“รักษ์ชาวนา รู้คุณค่า รู้คุณข้าว”จาน๑
“ถามจริงเถอะ...ทำไมพวกมึง ถึงไม่กินข้าวให้หมดจานกันว่ะ”
“ประมาณ โว้ย ประมาณ..ไอ้เอก ผู้ดีเค้าก็กินกันแบบนี้แหละ เค้าเรียกว่า ทานแบบผู้ดีๆกัน อิอิ..”
เอก นักเรียนชั้นม.ปลายปีสุดท้าย เพิ่งย้ายมาอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้เมื่อต้นเทอมที่ผ่านมา เพื่อสะดวกและลดค่าใช้จ่ายระหว่างบ้านกับโรงเรียน ไม่ต้องกลับบ้านเฉพาะเย็นวันศุกร์เหมือนตอนอยู่โรงเรียนตัวเมืองหลักแบบเก่า แม้นจะเป็นโรงเรียนใหม่ แต่เทศบาลเล็กๆแห่งนี้ก็คือถิ่นบ้านเดิมของเขา เนื่องจากเอกเกิด โตและเรียนหนังสือที่นี่ และเพื่อนในกลุ่มที่คบกันอยู่ตอนนี้ ก็เป็นเพื่อนในตลาดที่เคยเรียนกันมาก่อนตั้งแต่ตอนมัธยมต้น จึงสนิทกันพอที่จะขึ้นมึงขึ้นกูกันได้อย่างสนิทปาก สนิทใจ
แม้จะสังเกตสังกามานานพอควรในทุกๆเที่ยงของวัน แต่วันนี้ความรู้สึกของเขาก็เร่งเร้าให้รู้แจ้งกับพฤติกรรมจำเจของเพื่อนๆแต่ละคน ซึ้งต่างจากเดิมก่อนหน้านี้ที่เขาเคยรู้จักกันมานานปี
“ไอ้เอก กูไม่ได้ว่ามึงเป็นผู้ร้ายนะโว้ย...แต่มึงก็ลองเอาอย่างพวกกูบ้างก็ได้นะ แล้วมึงจะเข้าใจในความรู้สึกที่พวกกูเป็น”
“มันรู้สึกดีออก มึงเห็นสาวๆพวกนั้นไหม นั่นมันอีกแนวกับพวกกู อันนั้น มันเพื่อสุขภาพที่ดี เค้าจะมองว่า พวกหล่อนเหล่านั้น ใส่ใจตัวเอง ดูแลหุ่น รักสุขภาพ มีฟอร์มจริต มีความฉลาดทางร่างกาย มึงดูดิ ดูดิ สวยไหมๆน่านนน...หันมายิ้มแล้ว เห็นมะ เหวววววว..”
เอกหันมองไปดูและยิ้มตอบกลุ่มนักเรียนร่วมรุ่นที่กำลังผละลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารไป โดยทิ้งข้าวส่วนที่เหลือกินอยู่ประมาณแค่สองสามคำของพวกเธอไว้ข้างจาน ซึ้งหากเอาของแต่ละคนทั้งโต๊ะมารวมกันก็คงจะได้อีกสักจานเป็นอย่างน้อย ซึ้งก็คงจะพอให้ใครอีกสักคนกินอิ่มได้อย่างสบาย มันเหมือนกับภาพแต่ละจาน ที่ตั้งวางร่วมโต๊ะกับเขาในตอนนี้
ทำไมไม่แชร์ตังค์กันซื้อ แค่สี่จานนะ แล้วส่วนที่คาดว่าจะเหลือ ก็แบ่งมาให้อีกคนหนึ่งกิน ประหยัดดีออก สี่คนซื้อ ห้าคนกิน คงน่ารักไปอีกแบบ
หรือว่านี่คือพฤติกรรม การแสดงออกที่เป็นสัญลักษณ์ เพราะแม้จะแบ่งแล้วดั่งว่า แต่ก็คงจะดำรงเหลือเพื่อฝากลายเช็นไว้เป็นเอกลักษณ์ในจานอยู่ดี เพื่อให้คนอื่นเห็น ให้คนอื่นมองถึงความเป็นลักษณะเฉพาะของความมีเจตคติผู้ดี อย่างไอ้สมว่ากระนั่นหรือ
ที่ไม่โลภ ไม่ยึดติด เหลือเอาไว้ก็ไม่เป็นไร อาจมีหมู มีไก่ ได้รับอานิสงค์จากเจตนานี้ หรืออาจจะเหมือนที่บ้านที่แม่มักเอาเศษอาหารที่เหลือก้นหม้อไปให้ไก่ ให้ปลาที่เลี้ยงเอาไว้ได้กินเป็นอาหาร
“ไอ้เอก ไอ้เอก อึ้งมองสุดตาเลยนะมึง...เห็นฉาวๆยิ้มให้หน่อยเป็นไม่ได้เลยนะ นั่นมันมือคฑา ดาวโรงเรียนเลยนะโว้ย..”
สม เอ่ยปากแทรกเข้ามาในขณะที่ช่องหลากทางความคิดของเอกกำลังเริ่มเปิดอ้า และพร้อมแล้วที่จะรับฟัง
“มึงรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร ไอ้เอก” เจ้าสมลูกเถ้าแก่โรงสีถือโอกาสฝอยต่อ เมื่อเห็นเอก เริมที่จะ ออ เออ
“มันทำให้เรากลายเป็นคนที่เรารู้จักประมาณ ไม่โลภ ไม่มากไป มันคือการกิน เพื่อแค่พออยู่ได้ ไม่ใช่การกินเพียงเพราะสนองตัณหาความใคร่อยาก นี่คือสัญลักษณ์ของผู้ดี ของคนที่บอกกับตัวเองว่ามีวัฒนธรรม ค่านิยมของสังคมที่เจริญมั่งคั่ง ที่เราเป็นอยู่นี่ไง...”
หลักการ หรือหลักกู ไม่รู้ แต่ตอนนี้มันถูกกางไว้บนโต๊ะ โดยมีเพื่อนในกลุ่ม นั่งฟังอย่างยอมรับในเหตุผล ที่สมนำขึ้นมาวาง ก่อนผละมือไปหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบนิดหน่อย เหมือนดั่งจะให้คำอธิบายมันคลานขึ้นมาอย่างคล่องคอขึ้นในช่วงอึดใจหน้า แต่มันก็เหมือนกับเว้นช่วงจังหวะที่สำคัญให้ ไอ้ตั้ม ลูกนายกเทศบาลได้เก็บตก สอดแทรกร่วมแจมขึ้นมากลางลำ ก่อนที่แก้วน้ำของไอ้สมจะทันได้วางก้นซะอีก
“มึงเคยเห็นไหม เด็กๆที่เจอรถไอศกรีมนะ ได้มาแล้วดูดแม้นแต่ด้ามไม้ที่เหลือ แล้วยังอมอีกครึ่งวันกว่าจะยอมทิ้ง เหมือนมึงเลยที่กวาดเกลี้ยงทุกวัน ขาดแต่ที่กูยังไม่เห็นตอนมึงจะเลียจาน”
คำพูดของตั้ม ที่ขับเน้นเหมือนมันจะพยายามให้เอกมองเห็นภาพ โดยมี ไอ้ดวง ไอ้ดม สองพี่น้องคู่แฝดลูกเจ้าของร้านชำในตลาด ร่วมหัวเราะอย่างออกรสเมื่อคำสุดท้ายของประโยคถูกกล่าวจบ
เอกรู้สึกอับอายขึ้นในใจเล็กน้อยกับคำว่าเหลือแต่จะเลียจาน แต่ก็ยังเจื่อนหน้าหัวเราะไปกับหมู่เพื่อน อาจจะจริงนะที่การกินหมดเป็นเรื่องของคนที่อดอยาก คนตะกละ คนที่ไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักประมาณตนเอง อาจเป็นเรื่องของเด็กที่มีความอยากเป็นปฐมอย่างเจ้าตั้มว่า โดยเฉพาะเมื่อเวลาพบเจอขนมหวานและไอติม
พอประมาณ พออยู่พอกิน เอกรู้สึกคุ้นๆกับคำๆนี้จากหนังสือที่ชั้นวางของพ่อ และจากรายการโทรทัศน์ ที่พ่อมักจะนั่งดูนั่งฟังอยู่เป็นประจำเหมือนผ่านหู หรือนี่คืออีกพฤติกรรมหนึ่งแห่งความประมาณนั่นกระมัง แต่เท่าที่พวกมันกล่าวมาก็มีเหตุผลนะ หรือว่าจะลองทำตามดูสักครั้ง แล้วค่อยๆดูว่ามันเป็นอย่างไร มันก็ไม่น่าจะเสียหายอะไรนี่นะ เหลือไว้หมู แมว หมาไก่ ก็ได้กินเหมือนเป็นการเผื่อแผ่ล้างตระหนี่ไปอีกแบบ ก็ไม่เห็นว่ามันจะผิดตรงไหน อีกอย่าง คนที่ทำแบบนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะดูดีกันแทบทุกคน
แต่ว่าเอาไว้ค่อยตัดสินใจกันอีกที เอกคิด
- บล็อกของ มานี มานะ วีระ ชูใจ
- อ่าน 4896 ครั้ง

ความเห็น
สาวภูธร
14 มิถุนายน, 2011 - 12:29
Permalink
กินหมด
ที่บ้านทำนา รู้ว่ามันลำบาก ก็เลยชิน ต้องกินข้าวให้หมดทุกเม็ด :pointing: :pointing:
RUT2518
14 มิถุนายน, 2011 - 16:47
Permalink
กว่าจะได้มา
แต่ละเม็ด ต้องรู้คุณค่าครับ กินไม่ให้เหลือติดจาน
หน้า