ผมเป็นเกษตรกรเต็มขั้นแล้วครับ
ต้นปี 50 ผมก้าวออกมาจากบริษัท ด้วยหลายเหตุผล และตั้งใจออกมาเป็นเกษตรกร จำได้ว่าหลังจากออกมาแล้วจะเริ่มใช้ชวิตเกษตรกรมันมืดแปดด้าน ทั้งๆที่ตอนเรียนมัธยมก็เรียนวิชาเกษตรมาบ้าง จะทำอะไรก็ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน จนกระทั่งได้เข้าอบรมที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติทุ่งสง รู้สึกว่ามีแสงสว่างขึ้นมาบ้าง เริ่มได้ใช้ความรู้จากการอบรมมาใช้เต็มที่สามมารถปลูกผักได้ประสบผลสำเร็จหลายอย่าง โดยที่ไม่พึ่งพาสารเคมีและปุ๋ยเคมี
ปลายปี 50 มีเรื่องต้องให้เข้าไปทำงานในหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง เพราะมีคนมาขอร้องให้ไปทำงาน เพราะเขาหาคนดูแลคอมพิวเตอร์ไม่ได้ ปฏิเสธไปหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จ จนต้องเริ่มงานในวันที่ 7 มกราคม 2551 โดยปลอบใจตัวเองว่าไปพัฒนาบ้านเกิดก็แล้วกัน ระหว่างที่ทำงานในหน่วยงานราชการแห่งนี้ ก็ไม่ทิ้งเรื่องการทำเกษตร แต่ผลการปลูกผักออกมาไม่ดีเท่าที่ควรเพราะไม่มีเวลาดูแล เคยปลูกมะระได้ลูกละ 6 ขีด เมื่อไม่มีเวลาดูแลผลผลิตก็ไม่ได้ผล จากลูกละ 6 ขีดได้ลูกแค่คืบ ก็ได้ข้อสรุปว่าจะทำเกษตรให้ได้ผลถ้ายังอยู่ในระบบ ไม่มีทางทำเกษตรให้ดีได้ นั่งทำงานอยู่ก็จะบอกเพื่อนร่วมงานเสมอว่า "ถ้าอยู่บ้านขุดดินได้ตั้งเยอะแล้ว"
ต้นเดือนตุลาคม 51 มีการเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานในหน่วยงาน ไม่ขอกล่าวถึงรายละเอียด ประกอบกับที่อยากทำสวนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลยตัดสินใจยื่นใบลาออก ยังใจดีที่ผมให้เวลา 2 เดือนให้หาคนมารับงานต่อ แต่ผ่านไปจนผมออกก็ไม่มีใครมารับงานรู้อย่างนี้ออกให้เร็วกว่านี้ การลาออกมีผล 30 ธันวาคม 2551 แต่ผมใช้สิทธิ์ลาเท่าที่ลาได้ จนวันที่ 19 ธันวาคม 2551 เป็นวันทำงานวันสุดท้ายของผม
เมื่อหลายหน่วยงานทราบเรื่องเกี่ยวกับการลาออกของผม ก็มีการติดต่อให้ผมไปทำงานหลายที่ แต่ผมปฏิเสธหมด ผมจะไม่ไปจากบ้าน ไปจากสวนผมอีกแล้ว ผมต้องทำให้สำเร็จตามที่ตั้งใจให้ได้
ถึงวันนี้ก็ประมาณ 23 วันที่ก้าวออกมาจากหน่วยงานราชการแห่งนั้น ผมทำงานในสวนทุกวันแม้กระทั่งวันปีใหม่ผมก็ไม่หยุดทำงานดังที่เขียนในบันทึกก่อนหน้านี้ ตอนนี้ผมมีความสุขมากๆครับ ไม่ต้องรับรู้การแก่งแย่งชิงดี ไม่ต้องรับรู้ว่าใครคอรัปชัน ไม่ต้องรับรู้การบ้าอำนาจ ประจบสอพลอ หรือ อื่นๆ คนที่อยู่ในหน่วยงานราชการคงทราบดี ผมหลุดพ้นจากวงจรนี้แล้วครับ
ความสุขที่มากกว่านั้น คือได้ทำในสิ่งที่รักชอบ ทุกวันนี้กรีดยางตอนตี 2 กรีดเสร็จตอนตีสี่ หกโมงเก็บน้ำยาง ทำแผ่น เสร็จแล้วรดน้ำผักที่ปลูกไว้ ตอนนี้ปลูกผักไว้หลายอย่างค่อยมาเล่าให้ฟัง หลังจากเสร็จเรื่องยางและรดน้ำผัก ก็หางานทำไปเรื่อยๆ ตามกำลัง เหนื่อยก็พัก ตอนบ่ายอาจนอนพักเล็กน้อย แล้วทำงานต่อ ประมาณบ่าย 4 โมงรดน้ำผัก 5 โมงปั่นจักรยานออกกำลังกายถ้าแรงยังเหลือ 6 โมงดูเปาบุ้นจิ้น อันนี้ขาดไม่ได้ ฮิๆๆ 2 ทุ่มเล่นเน็ตเขียนบล็อก เสร็จแล้วขึ้นนอน
ทั้งหมดนี้อยากบอกว่าทุกวันนี้มีความสุขมากครับ
อยากขอบคุณทุกคนที่มีส่วนทำให้ผมได้ออกมาจากระบบ และใด้ชีวิตเกษตรกร และตอนนี้ผมเป็นเกษตรกรเต็มขั้นอีกครั้งแล้วครับ และจะเป็นตลอดไป
- บล็อกของ sothorn
- อ่าน 196910 ครั้ง
ความเห็น
burgbanjai
1 กรกฎาคม, 2010 - 13:57
Permalink
อ่านแล้วชื่นใจจังค่ะ
อ่านแล้วชื่นใจจังค่ะ มีความสุขในสิ่งที่ตนรัก และ รักในสิ่งที่ตนทำ
ขอชื่นชมในความตังใจ และ ความสุขแบบง่ายๆ ที่ไม่ง่ายเลยสำหรับบางคนค่ะ
kan
4 กรกฎาคม, 2010 - 02:52
Permalink
ชีวิตเหมือนกันแต่แตกต่าง
ดีใจจริงๆค่ะที่ได้มาเจอเว็บนี้ขอบคุณเจ้าของเว็บมากๆค่ะ ชีวิตของข้าเจ้าไม่ได้เรียนหนังสือมากถึงแม้ว่าอยากจะเรียนใจจะขาดแต่เพราะพ่อแม่เป็นแค่ชาวนาทำนาแต่ละปีแทบจะไม่พอกิน แม่มีลูก7คนค่ะชีวิตข้าเจ้าก็ไปเรื่อยๆค่ะทุกวันนี้อยากทำงานมีเงินเยอะๆค่ะข้าเจ้าอยากให้ลูกหลานทุกคนได้เรียนหนังสือมากๆค่ะมีการศึกษาที่ดีเขาจะได้เลือกทางเดินได้ หากถึงวันนั้นที่ข้าเจ้าเหนื่อยและอายุมากขึ้นข้าเจ้าจะกลับบ้านนอกหาซื้อที่ดินสักหนึ่งแปลงปลูกผักทำสวน เหมือนอย่างที่ คุณ Sothorn แนะนำค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
nunui1979
5 กรกฎาคม, 2010 - 12:49
Permalink
ท้อ แต่ไม่ถอย
สวัสดี ค่ะ ได้อ่านข้อความของคุณมีกำลังใจเยอะเลยค่ะ เคยท้อเหมือนกัน เพราะเสียเวลากับการจัดการชีวิตที่ไม่เคยคิดที่จะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ชอบใช้เงินเป็นตัวการจัดการสรุปแล้วเราก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาเพราะเราต้องลงมือทำเอง ประมาณปี 48 ได้ไปซื้อที่แปลงหนึ่งราว 40 ไร่ เป็นป่า แล้วก็มาไถกะว่าจะลงยางพาราให้หมด(ช่วงนั้นกำลังฮิต) แต่ไม่มีความรู้อะไรเลยสั่งยางมาเกือบ4000 ต้น แต่ปลูกไปได้แค่ 500 ต้นนอกนั้นปลูกไม่ทัน ...ตาย..จะว่าตัวเองไม่มีเวลาไปก็ไม่ใช่เพราะคิดว่าไม่ชอบก็เลยไม่อยากไปทำ( แฟนเป็นคนอยากได้และอยากปลูกยางพารา)สรุปแล้วพวกต้นยางที่ยังรอดก็เหมือนกับเด็กที่ไม่ค่อยได้กินข้าวเพราะมันต้นเล็กนี่ก็ 5 ปีแล้ว ตอนนี้ ตา กับ ยาย ไปอยู่ที่สวนให้ ตัวเองมีเวลาแค่เสาร์-อาทิตย์ เพราะวันธรรมดาลูกชายไปโรงเรียน (ตัวเองอยู่อุดรแต่สวนอยู่หนองคาย)ยางพาราไม่ได้ผลก็ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราจัดการกับที่สวนใหม่ เมื่อก่อนที่ฝนจะตก ก็จัดการถางส่วนที่ยังเป็นป่า ไถแล้วหว่านข้าว ตอนนี้กำลังงามเขียวขจีเลยไม่มีรูปมาให้ดูถ้าฝนไม่ตกไม่เป็นไรเพราะเรามีสระน้ำใหญ่อยู่หนึ่งบ่อ และสระเล็กอีกหนึ่งบ่อ แล้วยายก็ปลูกมะเขือไว้ให้เก็บกิน ปลูกพริกซึ่งตอนนี้ที่ตลาดแพงมากก.. 10 บาท ได้กินแค่ 2 ครั้งก็หมดแล้ว แต่มีคนขอซื้อพริกยายในราคา 20 บาท ให้ไปเลยหนึ่งกำมือใหญ่แถมมะเขืออีกครึ่งโล...5555...ขอบคุณที่มีเวบดีๆให้ได้แลกเปลี่ยนความคิด ...สู้..สู้..
หนุ่ย แม่กำปั้น
ท้อ..แต่ไม่ถอย
lสู้..สู้..
KANSIRAT
5 กรกฎาคม, 2010 - 14:58
Permalink
เกือบเต็มขั้นแล้วค่ะ
หลบมาอยู่บ้านได้ 2 ปีแล้ว หลังจากจำเป็นต้องลาออกจากพนักงานราชการ ที่ทำมาตั้งแต่เรียนจบ ใช้ชีวิตคนเมืองที่บ้านดอนมา 8 ปี (ทั้งที่ตอนแรกใจไม่อยากมาเลย) ตอนนี้หลงรักกับการใช้ชีวิตที่เริ่มจะแค่อีพอเพียงแล้ว ตื่นแต่ตีสี่กรีดยาง เจ็ดโมงครึ่งเก็บเสร็จ แปดโมงเช้าขับมอเตอร์ไซต์ไปทำงาน (จ้างเหมา) ไป-กลับ 60 km ห้าโมงเย็นเดินชมคอกหมูป่า ซกเซ็กข้างเริ่น เสาร์ - อาทิตย์สบายใจอยู่กับไร่กับสวน อีสองปียางส่วนที่เหลือได้เบิกหน้า ข้าเจ้าจะขอเป็นเกษตรกรเต็มตัวนะ
ออ
11 สิงหาคม, 2010 - 20:04
Permalink
สมาชิกใหม่รายงานตัวค่ะ
สวัสดีค่ะ สมาชิกใหม่รายงานตัวค่ะ อยากเป็นเกษตรกรเต็มตัวเหมือนกัน
แต่ตอนนี้ขอหาทุนก่อนค่ะ ทำงานอยู่กับคนมาก ๆ ก็เบื่อเหมือนกันไปอยู่กับต้นไม้
น่าจะดีกว่านะคะ ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าเกิดเป็นหญิงก็คงจะตัดสินใจไปเป็นเกษตรกรแล้วหละคะ
อยากทำหลายอย่างเหมือนกันแต่ทำเองไม่ได้ รอคนร่วมอุดมการณ์อยู่เหมือนกัน
แต่ก็คนจะหาไม่ได้ อิอิอิอิ
โอกาสหน้าจะเข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ว่าที่เกษตรกรคนใหม่นะคะ
an-an@hotmail.com
13 สิงหาคม, 2010 - 11:15
Permalink
ลองเป็นเกษตรดู
สวัสดีพี่-น้อง บ้านสวนทุกท่านค่ะ ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ชื่อจุฑาทิพย์ (แอนค่ะ) เป็นคนลพบุรี แต่ตอนนี้ทำงานอยู่ที่ชลบุรีค่ะ
แอนลองเปิดเมลดูเกษตรพอเพียง เลยได้เข้ามาดูเวปบ้านสวน ชอบมากอนาคตก็คิดเหมือนกันว่าคงกลับลพบุรี ทำเกษตรพอเพียงบ้างอยากตามรอยพ่อหลวง แต่บ้านที่ชลบุรีมีเนื้อที่พอทำสวนครัวนิดหน่อย ก็เลยอยากจะลองทำบ้าง พี่ๆ ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
กะปุก
19 สิงหาคม, 2010 - 00:23
Permalink
สมาชิกใหม่
ดีใจจังที่ได้เจอเวปนี้เพราะใจตัวเองแล้วชอบการทำเกษตรนะ แต่ยังไม่มีโอกาสทำจริงจังมีแต่คุณแม่และคนงานเขาทำกัน ที่บ้านก็ปลูกต้นไม้ไว้หลายพันธ์ชนิด เช่น มะละกอ ทับทิม มะลิ มะพร้าว ฯลฯ และไม้ประดับหลายอย่าง แต่มานั่งดูแล้วมันไม่สวยงามประทับใจเท่าที่ควรเพราะรู้สึกว่าต้นไม้ที่ปลูกลงไปไม่เจริญเติบโตเหมือนของคุณพ่อที่ จ.ตรัง คือสวนอยู่ จ.สระบุรี เลยรู้สึกท้อใจแต่พอได้อ่านทุกคนในเวปนี้รู้สึกว่าเราจะต้องทำต่อไป จะสำเร็จเมื่อไหร่ก็ไม่เป็นไร อยู่ที่ความตั้งใจ
จตุรพิธ
20 สิงหาคม, 2010 - 15:11
Permalink
ความสุขที่สร้างเองได้...
ผมก็กำลังเตรียมความพร้อมทั้งกายและใจ คิดวางแผนไ้ว้อีก 10 ปีโดยที่ช่วงนี้ก็ทำอะไรที่ทำได้ก็ทำไปก่อน กล่าวคือ ปลูกไม้ยืนต้นก่อน เพราะใช้เวลานาน และเตรียมแหล่งน้ำด้วย ในขณะเดียวกันก็เตรียมดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ โดยคิดว่าจะหาปุ๋ยหมัก คอกมาลง ส่วนพืชล้มลุกก็ทดลองปลูกไปในขณะเดียวกันครับ
ผมก็เบื่อเหมือนกับคุณ Sothon ครับ พอแล้วระบบราชการไทย ผมคิดว่าเราไม่เป็นข้าราชการก็สร้างประโยชน์และตอบแทนคุณแผ่นดินได้เหมือนกันนี้ ;-)
kittikruae44
22 สิงหาคม, 2010 - 10:50
Permalink
เคยเป็นชาวสวนตอนไม่ค่อยพร้อมล้ม
สวัสดีค่ะเมื่อต้นปีไปลงทุนบ่อปลาและทำเห็ด แต่ดูแลไม่เต็มที่เพราะต้องขับรถไปมาลูกจ้างก็ทำงานไม่เต็มที่ขายได้เท่าไหร่แต่ละวันญาติก็เก็บไปบางส่วนเบิกเงินทุกวันเสียมากกว่าได้เลยเลิกแต่จะไม่ยอมแพ้เพราะใจรักด้านนี้มากมายตอนนี้เลยประกาศขายบ้านเพื่อจะไปทำสวนในฝันอย่างเต็มตัว ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่มีอุดมการ์ณเดียวกันประสบความสำเร็จนะค่ะ ขอบคุณ คุณsothon มากมาย
napassorn
22 สิงหาคม, 2010 - 12:38
Permalink
เดินตามรอยพ่อ
เกษตรกรเป็นอาชีพที่มีเกียรติ...
เป็นนายของตัวเอง...
ยินดี...กับคุณ sathorn ด้วยค่ะ...
ใจรัก...การเกษตร
การบ้าอำนาจ...หลงตัวเอง หาความสุขไม่เจอ
หน้า