ป๊า(พ่อ) สอนผมด้วยรองเท้า

หมวดหมู่ของบล็อก: 
บทความจาก fw.mail อ่านแล้ว fw.ให้ลูก(และคงต้องหาโอกาสคุยกันด้วย) ส่งให้เพื่อนๆ และอยากให้หลายคนได้อ่าน เผื่อส่งให้ลูกๆและคนรู้จักได้อ่าน

 

ป๊าสอนผม ด้วยรองเท้า  
โดย นิ้วกลม  

ในเวลาที่เราตื่น ...   " เท้า" มักจะแตะต้องพื้นอยู่ตลอดเวลา เพราะเหตุนั้น เราจึงต้องมีสิ่งของมารองใต้เท้าเพื่อป้องกันเท้าของเราจากแบคทีเรีย และสิ่งที่มีไว้รองใต้เท้าก็มีชื่อสมกับหน้าที่ของมัน นั่นคือ " รองเท้า"

เท้าของคนเรามีแค่สองข้าง แต่มิใช่ว่าจะมีรองเท้าแค่สองข้างเสมอไป บ้างมีสี่ มีหก มีแปด และบางคนมีรองเท้าเป็นร้อยๆข้าง !
ครับ-คน ไม่ใช่กิ้งกือที่มีร้อยขา แต่ก็มีคนที่มีรองเท้าเป็นร้อยคู่อยู่บนโลกจริงๆ มิเพียงแค่ร้อยคู่เท่านั้น แต่ละคู่ก็มิใช่ถูกๆ คู่ละสามพัน-สี่พัน เลยกันไปจนถึงเรือนหมื่น

ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยอยากได้รองเท้าราคาแพง สมัยที่ดารานักร้องเขาใส่รองเท้าหุ้มข้อหนาๆ เลยตาตุ่มขึ้นมาห่มแข้ง ผมก็อยากมีไว้สักคู่ จะได้ไม่น้อยหน้าเพื่อน

ผม ลากคุณพ่อที่ผมเรียกว่า " ป๊า " ไปที่ร้านรองเท้า ทำตาเศร้าอ้อนวอน เหมือนแมวหิวอาหาร ป๊าบอกกับผมว่ามันแพงเกินไป ผมเหลือบไปมองราคา   อืม...ก็ จริงของป๊า รองเท้าคู่ละสี่พันกว่าบาท ก็น่าจะเรียกได้ว่าแพง แต่ทำไงได้ ก็มันอยาก ป๊าพาผมกลับบ้านมือเปล่า จะว่าไปก็ไม่เปล่าเสียทีเดียว เพราะผมหอบหิ้วความผิดหวังกลับมาแทนรองเท้าคู่เท่คู่นั้นด้วย   หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ ป๊าคงเห็นผมไม่ค่อยกินข้าวกินปลา ป๊าจึงพาผมไปซื้อรองเท้าที่คลองถม ตอนนั้นจะมีบางร้านนำรองเท้ามีตำหนิจากโรงงานมาขายลดราคา แน่นอน ในกระบะลดราคาที่กองๆกันอยู่นั้น มีรองเท้าดีไซน์เท่ที่ผมอยากได้อยู่ด้วย

ผมภูมิใจกับร้องเท้าหุ้มสุดเท่คู่นั้นได้ไม่นาน เทรนด์ใหม่ก็โหมเข้ามา พาเทรนด์เก่าหายไปราวกับคลื่นในทะเล ~

ผมเริ่มหันไปมองสิ่งของต่างๆ ที่ผมซื้อมาในราคาแพงหูฉี่ ทั้งกางเกงยีนส์ตัวละสามพัน   เสื้อยืดแบรนด์เนมจากอเมริกา นาฬิกาเฉียดหมื่น รวมถึงรองเท้าหุ้มข้อคู่นั้นด้วยแล้ว ผมก็เห็นว่า เมื่อเวลาผ่านไป มันไม่สวยเหมือนที่เคยเป็น ความงามของมันเป็นไปตามยุคสมัย มาไวไปไว พอเพื่อนไม่ฮิต มันก็ดูเก่า เชย และไม่น่าใส่อีกต่อไป
แฟชั่นอายุสั้น   ความธรรมดาอายุยืน

ผมเริ่มหันไปมองรองเท้าธรรมดาๆ ที่ป๊าสวม กางเกงยีนส์ราคาถูกที่ป๊าใส่ และเสื้อยืดที่ได้แถมฟรีมาจากสินค้ายี่ห้อต่างๆ ป๊าใส่มัน โดยไม่คิดถึงความงาม ไม่เคยคิดว่ามันจะตามแฟชั่นทันหรือไม่ มันจะเชยในสายตาคนอื่นหรือเปล่า ป๊าใส่มันตามหน้าที่ที่มันควรจะเป็น เสื้อมีไว้ห่มคลุมร่างกาย กางเกงมีไว้ปกปิดช่วงล่าง และรองเท้า มีไว้ป้องกันแบคทีเรียที่คืบคลานอยู่ตามพื้น  

ป๊าซื้อกางเกงให้ผมตัวละสามพัน ขณะที่ตัวเองพยายามต่อราคากางเกงยีนส์ตัวละเก้าสิบเก้าบาท ให้มันเหลือเก้าสิบบาทจนคอแห้ง รองเท้าของป๊านั้น คู่หนึ่งไม่เคยเกินหนึ่งร้อยห้าสิบบาท... ป๊าสวมใส่เสื้อผ้าราคาถูก เพื่อให้ลูกได้ใส่เสื้อผ้าราคาแพง

ถึงทุกวันนี้ ผมลองหันมามองแฟชั่นที่ป๊าสวมใส่ มันไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย เมื่อเทียบกับสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ผมต่างหาก ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าไปตามยุคสมัย และใช้งานพวกมันในเวลาอันสั้นเหลือเกิน

คนที่เชยกลับเป็นผม ไม่ใช่ป๊า!   คนตามแฟชั่นนั้นแหละเชย คนที่มีสไตล์เป็นของตัวเองไม่เคยตกยุค!

ความงาม คือความพอ
ความพอ คือความสุขใจที่ไม่ต้องการทะเยอทะยานอยากมีในสิ่งที่ต้องตะเกียกตะกายไขว่คว้า
ความพอ คือความสมดุล เหมือนตัว "
พ.พาน " ที่มีรูปร่างสมดุล และสมบูรณ์แบบไม่ขาดไม่เกิน
ต่างจากตัว "
ฟ.ฟัน " หรือ " ฟ.ฟุ่มเฟือย "   ที่ยืดหางยาวขึ้นไปเพื่อจะไขว่คว้าอะไรบางอย่าง ซึ่งชวนให้เหน็ดเหนื่อยล้าไม่มีที่สิ้นสุด


และสิ่งสำคัญที่ทำให้รองเท้าป๊า สวยกว่ารองเท้าคู่ไหนๆในโลก เพราะรองเท้าของป๊านั้น เป็นรองเท้าที่หยุดความต้องการของตัวเอง เพื่อที่จะแบ่งปันความสุขให้กับรองเท้าของลูก

ทุกวันนี้ ผมจึงใส่รองเท้าราคาไม่แพง และเดินจูงมือพาป๊าไปกินสุกี้ หรืออาหารจีนที่ป๊าชอบอยู่บ่อยๆ ใครจะมองว่ารองเท้าของเราสองคนเชยหรือไม่สวย ก็ช่างเขาประไร
ยังไงเราก็รู้สึกว่า ..... มันเป็นรองเท้าที่เราใส่แล้วมีความสุข และป้องกันเท้าจากแบคทีเรีย !

ความเห็น

บทความนี้ให้ข้อคิดและเตือนสติได้ดีมากๆครับพี่ตั๊ม

ขอบคุณครับ

"ของใช้ ไม่ใช้ของโชว์"

ซื้อแบบถูก ๆ ใส่แล้วเดินสบายจะดีกว่า     ที่บ้านซื้อรองเท้าบ่อย  เพราะสมุนชอบงาบไปกัดเล่น   :uhuhuh:  

ขอบคุณมากครับสำหรับบทความที่ดีๆครับ



ความสุขมันอยู่ที่ใจ แค่มีใช้ให้เหมาะสมตามกาลเทศะ ก็ดีมากแล้วค่ะ 

ตอนเด็ก มีชุดนักเรียนแค่ชุดเดียว(บางทีได้รับมรดกมาจากพี่..ด้วยซ้ำ) ใส่มันทั้งสัปดาห์ ไม่มีชุดวอล์ม ไม่มีชุดเนตรนารี ให้เปลี่ยนหรอก เรื่องรองเท้า เรื่องความสะอาดไม่ต้องพูดถึง

ทุกวันนี้ เสื้อผ้าก็ไม่ค่อยซื้อใหม่ ใส่ซ้ำๆยังไม่ค่อยขาดให้ซ่อมเลย จะตามสมัยไปทำไมให้มันเหนื่อย แต่ละบ้านมีเสื้อผ้าที่เลิกใส่แล้วเยอะแยะ ต้องซื้อตู้มาใส่เพิ่ม ต้องเปลืองตังค์เพิ่มโดยใช่เหตุ..หรือว่า ความสุขของเขาก็ไม่รู้นะ

ลูกๆก็ไม่ค่อยให้ซื้อค่ะ ลูกคนโตก็ไม่ชอบซื้อเค้าบอกว่าไม่ค่อยได้ใส่ ใส่แต่ชุดนักศึกษาไปเรียน ซื้อมาก็เปลืองตังค์ อีกหน่อยก็หมดสมัย

ขอบคุณนะค่ะ พี่ตั้ม

Laughingทำวันนี้ให้ดีที่สุด เวลาชีวิตน้อยลงทุกวัน

เลยอาแปะ เพราะปกติก็ไม่ชอบวิ่งตามแฟชั่น วิ่งตามเทคโนโลยี่ หรือวิ่งตามกระแส  ถ้าเราคิดได้ รู้เท่าทันความเป็นไป เราก็จะไม่เป็นทาสพวกนี้มากนัก ตามความอยากของเรา

ขอบคุณเรื่องราวดีๆค่ะ พี่ตั้ม

พอเพียง และ เพียงพอ บ้านไร่จันทร์เจ้า 

ขอบคุณครับ...ได้ข้อคิดดีๆมากเลยครับ...

         ผมก็เคยเป็น...คนรสนิยมสูง แต่รายได้ต่ำ...

แต่ตอนนี้เลิกเป็นแล้วครับ...555

"จะปลูกทุกอย่างที่กิน จะกินทุกอย่างที่ปลูก"

ก็ชอบอยู่เหมือนกัน แบรนด์เนม แต่ดูไว้ ไม่ซื้อ..พอมันลดราคาลงมาเกินครึ่ง เราก็ไปซื้อ 3 ตัว แถม 1 ตัว (พอไปดูราคาเดิม 3 ตัวราคาเท่าถับ 1 ตัว) ไม่โง่กะมันหรอก อิอิ

นู๋หวึ่ง ก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบอะไรแบบติด แบรนด์มากๆๆ ยอมรับค่ะ แต่มาคิดดูแล้ว จริงอย่างที่แปะพูด ประหยัด ไว้ดีกว่า เผื่อวันหน้าเราไม่รู้ว่าอะไร จะเกิดขึ้นกับเรา จริงไหมแปะ ขอบคุณแปะที่เอาข้อมูลดีๆๆมาให้อ่าน ช่วยเตือนสติ

ชีวิตไม่ได้เกิดมา เพื่อยอมแพ้

เรื่องของแพง หรือมียี่ห้อ ส่วนใหญ่ถ้าจะซื้อก็จะซื้อตอนมันลดราคา เพราะถ้าไม่ลดสู้ไม่ไหว


แต่ช่วงนี้ก็พยายามผ่อนๆ ลงมาได้เยอะเหมือนกันค่ะ  

there is a will , there is a way .

หน้า