บ้านสวนพอเพียง & โฆษณาบัตรเครดิต

หมวดหมู่ของบล็อก: 

ปกติป้าไม่ค่อยได้ดูทีวี หรือดูละครหรอกนะ แต่เด๋วนี้ก็ดูบ้าง ได้เห็นโฆษณาบัครเครดิตหลายตัว เห็นแล้วมีความคิดที่ว่า เดี๋ยวนี้เค้าชวนคนให้เป็นหนี้เป็นสินกันง่ายแบบนี้แล้วหรอ ไม่ต้องทำงานมาก ไม่ต้องเหนื่อยมาก ไม่ต้องรอ.... รูดปื๊ด รูดปื๊ด 

ป็าไม่มีหรอกไอ้บัตรเครดิตนั้นน่ะ เพราะป้ามีฐานะ....ยากจน 5555+ จิงจิงนะ  ป้ายอมรับนะว่าเมื่อก่อนป้าก็ใช้ แต่ใช้ตามกำลัง เดี๋ยวนี้ในกระเป๋ามีบัตรเดบิท ใบเดียว  ถึงจะมีเงินอยู่ไม่มาก ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร บ้านก็เช่าเค้าอยู่ที่โคราช แต่ป้ามีบ้านอยู่ที่กทม. ป้าคิดว่าป้าไม่ไปอยู่แล้ว ป้าเบื่อกทม.

แต่ด้วยความคิดที่อยู่แบบพอเพียง ไม่จำเป็นไม่ซื้อ ไม่คิดสร้างหนี ไม่มีก็อด ไข่มี มาม่าได้ พอแล้ว ไม่กระเสือกกระสน แถมตอนนี้ ป้าได้เข้ามาบ้านสวนพอเพียง บ้านที่ป้าเช่าอยู่มีพื้นที่ว่างเยอะพอสมควร ทำให้ป้าได้ปลูก อะไรที่เราไม่ต้องไปซื้อไปหามา ได้กินโดยไม่ต้องซื้อ อยู่แบบสมถะ กับลูก 2 คน 

ตอนนี้ก็สบายใจดี ถึงเราไม่มีอย่างใครเค้า ก็มีความสุขในระดับนึง ไม่ต้องดิ้นรนไขว้คว้าให้เกินกำลัง 

ป้าขอบคุณบ้านสวนพอเพียง และเพื่อนสมากชิกในบ้านนี้ ที่ทำให้ป้าได้รู้จักกับความสุข จากน้ำใจเพื่อนสมช ถึงป้าจะพึ่งเข้ามาเป็น สมช.บ้านนี้ ถึงป้าจะยังไม่ได้รับอะไรมากมาย แค่ป้าได้เห็น น้ำใจ จากคนหนึ่งถึงอีกคน ป้าก็มีความสุขแล้ว...จิงจิง

ความเห็น

ผมทำบัตรเครดิต มาตั้งแต่ปี 2535 ตั้งแต่เริ่มทำงานมาใหม่ๆ ผมคิดว่ามันมีประโยชน์ ถ้าเรารู้จักใช้มัน ให้ความสะดวกสบาย ผมเอาใว้ใช้ในเวลาจำเป็นไม่ได้ใช้ปกติทั่วๆไปแบบทุกวัน เช่นใช้เวลาฉุกเฉินไปหาหมอ หรือใช้ซื้อของบางอย่างผ่านบัตร ราคาจะถูกกว่าเงินสด ประมาณนั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องประเมินความสามารถในการจ่ายของตัวเราให้ถูก ด้วย อย่าไปใช้ให้เกินกำลัง ใช้ให้พอดี พูดไปแล้วก็กลับมาที่พอเพียงอีกนั่นแหละ 555555

ผมดูโฆษณาเรื่องการขอกู้เงินไม่ว่าจะเป็นรถแลกเงิน บัตรกดเงินสด อะไรทำนองเนี่ย บอกตรงๆว่ารู้สึกรำคาญเหมือนป้าแมว(ขอนุญาตเรียกแบบนี้นะ) โฆษณาเหมือนแจกเงินฟรีส่งเสริมให้คนเป็นหนี้เป็นสิน ได้อะไรมาง่ายๆโดยไม่สนใจภาระผูกพันที่จะเกิดขึ้นในอนาคต (คงมองว่าแล้วค่อยมาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามั๊ง) ตัวผมเองก็โดนสถาบันการเงินหลายแห่งโทรมาจิกขอให้ใช้สินเชื่อ ทั้งๆที่บอกว่าผมไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน เค้ายังอุตส่าห์แนะนำว่าพี่ฝากเงินแล้วสามารถกู้เงินโดยเอาเงินฝากของพี่ค้ำ เสียส่วนต่างดอกเบี้ยไม่มากแถมให้วงเงินกู้สูง ดูเอาแล้วกัน ผมเลยถามไปว่าผมฝากได้ดอกเบี้ยนิดเดียว แต่กู้โดนดอกเบี้ยโครตโหดแล้วผมไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินแล้วจะกู้ไปทำแป๊ะอะไร

ส่วนเรื่องบัตรเครดิตดีหรือไม่ ผมมีบัตรใบแรกเมื่อปี 31 (ตอนนั้นเป็นผู้จัดการแผนกยังขอยากมาก ) จนถึงเดี๋ยวนี้ ผมไม่เคยมีปัญหากับเรื่องการใช้จ่ายผ่านบัตร ผมเห็นว่าอยู่ที่วุฒิภาวะของผู้ใช้ หากไร้วุฒิภาวะตามใจตัวเองมากกว่าสถานภาพเงินในกระเป๋าหรือบริโภคเกินตัว คนประเภทนี้ก็ไม่ควรจะมีเพราะเป็นการส่งเสริมการบริโภคเกินจำเป็นและสุดท้ายก็หนีไม่พ้นวังวนของหนี้สิน แต่หากคนใช้บัตรมีวุฒิภาวะการใช้มีวิจารณญาณ บัตรก็จะมีคุณมากกว่าโทษ อย่างผมไม่เคยกดเงินสดจากบัตร ไม่เป็นเป็นหนี้บัตร ใช้บัตรเพื่อความสะดวกที่ไม่ต้องพกพาเงินสด มีส่วนลด สะสมแต้มแลกของ แต่ละเดือนใช้บัตรประมาณ50 % ของรายจ่ายประจำ แต่ใช้เพียง 5 % ของรายได้ประจำ เลยไม่มีหนี้สิน ผมคิดว่าผมได้กำไรจากส่วนต่างของมูลค่าการบริโภค คนที่ติดลบ..ส่วนใหญ่คือคนที่ใช้แล้วต้องเสียดอกให้กับบัตรนั่นแหละ..

แสวงหาชีวิตที่สงบ..หลบลี้หนีความวุ่นวาย

ใช้แล้วค่ะพี่ตั้ม ทุกอย่างมีหลายมุมมองเสมอ อยู่ที่วุฒิภาวะของคนที่ใช้บัตรนั่นแหล่ะค่ะ การนำเงินของอนาคตมาใ้ช้ก่อน จะต้องมีวินัยเรื่องการควบคุมการใช้จ่ายให้มากกว่าปกติ  บัตรเครดิตนั้นในยามฉุกเฉินเราสามารถเอามาใช้ได้  โดยที่ไม่ต้องไปง้อขอความช่วยเหลือจากใครให้เป็นหนี้บุญคุณ  แต่อย่าลืมว่า.. ของฟรีไม่มีในโลก ต้องใช้คืนเขาและต้องมีวินัยการในการชำระเงิน เอามาใช้ก่อนเท่าไหรก็จ่ายคืนไปให้หมด อย่าให้กลายเป็นดินพอกหางหมู.. เพราะนั่นคือเรากำลังหลงเข้าไปวงจรค้าเงิน ค้าดอกเบี้ยของพวกนายทุน...ทันที..

.................

นึกถึงประชาชนคนไทย แล้วสงสาร บางรู้ไม่เท่าทันบัตรเครดิต โดยเฉพาะพวก Non Bank ซึ่งถ้าผิดนัดชำระแล้วดอกเบี้ยมหาโหด และพวกนี้เป็นทุนต่างชาติทั้งนั้น มาขูดเลือดขูดเนื้อคนไทยอยู่  ผมก็ไปห้ามไม่ให้คนอื่นทำบัตรไม่ได้นะครับ ทำได้ก็บอกกับตนเองและคนรอบข้าง ใช้แต่พอประมาณ ..... อย่าให้เป็นภาระกับครอบครัว ครับ

ใช้แล้วมีส่วนลด  ,  สะสมแต้มเพื่อแลกของหรือ โอนเงินให้มูลนิธิ

ใช้กับอะไร

1. เติมน้ำมัน  ได้ส่วนลด 1-2 %

2. ซื้อของเข้าบ้าน บางอย่างเค้าจะลดราคาให้ค่ะ  ( แต่ก่อนไปซื้อจะดูว่าร้านค้าส่งแถวบ้านถูกหรือเปล่า  อันไหนถูกกว่าก็ซื้อเจ้านั้นค่ะ  เพราะทางผ่าน  ทั้งนั้น)

แต่.....

1. กลับมาจะจดคะ   บ้างครั้งก็แบ่งเงินสดใส่ซองไว้รอจ่ายเลย เพราะ

2. พอถึงกำหนด  จะจ่ายครบค่ะ  จ่ายเต็มยอด

ทีนี้....

เราก็ไม่ต้องเสียดอก  สิ้นปี  ก็เอาแต้ม(ผลพลอยได)  ไปแลกเงินโอนเข้ามูลนิธิ  หรือแลกของที่อยากได้

ปีไหนธนาคาร ให้เสีย  ก็ขอยกเลิกบัตรเลยค่ะ  ไม่เสียหรอก ^^

ฉันจะปลูก ผัก ให้ลูกทาน

เหมือนกันเลยค่ะ :admire2:

พวกบัตรเครดิตอย่างหวังว่าจะได้ดอกเบี้ยจากเรา ไม่ได้เค็มไม่ได้งกนะ แต่ใช้เงินเป็นตะหาก อิอิ  :uhuhuh:

.................

เป็นอีกคนคะที่ยังตัดปัจจัยข้อนี้ไม่ได้สักที เหนื่อยเหมือนกันคะพยายามจะหลุดให้ได้คะขอบคุณทุกความคิดเห็น มีประโยชน์มากๆ

สำหรับผมไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยครับ...555..แบบว่าบ้านนอกสุด ๆ จะมีก็ ATM ไว้ใช้ในเวลาจำเป็นต้องเขาไปในเมืองบ้างนาน ๆ ครั้ง และเอาไว้สำหรับโอนเงินจ่ายค่ารูปเดือนละ 2 ครั้งแค่นั้นครับส่วนมากๆไม่ค่อยได้ใช้นาน ๆ จะมีสักครั้ง  เลยไม่ค่อยรู้เรื่องกับเขานะป้า ได้แต่นั้งมองอย่างคนไม่ได้คิดที่จะไปกู้หรือสมัครบัตรอะไรพวกนี้นะครับ...ถ้าเรารู้จักการประมาณตน  รู้รับรู้จ่ายในชีวิตประจำวันโดยทำบัญชีครัวเรือนเพื่อควบคุมรายรับ-รายจ่ายของตัวเองรับรองว่าโอกาสที่จะได้ใช้บัตรจำพวกนี้แทบไม่มีเลยครับป้า....อยู่สบาย ๆ ปลูกผัก ไม่ต้องซื้อ สุขภาพร่างกายดีครับป้า...5555

 

วันก่อนป้าเล็กไปทำสัญญากู้เงิน  เพื่อนอยู่ธนาคาร    เช็คเครดิตร  พอกระดาษปริีนท์มาให้เซ็น  เขาพูดว่า  เอ้าไม่มีบัตรเครดิตรเลย  ก็ว่า  อือ..ไม่เคยทำ  ไม่ได้ใช้    เชยเนาะ..แล้วก็หัวเราะกัน  แต่จริงๆก็คือไม่ทำค่ะ   ไม่ต้องใช้หรอก  ซื้อปลาซื้อข้าวสาร  ไม่ต้องไปย่นบัตรหรอก  แม่ค้าไม่มีที่ให้รูด    เติมน้ำมัน  ครั้งละ 1000.-  ก็ยื่นแบ็งค์พัน  เดือนหนึ่งก็แค่2ครั้ง

บัตรเกรดิต ผมเคยมีกับเข้าด้วยแหละ แค่ไปเปิดบัญชีกับธนาคาร แล้วกรอกไปว่าเงินเดือนเท่าไหร่
ไม่นานก็มีเอกสารเกี่ยวกับบัตรเกรดิตมาให้กรอก แล้วก็มีบัตรเกรดิตมาให้ใช้ ก็ใช้บ้างแต่จะดูเงินในบัญชีก่อนว่ามีเท่าไหร่ แล้วจะใช้เท่าไหร่ เพราะผมไม่ให้ธนาคารได้ดอกเบี้ยผมหรอก ผมจ่ายก่อนธนาคารคิดดอก

ปัญหาในการมีบัตรเกรดิตที่น่าเบื่ออีกอย่างคือ พวกประกันชีวิตชอบโทรมาชวนทำประกันชีวิต ไม่รู้ธนาคารเขาส่งข้อมูลกับพวกนี้ยังไง

แต่ตอนนี้บัตรเกรดิตไม่มีครับเลิกใช้ไปนานแล้ว มีแต่บัตร ATM ที่ธนาคารยัดเยียดให้เป็นบัตรเดบิต

หน้า