ่นที่เล็กที่สุด ก็ยังไม่เข้าใจ ยังไม่ลึกซึ้งในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
sorn07(แอ๊ด)gmail(ดอท)com
อ้วน
5 มีนาคม, 2011 - 12:06
Permalink
ความลึกซึ้งของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
คุณพี่สรครับ จะว่าไปแล้วความลึกซึ้งของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้น มีความหมายในตนเองครบถ้วน อยู่ที่จะนำไปปรับใช้อย่างไร บางคนก็ตีความแบบเข้าข้างตนเอง ก็มีการนำไปตีความใช้แบบศรีธนญชัย ถ้าเราเข้าถึงแก่นแท้ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงคงไม่การหลงทางแน่ครับ เพราะไม่ว่าเกิดเหตุปัจจัยอะไรขึ้น เราก็จะมีภูมิคุ้มกันที่ดีครับ.
ชีวิตที่เพียงพอ ย่อมมาจากชีวิตที่พอเพียง
สายพิน
5 มีนาคม, 2011 - 17:25
Permalink
คุณอ้วนคะ เดิมทีก็ไม่รู้จักคำ
คุณอ้วนคะ
เดิมทีก็ไม่รู้จักคำนี้เหมือนกันน่ะ แต่พอได้ทำความเข้าใจก็เห็นชัดว่า สิ่งที่เป็นคำสอนใดๆ หากว่าน้อมใจนำคำสอนนั้นมาไว้ในใจแล้วปฏิบัติจนเกิดเป็นสภาวะ เกิดการชัดเจน ตระหนักรู้ในการคิด วิเคราะห์ แยกแยะ อย่างเป็นขั้นตอนลำดับๆ ใหม่ๆอาจเป็นเรื่องตะกุกตะกัก ไม่คุ้นเคย เช่นเดียวกับการหัดคัดหนังสือ แต่เมื่อทำซ้ำบ่อยๆก็จะชำนาญขึ้น
เคยได้ยินคำนี้นะคะ แต่ว่าไม่เคยได้รู้ถึงรายละเอียดของโยนิโสมนสิการว่ามีสี่อย่าง วันนี้ถือว่าเป็นเรื่องดีมากๆเหมือนได้ต่อยอดสิ่งที่รู้ให้รู้ได้เพิ่มขึ้น
ต้องเรียนว่ากว่าจะได้เข้าใจคำๆนี้กินเวลาเป็นปีๆ ก็ต้องนับว่าส่วนตัวเองโชคดีที่ได้ยินมามากกว่าหนึ่งครั้ง หากว่านี่จะเป็นการได้ยินครั้งแรก เชื่อว่าอาจทำสีหน้างงๆ แล้วไม่คิดอะไรมาก จนกว่าวันหนึ่งเกิดสะดุดใจกลับมาถามไถ่ความหมายอีกที
ยังประทับใจคำสอน นอกจากโยนิโสมนสิการ ...คำก่อนหน้านั้นที่เคยได้ยินคือ คารโวนิวาโต และปรโตโฆษะ ต้องขออภัยที่นำคำนี้มาเกริ่นกล่าวด้วยนะคะ มั่นใจว่าคุณอ้วนศึกษาเรื่องนี้และได้ยินคำนี้มาก่อน ...ส่วนตัวเองก็ดีใจว่าได้คุยกันในภาษาอย่างนี้ เรียนว่าคุยกันอย่างเคารพนะคะ (คารโวนิวาโต) และต้องขอบคุณอย่างมากอีกครั้งให้ได้มีโอกาสฟัง อ่าน สิ่งดีๆอื่น(ปรโตโฆษะ)ที่ยังไม่เคยได้ยินได้อ่านมา
ขอขอบคุณมากค่ะ คุณอ้วน
อ้วน
7 มีนาคม, 2011 - 12:40
Permalink
คารโวนิวาโต
เรียนคุณสายพิณครับ
สงสัยคุณสายพิณต้องเป็นผู้ปฎิบัติธรรมแน่ๆเลย น้อยคนจะรู้จักคำๆนี้ คารโว นิวาโต ก็เหมือนหลักแห่งการอยู่ร่วมกัน รู้จักเคารพในกันและกัน ส่วนปรโตโฆษะก็เป็นหลักแห่งการเชื่อ ที่เราจะรับฟังข้อมูลข่าวสารจากภายนอก แต่ส่วนใหญ่ในทางศาสนาจะให้มีโยนิโสกำกับ เพราะต้องการให้มีการไตร่ตรอง กล่าวคือ คิด วิเคราะห์ แยกแยะนั่นเอง
ชีวิตที่เพียงพอ ย่อมมาจากชีวิตที่พอเพียง
สายพิน
10 มีนาคม, 2011 - 16:02
Permalink
ขอบคุณค่ะ คุณอ้วน
ขอบคุณค่ะ คุณอ้วน ...คำนี้เป็นคำที่เรียนรู้มาจากครูบาอาจารย์ท่านสอนค่ะ ประกอบกับมีระยะหนึ่งที่ชอบติดตามเรื่องราว คำศัพท์ และตัวอย่างการประพฤติปฏิบัติเลยทำให้ได้คำเหล่านี้มา จำได้ง่ายจากตัวอย่างที่หยิบยกการประพฤติปฏิบัติด้วยค่ะ
ได้อ่านที่คุณอ้วน ขยายความคำว่าคารโวนิวาโต และปรโตโฆษะ ทำให้ได้รู้เพิ่มในอีกความหมายที่กระชับ
ขอขอบคุณมากอีกครั้งนะคะ
2s
10 มีนาคม, 2011 - 18:16
Permalink
ให้กำลังใจ และเคารพทุกๆ ท่านที่สนทนาธรรม
พยายามพัฒนากาย วาจา ใจ ในทางธรรม แต่ วิบากกรรม ทำให้ช้า และไม่ก้าวหน้า เท่าที่ควร
ได้เท่าไหนตอนนี้ก็ ถือว่าไม่เป็นไร เสียดายแต่เริ่มช้าไปมาก สังขารเสื่อมไปมากแล้วครับ
เพื่อพัฒนาความรู้ ความเข้าใจ การทำปุ๋ยหมักตื่นตัว และสวนผักปลอดภัย