ความรู้สึกของคนทำงานประจำที่โหยหาอิสรภาพ ความสุข ให้กับชีวิต

หมวดหมู่ของบล็อก: 

       จากที่เริ่มทำงานมาถ้านับจำนวนปีก็ประมาณ 14 ปี ตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา ในชีวิตเจอวิกฤติเศรษฐกิจแล้วสองครั้ง คือ ต้มยำกุ้ง  และ แฮมเบอร์เกอร์  แล้วปี 2560 อีก 6 ปี มันน่าจะหมุนกลับมาอีก  ณ ตอนนั้นเราก็อายุปาเข้าหลักสี่ ด้วยความรู้สึกอย่างนี้ มันทำให้เรานึกหาอาชีพสำรองไว้ ถ้ายังต้องทำงานประจำอยู่ต้องเจอแน่ ๆ เลยทำให้ตัวผมเองหันกลับไปมองอาชีพของบรรพบุรุษ ของพ่อแม่ที่เคยทำมาคือ เกษตรกร ถึงแม้จะเจอปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ เขาก็ยังอยู่ได้ ไม่ได้กระทบอะไรมากที่สำคัญความสุขที่ชีวิตไม่ต้องเจอกันพันธนาการเหมือนอาชีพงานประจำที่ผมทำอยู่ ต้องขอขอบพระคุณที่ผมเองเกิดมาจากลูกชาวนา ที่พ่อแม่ตั้งใจส่งเสียให้ร่ำเรียนให้จบปริญญา เพื่อให้ลูกมีอาชีพที่มีเกียรติ แต่เกียรติบางทีมันกินไม่ได้ครับ อาหารการกินมันสำคัญกว่าเพราะมันต้องกินทุกวัน...ตั้งใจภายใน 4 ปีจะเป็นเกษตรกรเต็มตัวให้ได้


ภาพท้องทุ่งฤดูกาลปี 53


นาข้าวปี 53






 


อาณัติ  คำสม


http://facebook.com/Art2518


http://art2518.blogspot.com/


 

ความเห็น

:whistling: :whistling: ได้อ่านแล้วก็นึกถึงตัวเองเหมือนกันคะ มีงานประจำทำเป็นเวลา บางวันไม่อยากมาทำงานเลย เพราะเพลินกับการปลูกผักข้างบ้าน ก็พอที่จะได้กินได้แจกจ่าย ตอนนี้งานเกษตรเป็นอาชีพที่ 2 หลังเลิกงานก็กลับไปทำ เสาร์อาทิตย์ มีเวลาให้เท่าที่มี แต่บั้นปลายชีวิต คิดเอาไว้แล้วว่าต้องอยู่กับเกษตร ปลูกอะไรก็กินอย่างนั้น  เป็นกำลังใจให้คะ :cheer3: :cheer3:

บ้านสวนแห่งนี้...มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่โหยหาอิสรภาพเยอะเลยค่ะ...เข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันบ่อย ๆ นะคะ

เย้ายวนใจให้ไปหา ความสุขเล็กๆของลูกหลานชาวนา อย่างเรา....เอาใจช่วยคร้าบบบบบ

ท้องทุ่งเขียวขจี ...สดใสสดชื่น...เป็นเกษตรกรก็มีความสุขได้ มั่งคั่งได้ มาเป็นคนร่วมอุดมการณ์เดียวกันครับ...

"จะปลูกทุกอย่างที่กิน จะกินทุกอย่างที่ปลูก"

จะทำอาชีพเกษตรกร...ให้เป็นอาชีพที่คนอยากทำ อยากเป็นมากที่สุดร่วมกันครับ

ปี40 เป็นปีที่โหดร้ายสำหรับมนุษย์เงินเดือนมาก พี่ก็ลาออกจากงานหลังจากนั้น 2 ปี เพราะทนกับการต้องเอาพนักงานออกทีละคนสองคนจนเป็นร้อยๆคนไม่ไหว ฝันร้ายทุกคืนเพราะมีน้องๆพนักงานมานั่งร้องไห้ที่ห้องทำงานพี่แทบทุกวัน บางคนถึงขนาดก้มลงกราบเพื่อขอให้ช่วย เครียด..สุดท้ายก็ออกมาทำอะไรที่อิสระ แล้ววางแผนที่กลับมาใช้ชีวิตสีเขียว ไม่ใช่เพื่อการเลี้ยงชีพแต่เพื่อการเลี้ยงชอบตะหาก

แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย

คนอื่นเขาเจอวิกฤตกันปี40 แต่พี่เจอทุกปีเลยทำงัยดีล่ะ ชักเบื่อชีวิตแล้ว

แผ่นดินไหนก็ไม่มีความสุขเหมือนแผ่นดินเกิด อยากกลับบ้านจัง

ทดสอบ

ผมว่าอีกไม่นานพี่ก็หลุดพ้นเหมือนผมแล้ว..หากลูกเรียนจบมีครอบครัวและช่วยตัวเองได้ (ลูกพี่ก็แต่งแล้วไม่ใช่หรือครับ คงเหลืออีกคนใช่มั๊ยถ้าจำไม่ผิด) เราก็ทำเพียงเพื่ออยู่ไปวันๆไม่ต้องดิ้นรนมากมาย ดูแลสุขภาพตัวเอง ให้รางวัลกับชีวิต ผมกำหนดแค่ลูกทำงานไม่ต้องรอให้ถึงลูกแต่งงาน ผมถือว่าผมจบภาระหน้าที่แล้ว คอยเป็นแค่ที่ปรึกษา ดูอยู่ห่างๆ..โชคดี..ก็อาจได้เลี้ยงหลาน ทำสวนทำไร่ที่พอแรงกายทำได้ ใช้ชีวิตเรียบง่ายปลีกวิเวกจากสังคมที่วุ่นวาย..นั่นแหละฝันของผม เหลือกอีกปีสองปีเอง หากพี่กลับมาเกษียนที่เมืองไทย ผมว่าชีวิตน่าจะมีความสุขกว่านะครับ อาหารการกินอุดมสมบูรณ์ถูกปากกว่าด้วย

แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย

ฟ้าหลังฝนจะสดใสเสมอ..มาเป็นกำลังใจค่ะ     :love:

sudjai_waitong@hotmail.com
     0805401058

ขอขอบคุณ พี่หยอยครับ ถ้ามีโอกาสได้ไปสกลอีกแจ้งข่าวด้วยเด้อ

  

และขอขอบคุณทุกกำลังใจ ผมต้องเรียนรู้จากพี่ ๆ ใน สมช.ทุกคนครับ ขอสมัครเป็นศิษย์กับครูในหมู่บ้านทุกท่านนะครับ

หน้า