ทำไมคนส่วนใหญ่จึงละทิ้งวิถีพอเพียง.....
นั่งทำงานไป คิดไป ประกอบกับเดือนนี้ ว่าง ถึง ว่างมาก เพราะ ผลกระทบจาก สึนามิ ที่ญี่ปุ่น ทำให้ ทาง บ.ผู้ผลิตรถยนต์ ปรับลดกำลังการผลิต เพราะไม่มีชิ้นส่วนที่ประกอบ แต่เดือนหน้าจะเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว เตรียมตัวเหนื่อยอีกแล้ว สิเรา .... งั้นเดือนนี้ ก็ขอนั่งเล่นให้สบายอารมณ์ ก่อนแล้วกันนะ ขอระบายเรียงร้อยถ้อยคำเป็นอักษร อาจจะใช่ หรือ ไม่ใช่ ถูกผิดอย่างรัย ก็ขออภัยไว้ ด้วยครับ
ทำไมคนส่วนใหญ่จึงละทิ้ง วิถีพอเพียง .... ถ้าถาม หลาย ๆ คนคงจะบอกว่า "ก็เพราะความ ไม่รู้จักพอ " ใช่ครับ ความไม่รู้จักพอ นี่เองเป็นตัวการสำคัญ ที่ทำให้ คนละทิ้งถิ่นฐาน บ้านเกิด บางคน ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า "พอเพียง" คืออะไร แต่เพื่อน ๆ สมาชิก ในนี้ คงจะเข้าใจกันดี .... แต่อะไรละ ที่ทำให้คน ไม่รู้จักพอ .... ให้คิดนิดนึง ว่าแต่ละคนจะมีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างไร ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น เหล่านี้ใช่ไหม ที่ทำให้ไม่รู้จักพอ ถ้าใช่ งั้นก็แสดงว่า "ความอยาก" ใช่ไหม ที่ทำให้เกิดปัญหานี้ขึ้น .... แล้วอะไรละ ทีทำ ให้คนเกิดความอยาก เกิดกิเลส ปุถุชน คนธรรมดานี่ ไม่ใช่พระอรหันต์ ที่จะตัดขาดได้ทุกสิ่ง ทุกอย่าง .... สำหรับผม มองว่า "การศึกษา และ วัฒนธรรม" คือ สิ่งสำคัญ ที่สุด ทีทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น จำกันได้มั้ยครับ ตอนเด็ก ๆ ผมเชื่อว่า หลาย ๆ คน คงจะเคยได้ยินคำนี้ "ตั้งใจเรียนนะลูก โตขึ้นจะได้เป็นเจ้าคนนายคน ได้ทำงานดี ๆ มีเงินเดือนใช้ " แม้กระทั่งในโรงเรียน ครู ก็จะบอกแบบนี้ ..... น้อยมากครับ ที่เราจะได้ยิน " ตั้งใจเรียนลูก โตขึ้นจะได้เป็นนายตัวเอง ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างเขา จะได้อยู่อย่างพอเพียง" .... เราถูกปลูกฝัง มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วครับ ว่าให้เรียน เพื่อไปเป็นลูกจ้าง เพราะฉะนั้น ส่วนใหญ่ เรียนเมื่อเรียนจบ ก็ต้องออกจากบ้าน ทิ้งถิ่นฐาน หางานทำ ละทิ้ง ความพอเพียง เพื่อต้องการ ไปเป็นเจ้าคนนายคน เพื่อต้องการมีเงินเดือนใช้ แล้วเป็นงัยครับเมื่อได้ตามที่หวัง ตามที่ฝัน วัฒนธรรม การใช้ชีวิต ก็เปลี่ยนไป เหมือนจิ้งจก ที่เปลี่ยนสีไปตามพื้นที ที่เค้าอยู่ เป็นสิ่งที่ดีครับ ที่เราปรับตัวตาม แต่ ..... การปรับตัว ตามไปนั้น ใช่สิ่งที่ถูก หรือไม่ ใช่สิ่งที่ควร หรือ ไม่ สุดท้ายก็ติดอยู่ในวังวน เหมือนเขาวงกต ที่หาทางออก ไม่เจอ ..... บางคนเห็นทางออก แล้วก็ วิ่ง พรวดออกไปเลย ด้วยความที่ ไม่ไหวแล้ว ออกไปได้ก็สบาย อาจจะมีล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่มันก็คือประสบการณ์และรสชาดของชีวิต ..... บางคนเห็นทางออกแล้ว ก็ยังกล้า ๆ กลัว ๆ ค่อย ๆ ก้าวออกไปจนพ้น แต่ก็ต้องยอมทนทุกข์ ทรมาน อยู่ในเขาวงกต ระหว่าง ก้าว ออกไป ......บางคน อาจจะมองเห็นแสงสว่างทางออก อยู่ไกล ๆ ก็คิดว่า ไกลเกินไป ฉันไม่ไปแล้ว ยอมติดอยู่ในนี้แหละ ....(ซึ่งผมคิดว่าส่วนใหญ่ จะอยู่ตรงนี้ นี่คือเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้ เกิดการละทิ้งถิ่นฐาน บ้านเกิด ปล่อยให้ที่รกร้างว่างเปล่า สุดท้าย ก็ตกไปเป็นของนายทุน)....แล้วคุณละครับ วันนี้ กล้าที่จะ ก้าว แล้วหรือยัง ไม่ว่าจะเป็น ก้าว อย่าง ช้า ๆ หรือจะกระโดด ออกไป แค่ขอให้มีก้าวแรก ก็จะมี ก้าว ที่ สอง สาม สี่ ห้า ...... ตามมา แล้วเราก็จะเดินเป็น แต่ถ้าไม่กล้าที่จะมีจะมีก้าวแรก ก็อย่าหวัง ว่าจะมี ก้าวที่สอง ตามมา แล้วเราก็จะเดินไม่เป็น ......
มาเถิดครับ เรามาก้าว ออกจากเขาวงกต ไปด้วยกัน อาจจะช้าบ้าง เร็วบ้าง เพื่อไปอยู่อย่าง พอเพียง ผมเชื่อว่าทุกคนที่ได้เข้ามาในบ้านหลังนี้ คงจะได้รับความ อบอุ่น เหมือนที่ผมได้รับ และผมเชื่อว่า เพื่อน ๆ ในนี้ คงไม่มีทิ้งกัน เราจะเดินไปด้วยกันครับ ....
ขอบคุณครับ
ธนาวิทย์
- บล็อกของ Thanawit
- อ่าน 3619 ครั้ง
ความเห็น
เสือน้อย
11 พฤษภาคม, 2011 - 10:41
Permalink
ไม่เฉพาะคนไทยหรอกครับ
ไม่เฉพาะคนไทยหรอกครับ ระแวกบ้านเราเป็นกันหมดครับ เพราะเราไม่หลงไหลทุนนิยม ซึ่งสอนให้คน ทำงานได้อย่างเดียว เช่นเข้าทำงานก็สอนให้ขันน็อตได้ตามที่เค้ากำหนด งานอื่นทำไม่เป็น ของอย่างอื่นต้องซื้อหมด ยิ่งซื้อทุนนิยมก็ยิ่งโต นายทุนก็ยิ่งรวย คนจนก็ยิ่งจนลง อีกอย่างก็มักจะมีการเปรียบเทียบแข่งขันกันว่าใครจะมีของดีกว่ามีมากกว่า โดยไม่ได้สนใจเลยว่าไอ้ของที่มีที่ซื้อมานั้นมันจำเป็นกับตัวเองมั้ย บางคนเสื้อผ้าเต็มแน่นตู้จนพวกหนูพวกแมลงสาบเข้าไปอยู่ไม่ได้บางชุดใส่ครั้งเดียว แต่ก็อย่างว่าแหละครับ นานาจิตตัง ส่วนตัวผมเริ่มวางแผนเกษีณแล้ว กะว่าใช้ทุนบริษัทหมดเมื่อไหร่ก็จะออกแล้วครับ ผมเองก็หลงทางไปเกือบครึ่งชีวิตเหมือนกันครับ อิอิ
ลุงแอ้ด
11 พฤษภาคม, 2011 - 11:03
Permalink
ผมว่าค่อยๆคิดดีกว่านะครับ
ผมว่าค่อยๆคิดดีกว่านะครับ อย่าเพิ่งสรุปอะไรว่าถูกหรือผิด คนเรามีโอกาสเลือกว่าจะใช้ชีวิตแบบไหน ไม่สร้างปัญหาให้สังคมก็ใช้ได้แล้วครับ ถือศีลห้าให้ได้ทุกวัน ก็ใช้ได้แล้วครับ ส่วนตัวผมเองก็ละทิ้งบ้านเกิดมาอยู่ไกลถึงอเมริกา แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิด ในแต่ละวันมีแต่ความยุ่งยากในการงาน แต่เราก็ทำในสิ่งที่เรารัก และก็เสียสละเพื่อสังคมไม่มากก็น้อย ก็พอใจแล้ว
Take it easy!!
Thanawit
11 พฤษภาคม, 2011 - 11:42
Permalink
ใช่ครับ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ
ใช่ครับ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ศีลห้า และไม่มีอะไรถูก อะไรผิดครับ เพียงแต่ ให้ข้อคิด กับ สิ่ง ที่หลาย ๆ คน (รวมทั้งตัวผมเองด้วยครับ) กำลังหลงไป นั่นก็คือ ทุนนิยม อย่าง พี่เสือน้อย ว่า ทุกคนก็ย่อมทำในสิ่งที่ตัวเองรัก แต่ อย่าให้หลงไปกับ ทุนนิยม จนหาออก ไม่เจอ เข้ามาสู่ความพอเพียง กันเถอะครับ พอหรือ ไม่ ใจเราเท่านั้น ที่ตอบได้ ....พอเพียง ไม่ได้ จำกัดอยู่แค่การเป็นเกษตรกร เท่านั้น ....แต่ พอเพียง สามารถใช้ได้ กับทุก ๆ คน ไม่ว่าอยู่ในฐานะ อาชีพ อะไร ....
เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"
แดง อุบล
11 พฤษภาคม, 2011 - 10:58
Permalink
คิดให้ดี
ค่อย ๆทำไป คิดดูให้ดี คิดให้รอบคอบค่ะ
"เชื่อในผล แห่งการทำความดี"
พุทธชน ศ.พุทธทาส
11 พฤษภาคม, 2011 - 11:00
Permalink
สวัสดีครับ ลุงแอ็ด และคุณเสือน้อย รวมทั้งคุณธนวิทย์ด้วย
ผมน้องใหม่ครับ ขอทักทายด้วยคน ผมเห็นด้วยกับที่แต่ละท่านว่า และที่ลุงแอ็ดบอกนั้น ศีล 5 สำคัญ ผมเสียศีล 1 ข้อหลักๆเลย (สุรามาเป็นระยะตลอด) แต่ข้ออื่นผมทำได้สบายมาก
สายพิน
11 พฤษภาคม, 2011 - 16:27
Permalink
คุณธนาวิทย์
คุณธนาวิทย์ เป็นไปได้ไหมว่าบางทีอาจลืมลิ้มรสผลไม้ชื่อพอเพียง ...หากว่าได้ลิ้มรสชาติแล้วจะประทับใจแล้วก็คงได้เริ่มลงมือปลูกความพอเพียงในหัวใจกันนะคะ ...
ผลไม้รสชาติใหม่ๆ(ที่จริงแล้วเป็นผลไม้ทรงคุณค่า รสชาติเยี่ยม ที่อาจมีมายาวนาน)บางทีก็ต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์บอกวิธีรับประทาน ... บอกคุณค่าประโยชน์เหมือนอย่างกับว่าเป็นสมุนไพรสักอย่างหรืออะไรก็ได้น่ะค่ะ ที่เป็นสิ่งทรงคุณค่าแก่ชีวิต ... แต่อย่างน้อยๆ ในชีวิตเมื่อมีสักครั้งที่ลิ้มรสชาติ ประทับใจ ไม่ลืมเรื่องความพอเพียงแล้ว สักวันนะคะ วิถีพอเพียงคงได้กลับมาเป็นวิถีชีวิตประจำวัน ... คงมีหลายท่านที่อยากเดินตามวิถีพอเพียง แต่บางทีกระแสการประชาสัมพันธ์หลายๆอย่างที่ไม่ชวนให้พอเพียงก็พาหลงทางได้เยอะ เหลือแต่ตัวเราเองที่จะปลูกต้นพอเพียง ให้ผลพอเพียง ที่จะแบ่งปันผู้คนที่เดินเข้ามาในชีวิตเราในแต่ละวัน...
...ดีเลยนะคะ ได้ช่วยกันตั้งประเด็นเอามาคิด ...
คนยอง
11 พฤษภาคม, 2011 - 17:19
Permalink
ทำไม
ผมเห็นด้วยกับข้อความที่เขียนนะครับ
ขึ้นอยู่กับ ใครจะคิดได้เร็วกว่ากัน
คิดได้ก่อน ก็วางแผนเตรียมตัวที่จะหลุดพ้นได้ก่อน
เม mopa
11 พฤษภาคม, 2011 - 18:02
Permalink
มองต่างมุม
เพราะความสุขของคนเราไม่เหมือนกันไงค่ะ ตอบไม่ได้หรอกว่า ความคิดไหนที่ถูกหรือผิด ความพอเพียงของเเต่ละคนไม่เหมือนกัน
ถ้าทำการเกษตรคือการพอเพียง เมก็คงจะเป็นคนที่ไม่รู้จักพอ เพราะทั้งชีวิตเมก็ยังไม่เคยเป็นเกษตกรกับเค้าเลย
เเต่ เมไม่เคยใช้เงินเกินตัว ตลอดชีวิตที่ทำงานมา ไม่เคยต้องหยิบยืมใคร ไม่มีก็ไม่ใช้ มีน้อยก็ใช้น้อย มีมากก็ฟุ่มเฟือยกับเรื่องไร้สาระไปบ้าง เมยังฟุ่มเฟือยกับโน๊ตบุคดีๆ กล้องถ่ายรูปดีๆ ทั้งๆที่ไม่มีมันก็อยู่ได้ ..
เม ไม่อยากเอาชีวิตไปผูกติดกับอะไรที่ถูกหรือผิด เพราะเมเชื่อเสมอว่า ถ้ามันเป็นความสุขของเรา เเละไม่ทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ เเค่นั้นมันก็คุ้มเกินคุ้มเเล้วที่ได้เกิดเป็นมนุษย์
การพอเพียงสำหรับเมเเล้ว คือการได้มีชีวิตอย่างมีความสุขทุกวัน มันไม่ได้อยู่ที่เราจะทำอะไรถึงจะมีความสุข เเต่มันอยู่ที่เราจะหาความสุขจากสิ่งที่เราทำยังไง มองต่างมุมบ้าง บางครั้งชีวิตมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ..ถ้าใจเรามีความพอเพียงกับชีวิต ไม่ว่าเราจะยืนอยู่ตรงไหน..เราก็จะเจอเเต่ความสุขค่ะ
:cheer3:
Thanawit
12 พฤษภาคม, 2011 - 07:20
Permalink
ใช่ครับ ความ พอเพียง พอพูดถึง
ใช่ครับ ความ พอเพียง พอพูดถึง คำนี้ ส่วนใหญ่ คนจะมอง ไปถึง ทำสวน ทำไร่ ปลูกผัก ปลูกหญ้า ..... แต่จริง ๆ แล้ว ความพอเพียง ไม่ได้ จำกัดสาขา อาชีพ และวัฒนธรรม ทุก ๆ คนสามารถ เข้าถึง ความพอเพียง ได้ ..เพียงแค่ถามใจ ตัวเอง แล้วตอบ ให้ได้แค่นั้นเอง....
เมื่อรู้สึกว่ากำลังแย่ จงให้กำลังใจตัวเอง ด้วยการคิดว่า "ยังมีคนอื่นที่แย่กว่าเราอีก"
สร
11 พฤษภาคม, 2011 - 19:02
Permalink
ใครเอาเนยแข็งของฉันไป
คุณธนาวิทย์ พูดถึงเขาวงกต ทำให้นึกถึงหนังสือ"ใครเอาเนยแข็งของฉันไป"
เรื่องนี้...ตกลงจะสรุปว่าอย่างไรดีล่ะ...จะโทษใครดี รัฐบาล นายทุน หรือพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือจะโทษตัวเอง ดูแล้วทุกฝ่าย ส่งผลต่อสิ่งที่เป็น จะโทษคนหรือโทษระบบดี:confused:
คนเป็นผู้กำหนดระบบ ระเบียบ แบบแผนในการดำรงชีพ หรือพวกเราจะอ่อนแอเกินไป ทั้งกำลังความคิดและอะไรหลาย ๆ อย่าง จึงทำให้ถูกรุกรานจากระบบทุนนิยม ใครรู้ตัว รู้เท่าทันก่อนก็ย่อมได้เปรียบ ในการเริ่มต้นใช้ชีวิตบนพื้นฐานแห่งความป็นจริงมากขึ้น
ตกลงค่ะ...คุณธนวิทย์ จับมือกันเถอะ...เราจะไม่ทอดทิ้งกัน(คงไม่ถึงกับตั้งพรรคการเมืองหรอกนะ:uhuhuh: )
sorn07(แอ๊ด)gmail(ดอท)com
หน้า