เพราะมีนาข้าว จึงมีปูนา
เช้านี้ มาทำความรู้จักชีวิตของปูนา ซึ่งหลายท่านอาจลืมไปแล้ว โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เป็นลูกหลานชาวนาคงจะไม่ค่อยได้สัมผัสกัน
ลักษณะของปูนาตัวผู้ ก้ามใหญ่ค่ะ ตัวเมียท้องแบนก้ามเล็กกว่า
ช่วงเดือนสี่เดือนห้า(ช่วงเกี่ยวข้าว) ปูนาจะผสมพันธุ์และตัวเมียจะฟักไข่อยู่ในรูที่เขาขุดเป็นบ้านอยู่ตามคันนา และจะปิดปากรูหรือปิดประตูไว้ กลางคืนค่อยออกมาหากินลูกข้าวหรือหญ้าอ่อนๆ ประมาณ ๑ เดือนชีวิตลูกปูตัวเล็กๆนับร้อยจากหนึ่งแม่ปู ออกมาให้ชาวนาเห็น บางคนก็จับมาต้มส้มกิน หรือใส่ส้มตำ บ้างก็จับไปทำเหยื่อในการตกเบ็ดหรืออื่นๆ ส่วนที่เหลือก็เติบโตตามธรรมชาติ ขยายพันธุ์ต่อไป
การเติบโตของปู ผ่านการลอกคราบ ช่วงนี้ชาวบ้านเรียกปูทองแดงตัวปูจะนุ่มนิ่ม นักตกเบ็ดชอบหาปูทองแดงไปทำเหยื่อยทงเบ็ดและปลาชอบกินเพราะเป็นช่วงที่มีน้ำนมและมีเนื้อเหยื่ออ่อนๆ ประมาณ ๒-๓ วัน เนื้อเหยื่อและกระดองก็จะแข็งแรงเป็นปกติ
น้าเอียดชาวนาข้างบ้าน เป็นครูเรื่องปูนา หาปูมาตั้งแต่วัยเด็กทุกวันนี้ออกไปนาเกือบทุกวัน หาปูมาทำมันปูขายเป็นรายได้หลัก มีชีวิตอยู่กับงานทำนา เลี้ยงวัว หาปู หาหอยในนา ตลอดชีวิตในโลกของชาวนาอย่างแท้จริง ชาวนาผู้ยิ่งใหญ่ ชาวนามือใหม่อย่างเราต้องทบทวนตัวเอง
การทำมันปู แกะกระดองแล้วเขี่ยเอามันปูสีเหลืองๆในกระดองมารวมกัน หักก้ามปู แยกส่วนเนื้อปูออกมา
มันปูที่ได้ เป็นส่วนที่สำคัญพิเศษทำให้ มันปู เป็นอาหารพื้นบ้านเฉพาะถิ่น เฉพาะฤดูกาลช่วงเกี่ยวข้าวเท่านั้น หนึ่งปีก็กินมันหนึ่งครั้ง ในธรรมชาติมีของหมุนเวียน ของสดๆให้หากินเลี้ยงชีวิตมากมาย หากเราใช้ชีวิตสอดคล้องไปกับธรรมชาติ ไม่ฝ่าฝืนด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ แสดงความเก่งกาจอย่างเอาตัวตนเป็นที่ตั้ง ซึ่งลงทุนสูงและต้องตามแก้ผลกระทบกันยาวนาน
ส่วนของเนื้อปู ทำให้สะอาดแล้วนำไปตำปั้นเอาน้ำเนื้อปู ซึ่งจะข้นเหนียวนิดๆ ค่ะ จากนั้นตำเครื่องแกงแบบแกงกะทิ แต่ให้หนักตะไคร้(แก้คาวค่ะ) แล้วเคี่ยวน้ำเนื้อปูกับเครื่องแกงให้งวด จนน้ำที่ผสมอยู่ระเหยไป
เกือบจะได้กินแล้วค่ะ สุดท้ายก็จะเติมส่วนมันปูลงไป หอมไปทั้งบ้าน หน้าตาเมนูมันปูหรูอย่างไร ขอให้ย้อนไปดูแจ้วบล็อค เรื่องมันปูช่วงงานกินดีมีสุขนะคะ
ส่วนตัวช่วงสงกรานต์หลีกเร้นความอึกทึกจอแจ ไปอยู่กับน้าเอียดกลางนา ทบทวนโลกของตัวเองที่พาหัวใจออกเดินทางพร้อมกล้อง สมุดบันทึกเรื่องราวธรรมชาติ ผู้คนธรรมดาๆ ส่งต่อให้คนรุ่นหลัง และเริ่มต้นทำนาปลูกผักกินเอง ว่ามีความสุขและมีพลังดีอยู่หรือ ยังไม่พอเพียงหรือ ก็ตอบตัวเองได้ชัดเจนว่า ใช่วิถีที่ลงตัวแล้ว นี้แหละตัวตนของเรา พอเพียงแล้วในช่วงปลายของชีวิต
ขอบคุณน้าเอียดและบ้านสวนพอเพียง
มีความสุขสบายกับยามเช้าของชีวิตทั่วกันค่ะ
- บล็อกของ ประไพ ทองเชิญ
- อ่าน 15160 ครั้ง
ความเห็น
ประไพ ทองเชิญ
21 เมษายน, 2011 - 15:17
Permalink
คนยอง ลองทำเคยปูกันดูมั้ย
กะปิปลา กะปิกุ้ง เขาทำขายกันไม่ทัน มีปูเลเยอะลองดู ไอเดียบรรเจิด55555
สบายดีนะน้อง กะปิหรอยอย่างแรง เอามาผัดกับข้าวกินแล้ว คิดถึงทุกคนนะ
คนยอง
21 เมษายน, 2011 - 15:40
Permalink
พี่หยอย
สบายดีครับพี่
ทุกคนประทับใจบรรยากาศที่พัทลุงมากเลยครับ
ตอนนี้คงโม้หมดน้ำลายกันไปหลายโอ่งแล้ว
นกฮูก
21 เมษายน, 2011 - 10:14
Permalink
พี่หยอย แกงปู
บ้านฮูกเค้าก็ทำแกงปูไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร แต่ใสผักขะแยงด้วย ใส่มะขามเปียกแก้เลี่ยน ด้วยอร่อยดีค่ะ ฮูฏก็ทำเป็นแต่ไม่มีปูนาให้ทำ ไปดีกว่าอยู่นานยิ่งหิวข้าวแล้ว
"ขอบคุณน้ำใจที่แบ่งปัน ขอบคุณบ้านสวนพอเพียง"
ประไพ ทองเชิญ
21 เมษายน, 2011 - 15:13
Permalink
เขาเรียกมอบปูคู่ผักริ้น นกฮูกเหอ
ขอบใจที่เข้ามาชม
intorn
21 เมษายน, 2011 - 11:13
Permalink
หูยยยย มักหลาย ๆๆๆๆ
หอมมมมม มาถึงภูเก็ต เลยเนาะ แกงปู....เอามาโยนใส่กองไฟ แล้ว เกาะกระดอง ซดน้ำมันปู เคี้ยว เนื้อ กร๊อบ ๆ ก้อหร่อยครับ 55+++ โหดไปไหมนิเรา
ชีวิตอยู่ได้ ด้วยความพอเพียง และ เพียงพอ
MSN : it_lover@hotmail.com
ประไพ ทองเชิญ
21 เมษายน, 2011 - 15:12
Permalink
คุณintorn ร้องเหมือนถูกแม่ปูหนีบ5555
แบบที่ว่าหาโอกาสทำกินยากแล้วน้องเหอ ภูเก็ตน่าจะยังปูเลโยนเข้ากองไฟเนาะ
BeeFuu
21 เมษายน, 2011 - 11:48
Permalink
พี่หยอย
อยากกินปูต้มเกลือ ซดน้ำหวาน ๆ คงจะอร่อย ๆๆ :waiting:
"ความสุขของชีวิตในวันนี้ คือทำตามวิถีพอเพียงของพ่อ"
ประไพ ทองเชิญ
21 เมษายน, 2011 - 15:08
Permalink
Bee Fuu
ต้องช่วยกันทำนา จะได้มีปูต้มกิน
lekonshore
21 เมษายน, 2011 - 16:22
Permalink
พี่หยอยค่ะ
มีนิทานนมนานกาเล ปูนาขาเกตัวใหญ่สะไม่มี เอามือไปจับปูก็งับทันที จะทำยังไงเอาไม้ไล่ตี ๆ ก็ตีไม่ถูก ๆ แต่ไม่ตั้งใจตี............:embarrassed:
น่าหรอยจัง แต่ว่าเล็กอีแพ้ปูม้ายล่ะ
msn:lekonshore@hotmail.com
ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก จงมีความสุข สนุกกับชีวิต อย่ามัวคิดอิจฉาใคร
อัญชณา
21 เมษายน, 2011 - 16:26
Permalink
พี่ประไพ
ป่นกะปูนา (น้ำพริก) ยิ่งแซบค่ะ...
หน้า